ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
พระภัททกาปิลานีเถรี http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=26799 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 08 พ.ย. 2009, 15:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | พระภัททกาปิลานีเถรี |
![]() ![]() ![]() พระภัททกาปิลานีเถรี เอตทัคคะในฝ่ายบุพเพนิวาสานุสสติญาณ พระภัททกาปิลานีเถรี เป็นธิดาของเศรษฐีโกสิยพราหมณ์ ในสาคลนครมารดาชื่อ สุจิบดี เมื่อเจริญวัยขึ้นมาได้ทำอาราหมงคลเป็นภรรยาของปิปผลิมานพ ตรกูลกัสสปะ เรียกชื่อตามตระกูลว่า “ กัสสปะ” นับว่าเป็นสามีภรรยาที่แปลกเพราะทั้งคู่ไม่ยินดีในการถูกเนื้อต้องตัวกัน แม้จะนอนบนเตียงเดียวกันแต่ก็ขึ้นคนละข้าง และมีแจกันดอกไม้กั้นตรงกลาง อยู่ครองคู่กันจนบิดามารดาของทั้งสองฝ่ายถึงแก่กรรม ทรัพย์สมบัติทั้งหลายจึงตกอยู่ในปกครองดูแลรับผิดชอบของคนทั้งสอง ไม่ทำบาปแต่ต้องคอยรับบาป เนื่องด้วยตระกูลทั้งสองนั้น เป็นตระกูลเศรษฐีมีทรัพย์มาก เมื่อรวมเป็นตระกูลเดียวกันก็ยิ่งมากมายมหาศาล มีสัตว์เลี้ยงและคนงานจำนวนมาก ทั้งสองสามีภรรยาต้องบริหารสั่งการทุกอย่าง วันหนึ่ง ขณะที่กัสสปะผู้เป็นสามีออกไปตรวจดูการทำไร่ไถนาอยู่นั้น เห็นนกกาจิกกินสัตว์เล็กสัตว์น้อยแล้วรู้สึกสลดใจที่ตนเองจะต้องคอยรับบาปกรรมที่คนอื่นทำ แม้นางภัททกาปิลานีใช้ให้ทาสและกรรมกรนำเมล็ดถั่วเมล็ดงามาตากที่ลานหน้าบ้าน เห็นนกกามาจิกกินตัวหนอนก็เกิดสลดใจเช่นกัน ดังนั้น เมื่อสองสามีภรรยาอยู่พร้อมหน้าจึงปรึกษากันแล้วมีความเห็นตรงกันว่า ไม่ควรจะมานั่งคอยรับบาปกรรมที่คนอื่นกระทำเพื่อตนเลย จึงพร้อมใจกันมอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้แก่ญาติและทาสกรรมกรแบ่งกันไปดูแล ส่วนตนทั้งสองได้ปลงผมแล้วนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ อธิษฐานเพศบรรพชา บวชอุทิศต่อพระอรหันต์ในโลก แล้วเดินทางออกจากบ้านไปด้วยกัน พอถึงทางแยกสองแพร่ง “ ข้าแต่ท่าน ๆ เป็นชาย ควรแก่ทางขวา ส่วนข้าเป็นหญิงควรแก่ทางซ้าย ” นางภัททกาปิลานีเอ่ยขึ้น ว่าแล้วนางก็เดินประทักษิณ (เวียนขวา) เพื่อแสดงความเคารพสามี ๓ รอบแล้วก้มลงกราบตรงเบื้องหน้า เบื้องหลัง เบื้องซ้าย และเบื้องขวา ก่อนที่ทั้งสองจะจากกัน คัมภีร์บันทึกไว้ว่า ขณะที่ทั้งสองแยกทางกันเดินนั้นเกิดมีเหตุการณ์อัศจรรย์ คือแผ่นดินไหว ยอดภูเขาพระสุเมรุเอนเอียง ในอากาศมีแสงฟ้าแลบแปลบปลาบฉวัดเฉวียนอยู่ไปมา ท่านกัสสปะได้ไปทางขวา และได้พบพระบรมศาสดา ที่ใต้ร่มพหุปุตตนิโครธ แล้วกราบทูลขออุปสมบทในพระพุทธศาสนา บวชในสำนักปริพาชก ส่วนนางภัททกาปิลานี แยกไปทางซ้าย เดินทางไปพบสำนักของปริพาชก จึงบวชอยู่ในสำนักนั้นถึง ๕ ปี เนื้องด้วยขณะนั้นพระพุทธองค์ยังมิได้ทรงอนญาตให้สตรีบวชในพระพุทธศาสนา ต่อมาเมื่อพระนางมหาปชาบดีโครตมีได้บวชแล้ว นางจึงได้มาบวชในสำนักของนางภิกษุณี ได้ศึกษาพระกรรมฐานบำเพ็ญวิปัสสนา ก็ได้บรรลุพระอรหัตผลพร้อมด้วยวิชชา ๓ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๓ อภิญญา ๖ เป็นผู้ชำนาญในบุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือญาณเป็นเครื่องระลึกชาติได้ ดังนั้น พระบรมศาสดา ขณะประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร เมื่อทรงสถาปนาภิกษุณีทั้งหลายไว้ในตำแหน่งต่าง ๆ ตามลำดับ จึงทรงสถาปนา พระภัททกาปิลาเถรีนี้ ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุสาวิกาทั้งหลาย ในฝ่าย ผู้บุพเพนิวาสานุสสติญาณ... วิโมกข์ ความหลุดพ้นจากกิเลส มี ๓ ประการ คือ ๑ . สุญญตวิโมกข์ หลุดพ้นด้วยเห็นอนัตตาคือความว่าง ๒. อนิมิตตวิโมกข์ หลุดพ้นด้วยเห็นอนิจจังแล้วถอนนิมิตได้ ๓. อัปปณิหิตวิโมกข์ หลุดพ้นด้วยเห็นทุกแล้วถอนความปราถนาได้ ![]() ![]() ![]() วันนี้ ๓ ท่านพอครับ |
เจ้าของ: | เจ้านาง [ 08 พ.ย. 2009, 15:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระภัททกาปิลานีเถรี |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 08 พ.ย. 2009, 22:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระภัททกาปิลานีเถรี |
![]() ![]() ![]() สาธุครับคุณเจ้านาง ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | nateay [ 20 ก.ย. 2011, 18:29 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: พระภัททกาปิลานีเถรี | ||
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนามิ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปคะ
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |