ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
พระอสีติมหาสาวก : กลุ่มเพื่อนพระยสะ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=70&t=62108 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 29 พ.ค. 2022, 17:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | พระอสีติมหาสาวก : กลุ่มเพื่อนพระยสะ |
กลุ่มเพื่อนพระยสะ กลุ่มเพื่อนพระยสะ คือ กลุ่มของพระที่เป็นเพื่อนเก่าของพระยสะตั้งแต่ครั้งยังเป็นฆราวาส และได้ออกบวชตามเมื่อพระยสะออกบวช พระกลุ่มนี้มี ๕๔ รูป แต่ที่ปรากฏชื่อและได้รับจัดเข้าเป็นพระอสีติมหาสาวกมีเพียง ๔ รูป คือ พระวิมละ พระสุพาหุ พระปุณณชิ และพระควัมปติ ฉะนั้น ในการกล่าวถึงกลุ่มเพื่อนพระยสะจะกล่าวถึงแต่เฉพาะพระสาวก ๔ รูปนี้เท่านั้น ซึ่งแต่ละรูปมีประวัติที่น่าศึกษา ดังนี้ ๏ สถานะเดิม พระสาวกทั้ง ๔ รูปเกิดในวรรณะไวศยะ ในตระกูลเศรษฐีแห่งเมืองพาราณสี แคว้นกาสี ๏ ชีวิตฆราวาส ไม่ปรากฏหลักฐานว่าท่านดำเนินชีวิตอย่างไร แต่โดยเหตุที่เป็นบุตรเศรษฐีและเป็นได้ว่าคงดำเนินชีวิตไม่ต่างไปจากพระยสะ กล่าวคือ มีความเป็นอยู่สุขสบาย สมบูรณ์พูนสุขทุกประการ มีนางระบำบรรเลงดนตรีขับกล่อมเวลาเข้านอน ๏ การออกบวชและบรรลุโสดาปัตติผล ได้กล่าวไว้แล้วว่าพระสาวกทั้ง ๔ รูป ออกบวชตามพระยสะ พระไตรปิฏกกล่าวถึงการออกบวชของท่านไว้ว่า พระวิมละ พระสุพาหุ พระปุณณชิ และพระควัมปติ เมื่อได้ทราบว่ายสะออกบวช ต่างมีความคิดเป็นอย่างเดียวกันว่า บัดนี้ยสะได้ปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้าย้อมน้ำฝาด ออกจากเรือนบวชแล้ว การบวชของยสะคงไม่ใช่ของต่ำต้อย ธรรมวินัยที่ยสะประพฤติคงไม่ต่ำทราม ครั้นแล้วจึงพร้อมใจกันเดินทางไปหาพระยสะ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ด้วยความศรัทธาพระยสะได้พาทั้ง ๔ ท่านเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า หลังจากกราบทูลให้ทรงทราบถึงประวัติส่วนตัวของแต่ละท่านแล้ว ได้ทูลขอให้พระพุทธเจ้าแสดงธรรมให้ฟัง พระพุทธเจ้าได้ตรวจดูอุปนิสัยแล้ว ก็ได้ทรงแสดงอนุปุพพิกถาและอริยสัจ ๔ ให้ฟังตามลำดับ เมื่อจบพระธรรมเทศนา ทั้ง ๔ ท่านก็ได้ดวงตาเห็นธรรมสำเร็จเป็นพระโสดาบัน ครั้นแล้วได้ทูลขอบวช พระพุทธเจ้าทรงบวชให้ด้วยวิธีบวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทาอย่างที่ทรงประทานแก่พระปัญจวัคคีย์ โดยตรัสว่า “พวกเธอจงเป็นภิกษุเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว พวกเธอจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำทุกข์ให้หมดสิ้นไปโดยชอบเถิด” จบพระพุทธดำรัสทั้ง ๔ ท่านก็ได้เป็นพระสมบูรณ์แบบในพระพุทธศาสนา และปรากฏชื่อว่า พระวิมละ พระสุพาหุ พระปุณณชิ พระควัมปติ มานับแต่นั้น ๏ การบรรลุอรหัตผล หลังจากบวชแล้ว พระพุทธเจ้ายังคงแสดงธรรมโปรดอยู่เนืองๆ ไม่ช้าพระสาวกทั้ง ๔ รูปนั้นก็ได้บรรลุอรหัตผล ๏ งานสำคัญ พระวิมละ พระสุพาหุ พระปุณณชิ และพระควัมปติ อยู่ในคณะพระธรรมจาริกรุ่นแรกที่พระพุทธเจ้าทรงส่งไปประกาศพระพุทธศาสนา ซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด ๖๐ รูป บรรดาพระสาวก ๔ รูปนี้ ในคัมภีร์มีกล่าวไว้แต่เรื่องของพระควัมปติว่า ท่านได้เดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาถึงสหชาตินครในแคว้นเจตี ซึ่งอยู่ทางเหนือ พระควัมปติ หลังจากที่ได้บรรลุอรหัตผลแล้ว คราวหนึ่งได้จำพรรษาอยู่ ณ ป่าอัญชนวัน เมืองสาเกต กับพระพุทธเจ้าและพระภิกษุสามเณรจำนวนมาก ปรากฏว่าเสนาสนะไม่พอ พระภิกษุสามเณรที่ไม่ได้เสนาสนะต้องพากันไปจำวัดตามหาดทรายชายฝั่งแม่น้ำสรภูมิซึ่งอยู่ใกล้ๆ วิหาร ตกเที่ยงคืนเกิดฝนตกน้ำหลากพระเณรต้องหนีน้ำกันจ้าละหวั่น ความทราบถึงพระพุทธเจ้าพระองค์ทรงใช้พระควัมปติให้ไปใช้ฤทธิ์กั้นสายน้ำช่วยพระเณรที่กำลังเดือดร้อน ท่านไปตามพุทธบัญชาแล้วใช้พลังฤทธิ์กั้นสายน้ำไม่ให้ไหลมารบกวนพระเณรอีก อยู่มาวันหนึ่งท่านกำลังนั่งแสดงธรรมให้เทวดาฟัง พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็นจึงตรัสสรรเสริญท่านว่า เทวดาและมนุษย์ต่างพากันนอบน้อมพระควัมปติ ผู้ใช้ฤทธิ์ห้ามแม่น้ำสรภูมิไม่ให้ไหล พระควัมปติไม่ติดอยู่ในกิเลสและตัณหาใดๆ ไม่หวั่นไหวต่ออะไรทั้งสิ้น ล่วงพ้นเครื่องข้องได้ทุกอย่างเป็นมหามุนี ผู้ขึ้นฝั่งแห่งภพได้ ๏ อดีตชาติ-เอตทัคคะ พระสาวกทั้ง ๔ รูปนี้มิได้ปรารถนาตำแหน่งเอตทัคคะใดๆ ไว้แต่อดีตชาติเช่นเดียวกับพระยสะ เพียงแต่ได้ตั้งจิตปรารถนาเพื่อการเป็นพระมหาสาวกไว้เท่านั้น ในอรรถกถาธรรมบท และอรรถกถาเถรคาถา (ปรมัตถทีปนี) มีกล่าวถึงเรื่องอดีตชาติของท่านไว้ว่า คราวที่โลกว่างจากพระพุทธเจ้าคราวหนึ่ง พระสาวกทั้ง ๔ รูปนั้นได้เกิดร่วมกับพระยสะและเพื่อนอีก ๕๐ คน และได้ทำความดีร่วมกันไว้โดยได้เที่ยวเก็บศพที่ไม่มีญาติ แล้วนำไปเผาที่ป่าช้าเป็นประจำ ความดีนี้ส่งผลให้ท่านได้อสุภสัญญา (ความสำคัญว่าร่างกายไม่ใช่ของสวยงาม) อันเป็นปัจจัยสำคัญให้ท่านได้ออกบวชและบรรลุอรหัตผลในชาติปัจจุบัน นอกจากนั้นอรรถกถาเถรคาถา (ปรมัตถทีปนี) ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงเรื่อง อดีตชาติของพระควัมปติไว้อีกว่า ท่านได้พบพระพุทธเจ้าในอดีตหลายพระองค์ด้วยกัน เฉพาะที่ปรากฏพระนามมีอยู่ ๓ พระองค์ คือ พระพุทธเจ้าสิขี พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ และพระพุทธเจ้ากัสสปะ ชาติที่พบพระพุทธเจ้าสิขีนั้น ท่านเกิดเป็นนายพรานเนื้อ ขณะตระเวนล่าเนื้ออยู่ในป่า ได้พบพระพุทธเจ้าสิขีแล้วเลื่อมใสได้ทำบุญสำคัญ คือ บูชาพระพุทธเจ้าด้วยดอกไม้นานาพรรณ จากชาตินั้นบุญส่งผลให้ไปเกิดอยู่ในเทวโลกเป็นเวลานาน ครั้นมาเกิดเป็นมนุษย์อีกท่านก็ได้ทำบุญอื่นๆ สนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ท่านเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ จนมาถึงพุทธุปบาทกาลของพระพุทธเจ้าโกนาคมนะ ชาติที่พบพระพุทธเจ้าโกนาคมนะนั้น ท่านให้สร้างฉัตรและให้ยกพื้นขึ้นในพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ภายหลังที่พระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา จากชาตินั้นบุญส่งผลให้เวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ จนมาถึงพุทธุปบาทกาลของพระพุทธเจ้ากัสสปะ ชาติที่พบพระพุทธเจ้ากัสสปะนั้น ท่านเกิดในครอบครัวเศรษฐี ตระกูลของท่านเลี้ยงวัวไว้หลายฝูงโดยจ้างพวกโคบาลเป็นคนเลี้ยง ส่วนท่านก็รับผิดชอบโดยเที่ยวตรวจดูตามฝูงโค เวลาที่พวกโคบาลต้อนออกไปหากินในทุ่งหญ้า ทุกวันที่ออกไปนั้นท่านได้เห็นพระอรหันต์รูปหนึ่ง พระอรหันต์รูปนี้หลังจากบิณฑบาตในหมู่บ้าน แล้วก็จะออกมาฉันนอกหมู่บ้าน วันหนึ่งท่านเห็นแล้วเกิดความคิดขึ้นว่า พระคงจะร้อน จึงชวนพวกโคบาลสร้างปะรำมุงด้วยกิ่งซึกถวายพระอรหันต์ พระอรหันต์ได้นั่งฉันภัตตาหารทุกวันในปะรำไม้ซึกนั้น จากชาตินั้นบุญส่งผลให้ท่านไปเกิดเป็นเทวดาอยู่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ที่บริเวณใกล้ประตูวินานมีไม้ซึกขึ้นเป็นป่าใหญ่ออกดอกสวยงามบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอบอวลตลอดปี ท่านเวียนว่ายตายเกิดเป็นเทวดาและมนุษย์อยู่พุทธันดรหนึ่ง จนมาถึงพุทธุปบาทกาลของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ท่านได้มาเกิดเป็นบุตรเศรษฐี เป็นสหายของพระยสะ ครั้นออกบวชก็ได้บรรลุอรหัตผลดังกล่าวแล้ว ๏ วาจานุสรณ์ พระสาวกทั้ง ๔ รูปนั้น พบว่ามีอยู่เพียงพระวิมละกับพระสุพาหุเท่านั้น ที่ได้กล่าววาจาแสดงความรู้สึกเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมของท่านไว้ดังนี้ พระวิมละ วันหนึ่งท่านอยู่ท่ามกลางบรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัว มีฝนตก หนัก ฟ้าแลบ ลมพัดแรง แต่ท่านหาได้หวาดกลัวไม่ ท่านได้กล่าวแสดงความรู้สึกขณะนั้นไว้ว่า ธรณีชุ่มชื้นด้วยน้ำฝน ลมพัดกิ่งไม้ไหว สายฟ้าแลบแปลบปลาบ แต่จิตของเราสิมั่นคง วิตกต่างๆ สงบ พระสุพาหุ วันหนึ่ง ณ บริเวณที่ท่านพักอยู่มีฝนตกหนัก แต่ท่านไม่หวั่นไหว และได้กล่าวแสดงความรู้สึกขณะนั้นไว้ว่า ฝนตกอยู่ไม่ขาดสาย ฟังคล้ายเพลงขับอันไพเราะ กุฏิของเรามุงไว้มิดชิด ประตูหน้าต่างปิดสนิทแสนสบาย ใจของเราหรือก็มั่นคง ถ้าปรารถนา จงตกลงมาเถิดฝนเอ๋ย ที่มา : พระอสีติมหาสาวก ๘๐ พระอรหันตสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ศ.(พิเศษ) ร.ท.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ราชบัณฑิต http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=70&t=18709 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 29 พ.ค. 2022, 17:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | พระอสีติมหาสาวก : กลุ่มเพื่อนพระยสะ |
ผนังพระระเบียง วัดบรมนิวาส ราชวรวิหาร เป็นรูปนูนของพระอสีติมหาสาวก ในท่ายืนประนมมือ น่าจะมีวัดเดียวแห่งเดียวในประเทศไทย ⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱ พระอสีติมหาสาวก : ความรู้ทั่วไป http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=70&t=62111 พระอสีติมหาสาวก : กลุ่มพระปัญจวัคคีย์ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=70&t=62110 พระอสีติมหาสาวก : พระนาลกะ-พระยสะ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=70&t=62109 พระอสีติมหาสาวก : กลุ่มเพื่อนพระยสะ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=70&t=62108 พระอสีติมหาสาวก : กลุ่มพระชฎิล ๓ พี่น้อง http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=70&t=62107 พระอสีติมหาสาวก : กลุ่มพระอัครสาวก http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=70&t=62106 พระอสีติมหาสาวก : กลุ่มพระชาวแคว้นมคธ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=70&t=62105 พระอสีติมหาสาวก : กลุ่มพระชาวแคว้นโกศล http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=70&t=62104 พระอสีติมหาสาวก : กลุ่มพระชาวแคว้นสักกะ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=70&t=62103 พระอสีติมหาสาวก : กลุ่มพระมาณพ ๑๖ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=70&t=62102 พระอสีติมหาสาวก : กลุ่มพระชาวแคว้นวังสะ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=70&t=62101 พระอสีติมหาสาวก : กลุ่มพระชาวแคว้นอวันตี http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=70&t=62100 พระอสีติมหาสาวก : กลุ่มพระต่างแคว้น http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=70&t=62099 พระอสีติมหาสาวก ๘๐ พระอรหันตสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ศ.(พิเศษ) ร.ท.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ราชบัณฑิต http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=70&t=18709 |
เจ้าของ: | sirinpho [ 02 มิ.ย. 2022, 18:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระอสีติมหาสาวก : กลุ่มเพื่อนพระยสะ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |