ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
เมื่อรู้ว่าตนจะตาย : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=52116 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | Hanako [ 21 มี.ค. 2016, 05:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | เมื่อรู้ว่าตนจะตาย : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ |
![]() หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย แล้วสุดท้ายเมื่อรู้ว่าตนจะตายอย่างนี้ ยิ่งเป็นทุกข์ใจหลายสำหรับผู้ที่ไม่ได้ฝึกฝนอบรมตน ไม่ได้มีบุญกุศลพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งในใจแล้วก็เป็นทุกข์หลายล่ะทีนี้ กลัวตายก็กลัว กลัวพลัดพรากจากของรักของชอบใจต่างๆ ในโลกอันนี้ก็กลัว นั่นแหละความทุกข์อะไรๆ มันก็ไปรวมลงเวลาจวนจะตายนั่นหม๊ดเลย นั่นล่ะพระองค์เจ้าจึงตรัสว่า “ความตายนั่นเป็นทุกข์” บางคนว่า เอ้า ตายไปแล้วมันจะไปรู้จักอะไรล่ะ ทำไมจึงว่ามันเป็นทุกข์ มันไม่ได้หมายอย่างนั้น หมาย “เมื่อรู้ว่าตนจะตาย” นี่แหละมันเป็นทุกข์ หมอช่วยไม่ได้แล้วอย่างนี้นะ นี่มันเป็นทุกข์หลายแหละผู้ที่ไม่รู้เท่า ผู้ที่ไม่ได้ภาวนา ไม่ได้พิจารณาให้รู้แจ้งล่วงหน้าไว้แล้วก็ย่อมเป็นทุกข์แล้วก็สะดุ้งหวาดกลัว ดังนั้นในอภิณหปัจจเวกขณ์*นั้นน่ะพระพุทธเจ้าจึงได้ทรงสอนให้นึกถึงความแก่ ความเจ็บ ความตายนี่ทุกวันทุกวันเลย นึกว่า เราเกิดมามีรูปมีนามอันนี้มาแล้วมันต้องแก่ มันต้องทรุดโทรมไป แล้วก็มีโรคภัยมาเบียดเบียนบาดนิเมื่อร่างกายทรุดโทรมลงไปแล้ว เมื่อยังหนุ่มแน่นภูมิคุ้มกันมันแข็งแรงอยู่ มันก็ยังป้องกันโรคภัยไข้เจ็บไม่ให้เกิดขึ้นในร่างกายนี้ เว้นเสียแต่กรรมเวรหนหลัง มันจะตามมาสนองเอา แต่ทีนี้พอถึงวัยชรามาแล้วน่ะไอ้ร่างกายนี้มันก็ทรุดโทรมลงไป ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลมอันนี้ก็น้อยลงไป ทรุดโทรมลงไป ไม่แข็งแรงอยู่เหมือนเดิมแล้ว เออ อย่างนี้แหละ เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันทรุดโทรมลงไปแล้วทีนี้รับประทานอาหารก็ไม่ได้เต็มที่เลย รสชาติของอาหารก็ไม่อร่อยเหมือนแต่เมื่อยังหนุ่ม นอนก็หลับไม่ได้มาก หลับไปหน่อยหนึ่งแล้วก็ตื่น อะไรๆ มันก็ลดน้อยถอยลงเบาลงเบาบางลงไปเลยสังขารร่างกายอันนี้ อันนี้พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “ทุกฺขํ” แปลว่า “ทนได้ยาก ทนลำบาก ทนอยู่ไม่ได้” แต่คนผู้หลงผู้เมาแล้วหากไม่ยอมรับรู้ความทุกข์ของร่างกายสังขารอันนี้ ปัญหามันมีอยู่ตรงนี้เรื่องมันน่ะ มีแต่ผู้ที่ฝึกฝนอบรมจิตใจของตนให้สงบลงไป นั่นแหละจึงยอมรับรู้ความเปลี่ยนแปลง ความทนได้ยากของร่างกายสังขารอันนี้ จึงยอมรับว่า อ๋อ เป็นความจริงอย่างนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วมันก็จะต้องวิตก “แล้วเราจะกอบโกยเอาไปทำไม” บาดนิ “เราจะมายึดมั่นถือมั่นอยู่ในโลกอันนี้ทำไม” ในเมื่อมาอาศัยในโลกอันนี้อยู่แล้วก็โลกอันนี้ก็ไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน ไม่เป็นไปตามใจหวังเลย ใครจะไปอยากทรุดโทรมล่ะมีอัตภาพร่างกายนี้มาแล้ว *อภิณหปัจจเวกขณ์ หมายถึง ข้อปฏิบัติที่ควรพิจารณาอยู่เนืองๆ
เรื่องที่ควรพิจารณาทุกๆ วัน มี ๕ ประการ คือ ๑. ควรพิจารณาทุกวันๆ ว่า เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้ ๒. ควรพิจารณาทุกวันๆ ว่า เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเจ็บไปได้ ๓. ควรพิจารณาทุกวันๆ ว่า เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้ ๔. ควรพิจารณาทุกวันๆ ว่า เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น ๕. ควรพิจารณาทุกวันๆ ว่า เรามีกรรมเป็นของตัว เราทำดีจักได้ดี ทำชั่วจักได้ชั่ว ![]() ![]() ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ “ตามรอยพระศาสดา” :: ประวัติ ปฏิปทาและคำสอน “หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=43689 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |