ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
สรีระสังขารท่านพ่อลี ธมฺมธโร ยังไม่ได้ถวายเพลิงจนทุกวันนี้ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=44369 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 19 ม.ค. 2013, 06:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | สรีระสังขารท่านพ่อลี ธมฺมธโร ยังไม่ได้ถวายเพลิงจนทุกวันนี้ |
สรีระสังขาร “ท่านพ่อลี ธมฺมธโร” หลังท่านได้มรณภาพอย่างสงบ เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๔ เวลาประมาณ ๐๒.๐๐ น. ณ กุฏิของท่าน วัดอโศการาม สิริอายุรวมได้ ๕๕ ปี พรรษา ๓๓ จากซ้าย : พระโสภณคุณาธาร (หลวงปู่มหาเนียม สุวโจ), พระวิจิตรธรรมภาณี (หลวงปู่สิงห์ สุขปญฺโญ), พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่แดง ธมฺมรกฺขิโต) และพระครูญาณวิศิษฏ์ (ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก) บันทึกภาพร่วมกันในงานบำเพ็ญกุศลศพและสวดมนต์อุทิศถวาย พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) ณ วัดอโศการาม ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังจาก “ท่านพ่อลี ธมฺมธโร” ได้มรณภาพลงอย่างสงบ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฺฐายี) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๖ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อครั้งยังทรงดำรงสมณศักดิ์ที่ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดมกุฏกษัตริยาราม ราชวรวิหาร มีบัญชาให้เก็บสรีระสังขารของท่านพ่อลีไว้ ยังไม่ให้ถวายเพลิง เอาอย่าง “ท่านพระมหากัสสปเถระ” ที่ในวันหนึ่งในอนาคตกาลจะมีพระศรีอริยเมตไตรย มาถวายเพลิงสรีระสังขารพระมหากัสสปเถระอย่างสมศักดิ์ศรี ในเวลาที่พระมหากัสสปเถระจักนิพพาน พระเถระได้เข้าไปอยู่ในระหว่างภูเขา ๓ ลูกที่เมืองฮ่อ (สันนิษฐานว่าตั้งอยู่ในประเทศจีน) ภูเขา ๓ ลูกนั้นได้ประชุมรวมกันเข้าเป็นลูกเดียว ปกปิดกำบังร่างของพระเถระเพื่อมิให้ปรากฏแก่มหาชนทั้งหลาย ต่อเมื่อในอนาคต พระศรีอริยเมตไตรยได้เสด็จลงมา ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในโลกแล้ว พระองค์ก็จะนำเอาร่างของพระมหากัสสปเถระ ยกขึ้นไว้บนฝ่าพระหัตถ์เบื้องขวา ชูขึ้นประกาศสรรเสริญคุณของพระเถระ แล้วเตโชธาตุก็จะเกิดขึ้นเผาสรีระของท่าน บนฝ่าพระหัตถ์ของพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้านั้น เนื่องจากเวรกรรมที่ท่านทั้งสองได้เคยทำต่อกันในอดีตชาติ เมื่อคราวที่พระศรีอริยเมตไตรยเกิดเป็นนายควาญช้าง และพระมหากัสสปเถระเกิดเป็นพญาช้างเผือก อดีตชาติในครั้งนั้น “นายควาญช้างได้สั่งให้พญาช้างเผือก เอางวงอุ้มเหล็กแดงเอาไว้เพื่อเป็นการลงโทษ ที่พญาช้างเผือกวิ่งหนีเข้าป่าติดตามกลิ่นสาปของนางช้าง พญาช้างเผือกได้รับความเจ็บปวดจากแท่งเหล็กนั้น จนกระทั่งล้มตายในที่สุด สรุปคติธรรมที่ได้จากเรื่องนี้คือ ราคะนี้มีความเผ็ดร้อนทารุณยิ่งกว่าไฟ มีพิษร้ายยิ่งกว่าพิษของพญานาค” นัยของท่านพ่อลีก็ขอให้เอาเยี่ยงอย่างนี้เป็นอุทาหรณ์ว่า “ผู้มีบุญกรรมที่เกี่ยวข้องกับท่านในวันข้างหน้า จะได้มาถวายเพลิงสรีระร่างของท่านอย่างสมศักดิ์ศรี ที่เป็นอัศวินนักรบธรรมกรรมฐานผู้มีพลังจิตแก่กล้า สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต” พร้อมนี้เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ท่านยังมีบัญชาอีกว่า ให้บำเพ็ญกุศลและสวดมนต์อุทิศถวายท่านพ่อลีทุกคืน บรรดาบรรพชิตซึ่งเป็นคณะศิษยานุศิษย์ของท่านพ่อลี ก็ได้ปฏิบัติตามบัญชามาโดยตลอด และคณะทายกทายิกาได้ทำบุญอุทิศถึงด้วยความเคารพ จุดธูปเทียนบูชาด้วยความศรัทธาเลื่อมใส ต่อมาระยะหนึ่ง บรรดาศิษยานุศิษย์ผู้ใหญ่ทางฆราวาส ปรารภจะทำฌาปนกิจศพของท่านพ่อลีด้วยว่าพระกรรมฐานไม่เก็บศพไว้นาน และอีกฝ่ายหนึ่งปรารภจะเก็บไว้บูชาสักการะให้เป็นที่อบอุ่นอยู่ตลอดไป เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีเสียงขึ้นเป็น ๒ เสียง ๒ ฝ่าย เสียงฝ่ายหนึ่งจะทำฌาปนกิจศพของท่าน อีกฝ่ายหนึ่งว่าไม่ควรทำ ควรเก็บไว้อย่างนี้ เป็นเหตุให้มีการประชุมใหญ่ของบรรดาศิษยานุศิษย์ ทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์ลงคะแนนเอาเสียงข้างมาก ก็ปรากฏว่าเสียงที่ไม่ให้ทำการฌาปนกิจศพเป็นเสียงข้างมาก เนื่องด้วยชาวจันทบุรีที่เลื่อมใสท่านพ่อลี พากันแห่มาออกเสียงเป็นจำนวนนับหมื่นคน สรุปคือไม่ได้ถวายเพลิง จึงได้เก็บสรีระสังขารท่านไว้ตลอดมาจนทุกวันนี้ โดยอัญเชิญไว้ในโลงทอง ณ วิหารสุทธิธรรมรังสี วัดอโศการาม เป็นที่น่าอัศจรรย์ !! ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ดอกไม้บูชาท่านพ่อลีไม่เคยเหี่ยวแห้ง เพราะมีผู้คนนำดอกไม้มากราบไหว้บูชาท่านไม่เคยขาด เสียงสวดมนต์ปฏิบัติบูชาจากสานุศิษย์ ตั้งแต่ ๒ ทุ่มถึง ๔ ทุ่มของทุกวัน ดังกึกก้องมาไม่รู้จบ วันมรณภาพเวียนมาบรรจบประชาชนจะหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย พระกรรมฐานมารวมกันในคราวจำเป็นในข้อธรรมวินัย ณ วัดอโศการาม ซึ่งมีพระธุตังคเจดีย์อันยิ่งใหญ่ได้ปรากฏมาจนกระทั่งทุกวันนี้ นี่คือท่านพ่อลี ที่รักเคารพบูชาอย่างหาที่สุดมิได้ สายธารธรรมหลั่งไหลไปไม่มีวันหยุด สายน้ำแห่งคุณงามความดีของท่านแผ่ซึมซับไปโดยทั่ว ท่านคือพระผู้รุ่งเรืองด้วยเดช ด้วยยศ และเป็นพระผู้สละโลกได้อย่างสิ้นเชิง สมศักดิ์ศรีเป็นพุทธสาวกที่พระพุทธเจ้าได้ทำนายไว้ว่า ในยุคกึ่งพุทธกาลพระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองในดินแดนสุวรรณภูมิ อันเป็นดินแดนสุดท้ายที่ยังมีท่านผู้บรรลุเป็นพระอรหันต์ นับเป็นบุญของพวกเราชาวไทยจริงๆ ที่ผืนแผ่นดินแห่งนี้มีสิ่งอันเป็นมิ่งมงคล เรามีทั้งพระพุทธศาสนา มีพระผู้แกร่งกล้า คือ ท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล, ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต, ท่านพ่อลี ธมฺมธโร และหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ฯลฯ ตลอดจนมีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฺฐายี ป.ธ.๙) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๖ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=22&t=20007 คัดลอกเนื้อหามาจาก... “พระธุตังคเจดีย์-ท่านพ่อลี ธมฺมธโร-วัดอโศการาม” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=42731 ประวัติและปฏิปทา “ท่านพ่อลี ธมฺมธโร” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=21381 รวมคำสอน “ท่านพ่อลี ธมฺมธโร” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=38679 |
เจ้าของ: | jekky [ 29 ส.ค. 2013, 12:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สรีระสังขารท่านพ่อลี ธมฺมธโร ยังไม่ได้ถวายเพลิงจนทุกวันน |
อนุโมทนา สาธุ ครับ |
เจ้าของ: | ดาราวรรณ [ 19 ก.พ. 2015, 12:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สรีระสังขารท่านพ่อลี ธมฺมธโร ยังไม่ได้ถวายเพลิงจนทุกวันน |
กราบสาธุๆๆ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |