ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ได้รับทุกข์เพราะบาปกรรม : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=75&t=52993 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | Hanako [ 08 ส.ค. 2016, 09:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | ได้รับทุกข์เพราะบาปกรรม : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ |
![]() หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ดังนั้นขอให้พากันตื่นตัวกันเรื่องกรรมชั่วเนี่ย เพราะอาศัยคนเราทำกรรมชั่วใส่ตัวไว้นี้แหละ มันจึงไม่สามารถจะหลุดพ้นจากทุกข์ในวัฏสงสารอันนี้ไปได้ ขอให้เข้าใจ ไม่ใช่อย่างอื่นนะทำให้คนเราได้รับทุกข์ทนทรมานอยู่ในโลกอันนี้ บาปกรรมทั้งนั้นเลย ถ้าส่วนใดเป็นบุญกุศลแล้ว มันก็อำนวยผลให้เป็นสุขเรื่องมันน่ะ ในเวลาใดบุญให้ผลอย่างนี้ อ้าวมีสุขภาพของร่างกายก็สมบูรณ์ กินก็ได้ นอนก็หลับ ทำการงานอะไรก็คล่องแคล่วดี อย่างนี้แหละ ทั้งมีสติมีปัญญาอีกด้วย มันเป็นอย่างนั้น แล้วก็ทำการทำงานอะไรก็ชอบแต่จะได้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย เช่นทำนาทำสวนทำการค้าการขาย ทำงานการก่อสร้าง อะไรต่ออะไรก็ย่อมได้รับผลเป็นที่น่าพอใจ นั่นเรียกว่า บุญกุศลมันอำนวยผลให้นะ มันเป็นอย่างนั้น ถ้าตรงกันข้ามกันอย่างว่านั้น ถ้าบาปมันให้ผลแล้วทำอะไรลงไปก็มีแต่ความวิบัติ มีแต่เรื่องก่อทุกข์ให้อยู่อย่างนั้น อ้าวบางคนก็อาจจะสงสัยว่า ที่แสดงว่าหมดบุญแล้วก็ตายนั่นน่ะ ทำไมเมื่อหมดบุญแล้วบาปให้ผลจึงไม่ตาย เอ้าบาปมันให้ผลน่ะมันยังไม่ให้ตายก่อน หมายความว่าอย่างนั้น บุญนั้นหมดจริงแต่เมื่อบาปที่ตนทำมามันให้ผลสืบต่อมันก็ให้ยังมีชีวิตเป็นไปอยู่ แต่มีชีวิตเป็นไปด้วยความยากความลำบาก ความเดือดร้อน เหมือนอย่างในตำราท่านแสดงไว้นั้นว่าสัตว์นรกนั่นน่ะ เมื่อตกนรกไปแล้วมันน้ำร้อนลวกไฟเผา ร้อนมาก เจ็บปวดทุกขเวทนามากก็ตะเกียกตะกายขึ้นจากนรกมา เอ้านายนิยบาลมาจับซัดลงไปในนรก น้ำร้อนลวกไฟเผาตายลงไป พอตายลงไปแล้วกรรมยังไม่สิ้นก็เกิดขึ้นมาอีก เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอีก ได้รับทุกข์ทนทรมานตะเกียกตะกายขึ้นจากนรกมา อ้าวนายนิยบาลมาจับซัดลงไปอีก อยู่อย่างนั้น ได้รับทุกข์ทนทรมานอยู่อย่างนั้น จะตายไปซะจริงๆมันก็ไม่ตายบาดนิ เพราะบาปกรรมมันยังไม่หมด บาปกรรมมันก็ตกแต่งให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาใหม่ ให้ได้เสวยทุกข์ทนทรมานไปอยู่อย่างนั้นแหละ อันนี้ฉันใดคนที่มีบาปกรรมติดตามมา แล้วบุญก็มีอย่างนี้นะ บุญมาตกแต่งให้เกิดเป็นคนมาบาดนิ ได้มีความสุขความสบายมาตามกำลังของบุญที่มันอำนวยผลให้นั้น เอ้าพอบุญนั้นมันหมดลงบาดนิ บาปมันตามสะกดรอยมานั่นมันก็ให้ผลสืบต่อ ชีวิตของผู้นั้นก็อับเฉาลงไป จะตายก็ไม่ตาย ได้รับทุกข์ทนทรมานอยู่อย่างนั้น อันนี้มันเห็นประจักษ์กันอยู่ในโลกนี้ ไม่ใช่พูดถึงในโลกอื่นอะไรหรอก ก็ปรากฏอยู่ในโลกนี้มันมีจริงๆนี่คนเรา บางคนก็ได้รับทุกข์ทนทรมานไปโดยลำดับ เช่น เป็นโรคอัมพาตอย่างนี้นะมันทรมานขนาดไหน เป็นวัณโรคหมู่นี้นะ เป็นมะเร็งหมู่นี้นะ นั่นแหละเรียกว่าคนในยุคในสมัยนี้บาปกรรมมีมากนะ เกิดมาแล้วบาปกรรมอันนั้นจึงมาสร้างโรคภัยอันร้ายแรงให้เกิดมีขึ้นในร่างกายของคนเรานี่ รักษาอย่างไรก็ไม่หาย มันจะหายได้อย่างไรล่ะโรคกรรมโรคเวรน่ะ ผู้ใดเห็นเข้าไปแล้วก็ควรที่จะน้อมเข้ามาสอนใจของตนเอง สอนใจตนให้รู้ว่า บุคคลผู้ได้รับทุกข์ทนทรมานเช่นนั้นนะก็เพราะโทษที่เบียดเบียนบุคคลอื่นและสัตว์อื่นให้เขาได้รับทุกข์ทนทรมานไปจนกว่าจะตาย บาปกรรมอันนั้นแหละมันติดสอยห้อยตามมา เมื่อมันได้โอกาสเวลาใด มันก็ให้ผลเวลานั้น ![]() ![]() ส่วนหนึ่งจากพระธรรมทเศนาหัวข้อ “ผู้เกียจคร้านย่อมอยู่เป็นทุกข์” ◇◆ ประวัติ ปฏิปทาและคำสอน “หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ” ◆◇ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=43689 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |