ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ผู้ไม่สิ้นกิเลสทำอะไรต้องหวังผล : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=52220 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | Hanako [ 08 เม.ย. 2016, 03:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | ผู้ไม่สิ้นกิเลสทำอะไรต้องหวังผล : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ |
![]() หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ![]() ศาสนาอื่นนะเขาไปเชื่อตั้งแต่สิ่งภายนอกนู่นว่าเป็นเหตุทำให้คนเราเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ นี่ลัทธิอื่น ศาสนาอื่น อย่างนี้แหละ เขาจะทำพิธีบวงสรวงบูชากำจัดปัดเป่าเข้าใจว่ามันมีตัวมีตนอะไรมาทำให้เป็นทุกข์เดือดร้อนอยู่ในกายนี้น่ะ จึงได้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์เสกเป่าอะไรต่ออะไรกัน นั่นลัทธิอื่นเขาเห็นว่าความวิบัติต่างๆ มันมีอยู่ภายนอกแล้วมันมาทำให้ร่างกายนี้วิบัติแปรปรวนไป ทีนี้ความเห็นในพระพุทธศาสนาหรือความรู้ของพระพุทธเจ้าอย่างนี้พระองค์ไม่เห็นอย่างนั้นบาดนิ พระองค์รู้แจ้งด้วยพระปัญญาอันยิ่ง ว่าร่างกายนี้มันจะเป็นดีหรือเป็นชั่วไปยังไงยังไงมันก็เกิดจากกรรมในอดีตที่ทำมา อย่างที่ว่ามาแล้วนั่นแหละอย่างนี้น่ะ กรรมในอดีตตามมาตกแต่งให้ทั้งนั้นเลย บาดนิกรรมดีกรรมชั่วที่ทำเอาในปัจจุบันนี่มันก็จะติดตามไปตกแต่งให้ในภพในชาติต่อๆ ไปอีก นี่บุคคลที่ยังละกิเลสไม่หมดนะ ทำกรรมดีมันก็เป็นบุญกุศลไป ทำกรรมชั่วมันก็เป็นบาปไป อย่างนี้แหละคนละกิเลสยังไม่หมดน่ะ เหมือนท่านผู้ละกิเลสหมดสิ้นไปแล้วท่านทำอะไรลงไปแล้วไม่เป็นบุญไม่เป็นบาปเลย เป็นแต่กิริยาเท่านั้นเองนะ แต่ว่าท่านผู้สิ้นกิเลสแล้วท่านเลือกทำเลือกพูดแต่ในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นเท่านั้นเองแหละ แต่สำหรับประโยชน์ของท่าน ท่านทำหมดแล้ว กิเลสท่านก็ละหมดแล้ว อย่างนี้นะ กิเลสอันมันคุกคามชีวิตให้เดือดร้อนไปในวัฏสงสาร ท่านละหมดแล้ว กิจที่ท่านต้องทำเพื่อตัวเองไม่มีเลย ทำเพื่อผู้อื่นเท่านั้น เช่นอย่างพระพุทธเจ้าอย่างนี้นะ ทรงแสดงธรรมโปรดประชาชนทั้งหลายอย่างนี้พระองค์ไม่หวังเอาบุญจากการแสดงธรรมนั้นเลย หวังให้ผู้ฟังได้รู้ได้เห็นเข้าใจในแนวทางปฏิบัติ แล้วให้ไปลงมือประพฤติปฏิบัติตาม สิ่งที่ควรละให้ละ สิ่งใดควรทำให้ทำ นี่ความมุ่งหมายของพระองค์สิ่งใดควรรู้แจ้งให้รู้แจ้ง นั่นแหละซึ่งไม่เหมือนอย่างคนที่ไม่สิ้นกิเลส คนยังไม่สิ้นทุกข์ เอ้อ ทำความดีอะไรก็ขอให้พ้นทุกข์พ้นภัย ขอให้พ้นจากกิเลสบาปอธรรมทั้งหลาย อย่างนี้ก็หมายความว่า เราอธิษฐานเอาบุญเอากุศลที่เราทำนั้นให้ขจัดกิเลสบาปอธรรมกรรมอันชั่ว ซึ่งก่อกวนให้เป็นทุกข์อยู่ในชีวิตจิตใจอันนี้ให้หมดไปสิ้นไป นี่แหละสำหรับผู้ยังไม่สิ้นกิเลสนะการทำกุศลทำความดีก็เพื่อประโยชน์เพื่อประสงค์อย่างว่ามานี้ ต้องให้เข้าใจกัน บางคนก็พูดออกมาว่า ผมทำบุญกุศลไม่หวังเอาอะไร ไม่หวังผลอะไรเลย เพิ่นว่า โอ้ย..อย่างนั้นมันไม่ถูก ในเมื่อเรามีกิจที่จะต้องทำอยู่ กิจที่จะต้องละ กิจที่จะต้องทำมันมีอยู่ดังนั้นการที่เราทำความดีต่างๆมันต้องมีความหวัง หวังอะไร หวังให้บุญกุศลความดีนี้เข้าไปกำจัดกิเลสบาปอธรรมออกจากหัวใจ นี่ทำไมจึงว่าไม่หวังผลอะไรล่ะ อย่างนั้นมันก็ทำทิ้งทำเสียซิ ทำแล้วไม่หวังผลอะไรว่า แต่ถ้าเราทำความดีไปถึงที่เต็มที่แล้วอันนี้ความดีอันนั้นมันกำจัดกิเลสบาปอธรรมหมดสิ้นไปแล้วบาดนี้ เออ นั่นแหละบาดนิเราทำอะไรก็ไม่หวังผลอะไรทั้งหม๊ดบาดนิ..ถูกต้อง ถ้าผู้ใดเป็นอย่างนั้น ถ้าหากว่ายังละกิเลสบาปอธรรมไม่หมดแล้ว..ไม่..ไม่ได้ ทำอะไรลงไปต้องหวังผลเลย หวังผลคือให้สิ้นกิเลส ให้หมดกิเลสบาปอธรรม ต้องให้เข้าใจอย่างนั้น ![]() ![]() ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ “ฝึกตายก่อนตาย” :: ประวัติ ปฏิปทา และคำสอน “หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=43689 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |