ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

สุจริตธรรม : พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจนฺโท จันทร์)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=48282
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  สยามนุภาพ [ 27 ก.ค. 2014, 00:42 ]
หัวข้อกระทู้:  สุจริตธรรม : พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจนฺโท จันทร์)

รูปภาพ

สุจริตธรรม

ธมฺมญฺจเร สุจริตํ น ตํ ทุจฺจริตํ จเร
ธมฺมจารี สุขํ เสติ อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จาติ ฯ
สุภาษิตนี้ ควรยึดถือไว้เป็นอาภรณ์เครื่องประดับ
สำหรับตัวทุกเมื่อ มีเนื้อความว่า ธมฺมญฺจเร สุจริตํ
บุคคลพึงประพฤติส่วนสุจริตอยู่ทุกเมื่อเถิด น ตํ
ทุจฺจริตํ จเร ไม่พึงประพฤติกรรมส่วนทุจริตเลย
ธมฺมจารี สุขํ เสติ ผู้ประพฤติธรรมส่วนสุจริต
ย่อมนอนเป็นสุข หรือเป็นสุขทุกอิริยาบถ อสฺมึ โลเก
ปรมฺหิ จ ทั้งในโลกนี้ด้วย โลกเบื้องหน้าด้วย ดังนี้ฯ
ธรรมส่วนสุจริต นั้น ท่านจัดไว้ ๑๐ ประการ ชื่อว่า
กุศลกรรมบถ ๑๐ คือ ประพฤติดีด้วยการ ๓
ประเภท ประพฤติดีด้วยวาจา ๔ ประเภท ประพฤติดี
ด้วยใจ ๓ ประเภทฯ
ประพฤติดีด้วยกาย นั้นชื่อว่า กายกรรม คือ
ทำกิจการงานด้วยกายอย่าให้ทุกข์เกิดขึ้นแก่ผู้อื่น
กายกรรมที่ให้เกิดทุกข์แก่ผู้อื่นนั้น ท่านจัดไว้เป็น ๓
ประการ
ประการที่ ๑ คือ อย่าเบียดเบียนร่างกายของท่าน คือ
อย่าฆ่า อย่าฟัน อย่าทุบ อย่าตีร่างกายของท่านผู้อื่น
โดยที่สุดเว้นถึงสัตว์ดิรัจฉานได้ก็ยิ่งเป็นการดีให้ตรง
กับบทว่าปาณาติปาตาเวรมณี ฯ
ประการที่ ๒ อย่าเบียดเบียนทรัพย์สมบัติ
เข้าของของท่านผู้อื่น คือ อย่าลักขโมย อย่าฉ้อโกง
อย่าเบียดบังเอาข้าวของของท่านผู้อื่น ให้ตรงกับบทว่า
อทินฺนาทานาเวรมณี ฯ
ประการที่ ๓ อย่าแย่งชิงลักลอบด้วยอำนาจของกาม
ในหญิงที่ท่านหวงห้าม คือให้ตรงกับบทว่า
กาเมสุมิจฉาจาราเวรมณี ฯ
วจีกรรม ๔ ประเภท นั้น
ข้อที่ ๑ คือ ให้กล่าวแต่วาจาถ้อยคำที่สัตย์ที่จริง
ให้เว้นจากวาจาที่เท็จที่ไม่จริงเสีย ให้ตรงกับบทว่า
มุสาวาทาเวรมณี ฯ
ข้อที่ ๒ คือ
ให้กล่าวแต่วาจาถ้อยคำอันสมานประสานสามัคคี
ให้ท่านดีต่อกัน ให้เว้นวาจาส่อเสียดยุยงเสีย ให้ตรง
กับบทว่า ปิสุณายวาจายเวรมณี ฯ
ข้อที่ ๓ คือ ให้กล่าวแต่วาจาถ้อยคำอันอ่อนโยน
ให้เกิดความยินดีแก่ผู้ฟัง
ให้งดเว้นวาจาที่หยาบคายขึ้นกูขึ้นมึง
บริภาษตัดพ้อหยาบ ๆ คาย ๆ ให้ผู้ฟังได้รับ
ความเดือดร้อนต่าง ๆ เสีย ให้ตรงกับบทว่า
ผรุสฺสายวาจายวรมณี ฯ
ข้อที่ ๔ คือ ให้กล่าวแต่วาจาถ้อยคำที่เป็นไปกับ
ด้วยประโยชน์ ให้เว้นวาจาที่เหลวไหล คือ
พูดเล่นหาประโยชน์มิได้เสีย ให้ตรงกับบทว่า
สมฺผปฺปลาปาวาจายเวรมณี ฯ
มโนกรรม ๓ ประเภท นั้น
ข้อที่ ๑ คือ ให้ระวังเจตนากรรม ให้สัมประยุตต์
ด้วยเมตตาอยู่เสมอ คือความดำริของใจ อย่า
ให้ลุอำนาจแห่งโลภะ คือ อย่าเพ่งเอากิเลสกาม
และวัตถุกามของท่านผู้อื่น อันไม่สมควรแก่ฐานะของตน
ให้ตรงกับบทว่า อนภิชฺฌา โหติ ฯ
ข้อที่ ๒ คือ ให้ระวังเจตนากรรมให้สัมประยุตต์
ด้วยกรุณาอยู่ทุกเมื่อ อย่าให้โทสะ พยาบาท
เข้าครอบงำได้ ให้ตรงกับบทว่า อพฺพยาปาโท โหติ ฯ
ข้อที่ ๓ คือ ให้ระวังเจตนากรรมให้สัมประยุตต์
ด้วยมุทิตา อุเบกขา อยู่ทุกเมื่อ อย่าให้ไหลไป
ในทางผิด ให้เห็นตรงตามคลองธรรมทั้ง ๑๐ นี้
อยู่เสมอทุกเมื่อ ให้ตรงกับบทว่า สมฺมาทิฏฺฐิโก โหติ ฯ
กุศลกรรมบถ ๑๐ ประการนี้แล ท่านเรียกว่า
สุจริตธรรมบ้าง เรียกว่า มนุสสธรรมบ้าง ถ้าผู้
ใดปฏิบัติให้มีในตนได้ ผู้นั้นชื่อว่าเป็นมนุษย์แท้
ปรารถนามรรคผลนิพพานก็อาจจักสำเร็จได้
จักรวมกล่าวย่อ ๆ ไว้ไห้เข้าใจง่าย คือว่า สิ่งใดซึ่งมี
ผู้มาทำให้แก่เรา เราไม่ชอบใจ สิ่งนั้นเราอย่าไปทำ
ให้แก่เขา เป็นต้นว่า เขามาฆ่าฟันทุบตีเรา
เขามาลักขโมยของเรา เขามาล่วงเกิน
ในสามีภรรยาของเรา เราไม่ชอบใจ เราอย่าไปทำ
ให้แก่คนอื่นเขาเช่นนั้น ฯ เขาโกหกเรา เขาส่อเสียด
ให้แก่เรา เขากล่าวคำหยาบให้แก่เรา
เขาพูดหาประโยชน์มิได้ให้แก่เรา เราไม่ชอบใจ
เราอย่าไปพูดให้แก่เขาเช่นนั้น ฯ เขาเป็นคนเจ้า โลโภ
โทโส โมโห เราไม่ชอบใจ เราอย่าเป็นคนเจ้า โลโภ
โทโส โมโห เช่นนั้น ฯ ใครประพฤติได้ ชื่อว่าเป็น
ผู้ประดับคุณาลังการ มีแต่สวยแต่งามอย่างเดียว หา
ผู้ติเตียนมิได้ ไม่
ต้องสะพายสายสร้อยเพชรนิลจินดาหนักตัวเปล่า ๆ
ประดับแต่คุณธรรมเท่านี้พอแล้ว ฯ จะแสดง ธรรมซึ่ง
เป็นคู่ของสุจริตธรรมไว้อีกข้อหนึ่ง คือ ให้เป็นคนขยัน
หมั่นลุกขึ้นประกอบกิจการงานในหน้าที่ของตนอยู่เสมอ
คือ อย่าเป็นคนเกียจคร้านจะทำสิ่งใด ให้ตั้งทำสิ่งนั้น
ให้ลุล่วงไปอย่าให้คั่งค้างได้ ท่านแสดงไว้ว่า อุฏฺฐาตา
วินฺทเต ธนํ, ผู้มีความเพียร ความหมั่น ย่อมได้
ซึ่งโภคทรัพย์ดังนี้ ได้ใจความว่า ผู้รักษาสุจริตธรรม ๑
และเป็นผู้มีความเพียรความหมั่นต่อการงาน
ในหน้าที่ของตน ๑ เท่านี้ จัดเป็นคนบริบูรณ์
ไม่น้อยหน้าแก่ใครเลยฯ
.....................................

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/