ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ภพภูมิในพระพุทธศาสนา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=42842 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | lc_kukko [ 01 ส.ค. 2012, 17:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | ภพภูมิในพระพุทธศาสนา |
ตามหลักพระพุทธศาสนาเชื่อว่าสัตว์โลกที่ตายไปแล้ว หากจิตยังมีกิเลสอยู่ เขาย่อมเกิดอีก ส่วนจะเกิดเป็นอะไรนั้นขึ้นอยู่กับกรรมที่ทำ ถ้าทำดีก็จะไปเกิดในภพภูมิที่ดี ที่เรียกว่า สุคติ ถ้าทำ กรรมชั่วก็จะไปเกิดในภพภูมิที่ไม่ดี ที่เรียกว่า ทุคติ แต่ทั้งสุคติและทุคตินี้ หากแยกย่อยออกไปจะมีทั้งหมด ๓๑ ภูมิ ซึ่งมักเรียกว่า วัฏสงสาร ๓๑ ภูมิ อันหมายถึง ภูมิเป็นที่เวียนว่ายตายเกิดของสัตว์ที่ยังมีกิเลส ๓๑ ภูมิ ดังนี้ ![]() ในภูมิทั้ง ๓๑ นั้น ท่านแบ่งเป็น สุคติ ๒๗ ภูมิ ได้แก่ มนุษยโลก ๑ สวรรค์ ๖ รูปพรหม ๑๖ และอรูปพรหม ๔ ทุคติ ๔ ภูมิ ได้แก่ นรก เปรต อสุรกาย และสัตว์ดิรัจฉาน อย่างละ ๑ ภูมิ เมื่อดูตารางเทียบกันอย่างนี้จะเห็นว่าสุคติภูมินั้นมีมากกว่าทุคติภูมิ แทบจะเรียกได้ว่า ๙ ต่อ ๑ คือถ้าแบ่งภูมิออกเป็น ๑๐ ส่วน ส่วนที่เป็นสุคติก็มีมากถึง ๙ ส่วน ส่วนที่เป็นทุคติมีเพียงส่วนเดียว ซึ่งเมื่อว่าตามสัดส่วนนี้แล้ว สัตว์ที่ไปเกิดในสุคติน่าจะมากกว่าสัตว์ที่ไปเกิดในทุคติ แต่ความจริงกลับกลายเป็นว่าสัตว์ที่ไปเกิดในทุคติภูมินั้นมีมากกว่าสัตว์ที่ไปเกิดในสุคติภูมิ นี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว และนับวันยิ่งจะเพิ่มมากขึ้นทุกที ปัจจัยหลักที่ทำให้สัตว์ต้องเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิทั้ง ๓๑ นั้นก็คือ กิเลส ความโลภ โกรธ หลง เมื่อคนมีกิเลสเกิดขึ้นในใจก็เป็นเหตุให้ทำกรรมต่างๆ ทางกาย วาจา ทางความคิด ซึ่งมีทั้งดีและไม่ดี และเมื่อก่อกรรมแล้วก็เป็นเหตุให้รับผลของกรรมที่เรียกว่า วิบาก ถ้าทำกรรมดี ผลตอบแทนก็ดี ถ้าทำกรรมไม่ดี ผลตอบแทนก็ไม่ดี และเมื่อรับผลของกรรมแล้วก็มีกิเลสตัวใหม่เกิดขึ้นอีก ส่งผลให้ก่อกรรมอีก และต้องรับผลอีก วนเวียนอยู่อย่างนี้ข้ามภพข้ามชาติ จนกว่าจะเกิดปัญญารู้แจ้งสามารถละกิเลสทั้งหมดได้ ผู้ที่ยังละกิเลสไม่หมด แม้จะเป็นพระอริยบุคคลก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด พระอริยะที่ยังละกิเลสไม่หมดก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด หลายคนอาจสงสัยว่าเป็นพระอริยบุคคลแล้วยังต้องเวียนว่ายตายเกิดด้วยหรือ พระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนานั้นท่านแบ่งเป็น ๒ กลุ่ม คือ ![]() ๑) กลุ่มที่ละกิเลสบางส่วนได้เด็ดขาดแล้ว แต่ยังมีกิเลสบางส่วนที่ยังละไม่ได้ กลุ่มนี้เรียกว่า กลุ่มเสขบุคคล คือผู้ที่ยังต้องศึกษาต่อ ได้แก่ พระอริยบุคคลที่เป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี แต่ถึงแม้ว่าจะต้องเกิดอีก ท่านเหล่านี้ก็เป็นผู้แน่วแน่ต่อพระนิพพาน คืออย่างไรเสียก็ต้องได้บรรลุพระนิพพานแน่นอน คือพระโสดาบันอย่างช้าเกิดอีกไม่เกิน ๗ ชาติ พระสกทาคามีเกิดอีกเพียงชาติเดียว ส่วนพระอนาคามีจะเกิดในพรหมโลกชั้นสุทธาวาสแล้วก็จะบรรลุอรหันต์เข้าสู่นิพพานในที่นั้นเลย ![]() ๒) กลุ่มที่ละกิเลสได้เด็ดขาดแล้ว ซึ่งได้แก่ พระอรหันต์ กลุ่มนี้เรียกว่า กลุ่มอเสขบุคคล คือผู้ที่ไม่ต้องศึกษาเพื่อละกิเลสอีกแล้ว เพราะละกิเลสได้หมดแล้ว เมื่อตายไปก็ไม่ต้องเกิดอีก ในกลุ่มของพระเสขบุคคล ผู้ที่เป็นพระโสดาบันก็ดี พระสกทาคามีก็ดี เมื่อตายไปแล้วจะบังเกิดในภูมิมนุษย์และในสวรรค์ ๖ ชั้น ชั้นใดชั้นหนึ่งเท่านั้น จะไม่บังเกิดในภพภูมิอื่นนอกจากนี้ ส่วนพระอนาคามี จะบังเกิดในพรหมโลก ชั้นสุทธาวาสเท่านั้น และเมื่ออินทรีย์แก่กล้าก็จะเข้าสู่นิพพาน ไม่กลับมาเกิดอีก เครดิต : หนังสือ "ตีตั๋วไปสวรรค์" ส่งเสริมคุณธรรม พัฒนาชีวิต นึกถึงธรรมะ คิดถึงหนังสือธรรมะ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |