ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ความรักที่ยิ่งใหญ่ของพ่อ : พระเจ้าพิมพิสาร http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=46223 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | Hanako [ 30 ส.ค. 2013, 14:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | ความรักที่ยิ่งใหญ่ของพ่อ : พระเจ้าพิมพิสาร |
![]() ![]() พระเจ้าพิมพิสารกับพระเจ้าอชาตศัตรู ในช่วงพรรษาที่ ๑๗ พระพุทธองค์ทรงเสด็จมาประทับที่พระเวฬุวันวิหาร กรุงราชคฤห์ อันเป็นพระอารามแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ซึ่งถวายไว้โดยพระเจ้าพิมพิสารนั้นเอง เป็นช่วงที่เกิดเหตุการณ์นำไปสู่ปิตุฆาตของพระเจ้าอชาตศัตรู ![]() พระเจ้าพิมพิสารทรงถวายเวฬุวันวิหาร ซึ่งเป็นวัดแห่งแรกในพระศาสนาแด่พระพุทธเจ้า ![]() ในระหว่างนี้ ฝ่ายพระเทวทัตได้ยุยงเจ้าชายอชาตศัตรูผู้เป็นพระโอรสของพระเจ้าพิมพิสาร ให้รีบหาทางครองราชย์เสียแต่บัดนี้ โดยถวายการยุยงเนืองๆ เป็นทำนองว่า เพราะปัจจุบันคนเราอายุสั้น เจ้าชายอชาตศัตรูอาจสิ้นพระชนม์ก่อนจะได้ขึ้นครองราชสมบัติก็เป็นได้ จึงควรที่เจ้าชายจักปลงพระชนม์ชีพของสมเด็จพระบิดา คือ พระเจ้าพิมพิสารนั้น แล้วขึ้นครองราชย์เสียเอง แล้วพระเทวทัตก็คิดวางแผนจะปลงพระชนม์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าในอีกทางหนึ่ง โดยปรารถนาจะปกครองหมู่พระสงฆ์ เป็นสังฆราชา ![]() พระเทวทัตแสดงฤทธิ์ เพื่อโน้มน้าวศรัทธาของเจ้าชายอชาตศัตรู ด้วยเหตุว่า เจ้าชายอชาตศัตรูนั้น แม้จะหลงเชื่อคำทูลยุยงของพระเทวทัตมากเพียงใด แต่ความหวาดกลัวในพระราชบิดาก็มีมากอยู่ จึงทรงประหวั่นพระทัยเมื่อคิดจะทำการใดๆ ในที่สุดก็ทรงส่อพิรุธว่าจะคิดทำการปลงพระชนม์พระเจ้าพิมพิสาร เมื่อการณ์เป็นเช่นนี้ พระเจ้าพิมพิสารทรงทราบความประสงค์ของเจ้าชายอชาตศัตรู ผู้เป็นพระโอรส ว่าต้องการจะครองราชสมบัติ ก็ทรงสละให้เจ้าชายโดยเต็มพระทัย จะทรงพิโรธหรือโกรธแค้นต่อเจ้าชายที่คิดลอบปลงพระชนม์พระองค์นั้นก็ไม่มีเลย ![]() ![]() หลังจากเจ้าชายอชาตศัตรูได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าอชาตศัตรูแล้ว แต่พระเทวทัตก็ยังคงทูลยุยงว่า การที่พระเจ้าอชาตศัตรูปล่อยให้พระเจ้าพิมพิสาร ยังคงมีชีวิตอยู่นั้น จะเป็นภัยแก่ราชสมบัติได้ในอนาคต ควรจะปลงพระชนม์เสีย พระเจ้าอชาตศัตรูไม่ได้ประหารพระบิดาด้วยอาวุธในทันที หากทรงส่งพระบิดา ไปคุมขังไว้ในห้องขัง รมด้วยควันไฟ อีกทั้งให้อดพระกระยาหาร ในเบื้องต้นพระเจ้าอชาตศัตรูอนุญาตให้พระมารดาเข้าเยี่ยมพระบิดาได้ แต่พระมารดาแอบลักลอบถวายพระกระยาหารแด่พระบิดา คือ พระเจ้าพิมพิสาร ด้วยวิธีการต่างๆนานาล้วนแต่น่าสังเวชสลดใจทั้งสิ้น เช่น ทำอาหารให้ละเอียดที่สุดแล้วทาที่พระวรกายของพระนาง เมื่อเข้าไปเยี่ยม ก็ถวายพระกระยาหารโดยให้พระเจ้าพิมพิสารเลียอาหารจากพระวรกาย เป็นต้น ด้วยวิธีการต่างๆ เหล่านี้ พระเจ้าพิมพิสาร ก็ยังคงทรงพระชนม์ชีพได้ ในเวลาถัดมา พระเจ้าอชาตศัตรูก็สั่งพระมารดาไม่ให้เยี่ยมพระบิดาอีกต่อไป พระเจ้าพิมพิสาร ซึ่งทรงเป็นพระโสดาบันบุคคล ก็ยังคงดำรงพระชนม์ชีพได้ด้วยปีติสุขอันเป็นความสุขประกอบด้วยมรรคผลจากการเดินจงกรม อีกทั้งพระองค์ยังสามารถมองเห็นพระคันธกุฎีที่พระพุทธองค์ทรงประทับบนยอดเขาคิชชกูฎ พระเจ้าพิมพิสารจึงยังคงอยู่ได้แม้ไม่ได้เสวยพระกระยาหาร อีกทั้งปีติสุขยังทำให้พระวรกายกระปรี้กระเปร่า เปล่งปลั่งอีกด้วย เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูทรงทราบเรื่อง จึงรับสั่งให้ช่างตัดผม เอามีดโกนกรีดฝ่าพระบาททั้งสองข้างของพระเจ้าพิมพิสารเอาน้ำมันผสมเกลือทา แล้วย่างด้วยถ่านไม้ตะเคียนที่กำลังคุแดงอีกต่อหนึ่ง พระเจ้าพิมพิสารทรงเกิดทุกขเวทนาอย่างแรงกล้าไม่นานนักก็สวรรคต ในวันที่พระเจ้าพิมพิสารสวรรคต พระโอรสของพระเจ้าอชาตศัตรูก็ประสูติพอดี เมื่อได้ทรงทราบข่าวการประสูติของพระโอรสจากอำมาตย์ พระเจ้าอชาตศัตรูทรงบังเกิดความรักพระโอรสอย่างลึกซึ้ง ทั้งทรงตระหนักในพระทัยว่า พระราชบิดาของพระองค์ ก็ทรงมีความรักต่อพระองค์ไม่แตกต่างกับที่พระองค์ทรงมีต่อพระโอรส พระเจ้าอชาศัตรูทรงสำนึกในทันทีว่า พระองค์ได้ทำความผิดอย่างใหญ่หลวง จึงมีรับสั่งให้ปล่อยพระราชบิดา แต่อำมาตย์ได้ถวายรายงานว่า พระเจ้าพิมพิสารสวรรคต เสียแล้ว ข่าวนี้ทำให้พระเจ้าอชาตศัตรูทรงทุกข์โทมนัสอย่างสุดซึ้ง เมื่อทรงทราบความเป็นไปดังนั้น พระเจ้าอชาตศัตรูทรงกันแสง เสด็จไปเฝ้าพระมารดา ทูลว่า “ข้าแต่เสด็จแม่ เมื่อหม่อมฉันเกิด พระบิดาของหม่อมฉันเกิดความรักหม่อมฉันหรือไม่ ?” พระนางเวเทหิ ผู้เป็นพระมารดามีรับสั่งว่า “เจ้าลูกโง่ เจ้าพูดอะไร เวลาที่ลูกยังเล็กอยู่ เกิดเป็นฝีที่นิ้วมือ ครั้งนั้นพวกแม่นมทั้งหลายไม่สามารถทําให้ลูกซึ่งกําลังร้องไห้หยุดร้องได้ จึงพาลูกไปเฝ้าเสด็จพ่อของลูกซึ่งประทับนั่งอยู่ในโรงศาล เสด็จพ่อของลูกได้อมนิ้วมือของลูกจนฝีแตกในพระโอษฐ์นั้นเอง เสด็จพ่อของลูกมิได้เสด็จลุกจากที่ประทับ แต่ทรงกลืนพระบุพโพปนพระโลหิตนั้นด้วยความรักลูก เสด็จพ่อของลูกมีความรักลูกถึงปานนี้” (พระเจ้าพิมพิสารทรงกลืนพระโลหิตของเจ้าชาย ด้วยทรงเกรงพระโอรสจะตกพระทัยเมื่อเห็นพระโลหิต) แม้พระเจ้าอชาตศัตรูจะสำนึกผิดเพียงไร แต่กรรมได้สำเร็จลุล่วงลงไปแล้ว อีกทั้งเป็นอนันตริยกรรม คือ ปิตุฆาต ผลแห่งกรรมนั้นทำให้พระองค์ร้อนพระทัยและหวาดระแวง กลัวต่อกรรมของตัวเองอย่างยิ่ง จนไม่สามารถอยู่เป็นสุขได้ หากแต่ได้พระมหากรุณาของพระพุทธเจ้า โปรดให้พระเจ้าอชาตศัตรูได้ทำมหากุศลต่างๆ ตลอดพระชนม์ชีพ ก็ยังพอช่วยบรรเทาความรุนแรงของวิบากกรรมไปได้บ้าง ถึงกระนั้น ผลแห่งอนันตริยกรรมก็ห้ามมรรคผลใดๆ ![]() ![]() ย้อนหลังไปถึงสมัยที่พระมเหสีของพระเจ้าพิมพิสาร พระมารดาของพระเจ้าอชาตศัตรู คือ พระนางเวเทหิทรงพระครรภ์ พระนางทรงแพ้ท้อง เกิดมีพระอาการอยากเสวยพระโลหิตของพระสวามี ด้วยความรักพระมเหสีและบุตรในครรภ์ พระองค์จึงรองพระโลหิตของพระองค์ไปให้พระมเหสีเสวย (ทรงกรีดเลือดพระองค์เอง) ทางด้านโหราจารย์ทำนายว่า ราชกุมารในครรภ์จะเป็นปิตุฆาต (ฆ่าพ่อ) ด้วยความภักดีในพระสวามี พระนางจึงพยายามทำแท้งแต่ไม่สำเร็จ แต่พระเจ้าพิมพิสารเมื่อทรงทราบก็ห้าม ทั้งนี้ ด้วยน้ำพระทัยแห่งความเป็นบิดา ไม่ทรงเห็นแก่ชีวิตพระองค์เองและราชสมบัติยิ่งไปกว่าชีวิตพระโอรสเลย ซึ่งพระเมตตานี้มีให้แก่พระโอรสนับตั้งแต่พระเจ้าอชาตศัตรูอยู่ในพระครรภ์ด้วยซ้ำ ครั้นพระโอรสประสูติ ทรงขนานพระนามว่า “อชาตศัตรู” (แปลว่า ผู้ที่ไม่เป็นศัตรู) ![]() ความรักและเมตตาของพระเจ้าพิมพิสารที่มีต่อพระโอรสนั้น สามารถสรุปได้ดังนี้ ๑.) นับตั้งแต่พระเทวีทรงพระครรภ์ เมื่อปรารถนาเสวยพระโลหิตของพระองค์ ก็ทรงสละให้ทั้งนี้ด้วยความรักในพระเทวีและบุตรโดยไม่มีข้อแม้ ๒.) แม้โหราจารย์จักทูลทำนายว่า บุตรที่จะเกิดมานั้นในอนาคตจะทำปิตุฆาต คือ ปลงพระชนม์ของพระองค์ ก็ไม่ทรงคิดปลิดชีพพระโอรสเสียแต่ในครรภ์เลย แม้พระเทวีจะยอมทำร้ายครรภ์เสียเองก็ทรงห้าม ไม่ทรงหวาดหวั่นอันตรายต่อพระชนม์ชีพตัวเองไปกว่าเห็นแก่ชีวิตพระโอรสเลย ๓.) เมื่อพระโอรสปรารถนาราชสมบัติ ก็ทรงสละให้ได้ทันที ๔.) แม้ทรงโดนทรมานทั้งพระวรกายและทรมานน้ำพระทัยอย่างที่สุด ก็ไม่ทรงโกรธแค้นต่อพระโอรสเลย ทรงยินยอมทุกอย่างโดยดี ๕.) จากการศึกษาเรื่องราวของพระเจ้าพิมพิสารนี้ ทำให้ตระหนักถึงคุณค่าแห่งการเป็นผู้มีคุณธรรมได้อย่างดี คือ ผู้มีคุณธรรมตั้งมั่นดี ไม่หวั่นไหวแล้ว ย่อมไม่สร้างอกุศลกรรมใดๆ ด้วยเห็นภัยจากการก่ออกุศลกรรมทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ไม่เสียดายอาลัยในชีวิตยิ่งกว่าการรักษาคุณธรรม ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระเจ้าพิมพิสาร คลิกที่นี่ http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=7263 ![]() ![]() น้ำใจที่พ่อมีต่อลูกนั้น แสดงออกด้วยการคุ้มครองครอบครัว ด้วยการป้องกันภัยจากคน สัตว์ ฯลฯ ที่จะมาทำร้ายครอบครัวก็ดี ด้วยการประกอบอาชีพ เหน็ดเหนื่อยเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัวก็มี บางคนหลงผิด ทำบาปกรรมทำเข็ญด้วยความรักในครอบครัวก็มี ล้วนแต่น่าเห็นใจ ควรอย่างยิ่งที่เราทุกคนจะสำนึกในน้ำใจของคุณพ่อที่มี รวมถึงการให้อภัยต่อท่าน หากท่านทำสิ่งที่ขัดเคืองใจเรา ท่านที่คุณพ่อยังชีวิตอยู่..อย่าลืมระลึกถึงคุณท่าน ดูแลท่านตามกำลังที่มี ท่านที่คุณพ่อได้ล่วงลับไปแล้ว..ก็สนองคุณของท่านด้วยการอุทิศส่วนกุศลแด่ท่าน เป็นบุญกุศล เป็นมงคลแก่ตัวเราดียิ่งนัก ![]() ![]() รวบรวมและเรียบเรียงข้อมูลจาก ๑) http://www.bloggang.com/viewblog.php?id ... 4&gblog=20 ๒) http://www.dmycenter.com/site/index.php ... 6-47/176-4 ๓) http://www.kunkroo.com/catalog.php?idp=99 ๔) http://th.wikipedia.org/wiki/ ![]() http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=7263 http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=46223 ![]() http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=46457 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |