ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ภูมิพระพุทธเจ้ากับภูมิพระสาวก : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=75&t=52729 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | Hanako [ 07 ก.พ. 2016, 09:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | ภูมิพระพุทธเจ้ากับภูมิพระสาวก : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ |
![]() หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย เพราะฉะนั้นน่ะเรามาลองคำนึงทบทวนดู ถึงประวัติความเป็นมาของพระพุทธเจ้าก็พอรู้ได้ จะเป็นพระพุทธเจ้าก็ตาม ไม่ได้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ตาม อันบุคคลจะพ้นทุกข์ได้นั้นต้องสร้างบุญบารมีให้เต็มตามภูมิของตน ผู้เป็น “ภูมิสาวก” อย่างนี้ก็สร้างบุญบารมีไป ในตำราท่านกล่าวว่าแสนกัปก็เต็มบริบูรณ์ จึงสามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้ พ้นทุกข์ไปได้ ถ้าเป็น “พระพุทธเจ้า" ก็มีอยู่สามจำพวก คือ “ปัญญาธิกะ” พวกหนึ่ง อันนี้สร้างบารมีสี่อสงไขยปลายแสนมหากัป ได้แก่ พระพุทธเจ้าของเรานี้แหละ..ก็เต็ม เป็น “ศรัทธาธิกะ” มีศรัทธาเป็นกำลังใหญ่ให้สร้างบุญบารมี อันนี้ต้องสร้างอยู่นานแปดอสงไขยปลายแสนมหากัปจึงค่อยเต็ม “วิริยาธิกะ” ถือเอาความเพียรเป็นใหญ่การสร้างบารมี ทำอะไรก็ทำให้ละเอียดลออทำให้ดีให้งาม สอนคนก็พยายามสอนไปอยู่อย่างนั้นแหละ เอาความอดความทนเข้าใส่ ความพากเพียร ทำใจดีสู้ไป ประเภทนี้นั้นสร้างบารมีนานกว่าเพื่อนเลย ตั้งสิบหกอสงไขยปลายแสนมหากัปจึงค่อยเต็มบริบูรณ์ เช่น พระศรีอาริยเมตไตรย ที่จะมาตรัสรู้ในกาลข้างหน้านี้ ในตำราท่านกล่าวว่าต้องสร้างบารมีมาถึงสิบหกอสงไขยปลายแสนมหากัป เพราะว่าท่านอยู่ในจำพวกวิริยาธิกะ มีความเพียรเป็นใหญ่ นี่ต้องสร้างบารมีให้เต็มบาดนิพระสาวกน่ะ สร้างบุญบารมีตามพระพุทธเจ้ามา การทำความดีก็ไม่เท่าเทียมพระโพธิสัตว์ ก็หย่อนกว่าพระโพธิสัตว์ เช่น ยกตัวอย่างว่าพระโพธิสัตว์ พระพุทธเจ้าเรานี้ครั้งเป็น “พระเวสสันดร” พระองค์สละของรักของชอบใจห้าอย่างให้เป็นทานได้เลย สละลูกสละเมีย สละช้างพระที่นั่ง ม้าพระที่นั่ง ราชรถ และเงินทองข้าวของ อันเป็นส่วนพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ก็สละให้ทานแก่ยาจกคนขอ เสร็จแล้วก็เข้าไปบวชเป็นฤาษีอยู่ในป่าหิมพานต์เขาวงกต ซึ่งคนธรรมดาสามัญทำไม่ได้เลย อย่างนี้นะ เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้านี้จึงมีภูมิใหญ่ ภูมิกว้างขวาง มีความรู้กว้างขวาง มีญาณหยั่งรู้อัธยาศัยใจคอ ของมนุษย์และเทวดาอินทร์พรหมทั้งหลาย ส่วนพระสาวกรู้ไม่ได้ เพราะว่าภูมิแคบ..ต่างกันอย่างนี้ นี่ที่ยกมาแสดงให้ฟังนี้น่ะ เพื่อให้ผู้ฟังได้เชื่อมั่นในบุญในกุศลความดี ที่เราทำด้วยกายวาจาใจ อันนี้จะทำให้เราพ้นทุกข์ไปได้ โดยลำดับจนถึงพระนิพพาน ![]() ![]() ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ “ให้เชื่อกรรมและผลของกรรม” :: ประวัติ ปฏิปทาและคำสอน “หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=43689 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |