ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

คุณสมบัติของทูต ๘ ประการ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=40239
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  Hanako [ 26 พ.ย. 2011, 19:37 ]
หัวข้อกระทู้:  คุณสมบัติของทูต ๘ ประการ

รูปภาพ

คุณสมบัติของทูต ๘ ประการ

พระพุทธองค์ทรงตรัสชมเชยพระสารีบุตรว่า
เป็นผู้มีคุณสมบัติของทูต ๘ ประการที่เหมาะ

ดังปรากฏในบางตอนของพระสูตรว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
สารีบุตรประกอบด้วยธรรม ๘ ประการ ควรไปเป็นทูตได้
ธรรม ๘ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สารีบุตรในธรรมวินัยนี้

เป็นผู้รับฟัง ๑ ให้ผู้อื่นรับฟัง ๑ เรียนดี ๑ ทรงจำไว้ดี ๑ รู้เอง ๑ ให้ผู้อื่นรู้ ๑
เป็นผู้ฉลาดต่อสิ่งที่มีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ ๑ ไม่ก่อการทะเลาะ ๑


ดูกรภิกษุทั้งหลาย สารีบุตรประกอบด้วยธรรม ๘ ประการนี้แล ควรไปเป็นทูตได้ ฯ
ภิกษุใดแล สอนบริษัทให้เรียนให้อ่าน ,ไม่สะทกสะท้าน
ไม่ให้เสียคำที่พูด , ไม่ให้เสียคำสอน, ชี้แจงให้เขาหมดสงสัย
และเมื่อถูกซักถามก็ไม่โกรธ ภิกษุเช่นนี้นั้นแล ควรไปเป็นทูตได้ ฯ

(เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ บรรทัดที่ ๓๙๙๘-๔๐๑๓. หน้าที่ ๑๗๓-๑๗๔.)



:b39: :b39: :b39:


ความเป็นทูตนั้นย่อมมีอยู่ในตัวเราทุกคน
เพราะเราต่างต้องมีความสัมพันธ์กับผู้อื่น ติดต่อกับผู้อื่นอยู่เสมอ
ความสำเร็จในกิจการต่างๆ จึงขึ้นอยู่กับความเป็นทูตในตัวเราด้วยเช่นกัน
ดังจะขยายความต่อไปนี้

:b44: โสตา

โสตา แปลว่า ฟังเป็นและมีศิลปะในการฟัง
ส่วนมากเราจะได้ยินแต่ "วาทศิลป์" ศิลปะในการพูด
แต่ "โสตศิลป์" ศิลปะในการฟัง นั้นไม่ค่อยมีสอนกัน

คนที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้อื่นต้องโสตา คือ ฟังเป็น
การเป็นผู้ฟังนั้น ไม่มีกฏเกณฑ์ตายตัว แต่ควรจะมี
๑. ความตั้งใจฟัง
๒. รู้จักสังเกตผู้พูด ผู้พูดต้องการสื่ออะไร มีอารมณ์อย่างไร
๓. รู้จักถามเมื่อควรถาม จะช่วยให้ผู้พูดสามารถรับรู้ได้ว่าผู้ฟังใส่ใจการฟัง
และช่วยให้การพูดนั้นลื่นไหลยิ่งขึ้น


:b44: สาเวตา

สาเวตา คือ การทำให้ผู้อื่นฟังได้
ต้องรู้จักสังเกตคู่สนทนาว่า เขาเบื่อการพูดของเราหรือเปล่า
การพูดที่ดี ไม่ใช่อยากพูดอย่างเดียวก็พูดได้
แต่ต้องพูดให้น่าฟัง ชวนติดตามด้วย
นั่นคือ ผู้พูดต้องรู้ตัว มีสติ คอยสำรวจอยู่เสมอ

ลักษณะการพูดที่ทำให้คนฟังเบื่อ มีดังนี้
๑. พูดแต่เรื่องของตัว
๒. นินทาคนอื่นมากเกินไป พูดจาพร่ำเพรื่อ
๓. ติเตียนบุคคลที่เขา (ผู้ฟัง) รัก
๔. สรรเสริญคนที่เขา (ผู้ฟัง) ไม่พอใจ


:b44: อุศฺคเหตา

อุศฺคเหตา คือ เรียนดี
ผู้ที่จะเป็นผู้พูดหรือสอน แนะนำผู้อื่นนั้น
เบื้องต้นควรเป็นผู้เรียนดี
ผู้เรียนดีควรเป็นผู้มีลักษณะที่ไม่ทำให้อาจารย์ลำบาก
คือ รู้จักขวนขวาย ไม่ต้องเคี่ยวเข็ญ
หรือที่รู้จักกันในชื่อ สุ-จิ-ปุ-ลิ

สุ-สุตะ หมั่นฟัง ตั้งใจรับฟังคำสอน
จิ-จินตา หมั่นคิด ค้นหาด้วยเหตุผล
ปุ-ปุจฉา หมั่นถาม รู้จักตั้งข้อสังเกต
ลิ-ลิขิต หมั่นเขียน รู้จักจดเพื่อจำให้แม่นยำ


:b44: ธาเรตา

ธาเรตา คือ จำได้ดี
การหมั่นฝึกฝนความจำ ทำให้แม่นยำ
เปรียบเสมือนมีคลังข้อมูล
สามารถหยิบยกขึ้นมาใช้ได้ทันการณ์


:b44: วิญฺญาตา

วิญฺญาตา คือ รู้เองด้วย หรือ การเข้าใจ
การเป็นผู้เข้าใจง่าย ศึกษาทางใดก็เข้าใจได้ดี
มีปฏิภาณในด้านนั้นๆ


:b44: วิญฺญาเปตา

วิญฺญาเปตา คือ ทำให้คนอื่นรู้ได้ด้วย
นอกจาก วิญฺญาตา คือ รู้เอง เข้าใจเองแล้ว
ผู้ที่จะมีคุณสมบัติของทูต ต้องทำให้ผู้อื่นเข้าใจตามได้ด้วย
นั่นคือ มีศิลปะในการถ่ายทอด
สามารถชี้แจง อรรถาธิบาย ให้ผู้ฟังเข้าใจได้โดยตลอดแจ่มแจ้ง

ท่านเจ้าคุณพระศาสนโสภณ (แจ่ม จตฺตสลฺโล)
ท่านเขียนไว้ในอุทานธรรมว่า

พูดอะไร..เขาไม่รู้...ก็ขู่เขา
ว่าโง่เง่า..ซมเซอะ..เงอะนักหนา
ตัวของตัว..ทำไม..ไม่โกรธา
ว่าพูดจา..ให้เขา..ไม่เข้าใจ


ศิลปะการถ่ายทอดนั้น มีองค์ประกอบดังนี้

๑. ตัวผู้ถ่ายทอดต้องมีความรู้แจ่มแจ้งในเรื่องนั้น
๒. จะถ่ายทอดด้วยวิธีการใดให้นึกถึงผู้รับการถ่ายทอดเป็นที่ตั้ง
สื่อสารให้เขาเข้าใจ คือ
๒.๑) ต้องเปิดเผย (วิวรติ วิวร)
๒.๒) มีการจำแนกแจกแจง (วิภชติ)
๒.๓) ทำให้ตื้น เข้าใจไปตามลำดับ (อุตฺตานีกโรติ)
๓. พิจารณากลุ่มเป้าหมาย คือ พูดหรือทำให้เหมาะสมตามระดับของผู้ฟัง
หมั่นพิจารณาว่า เขาสามารถเข้าใจตามเราได้หรือไม่
๔. เน้นความชัดเจนและครบถ้วนของเนื้อหา


:b44: กุสโล สหิตสฺสาหิตสฺส

กุสโล สหิตสฺสาหิตสฺส คือ ฉลาดในสิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์
การพิจารณาว่าสิ่งใดมีประโยชน์ ไม่มีประโยชน์
หากใช้หลัก ธรรมะสมาทาน ๔ ก็จะช่วยให้จำกัดความได้ง่ายขึ้น ดังนี้

๑. การกระทำบางอย่างที่ให้ความสุขในปัจจุบันแต่ให้ความทุกข์ในภายหน้า
๒. การกระทำบางอย่างให้ความทุกข์ในปัจจุบันแต่ให้ความสุขในภายหน้า
๓. การกระทำบางอย่างให้ความทุกข์ในปัจจุบันและในภายหน้า
๔. การกระทำบางอย่างให้ความสุขทั้งในปัจจุบันและในภายหน้า

การฉลาดแต่ในสิ่งที่มีประโยชน์
ต้องไม่ใช่คำนึงถึงแต่ประโยชน์ของตน
หากแต่ต้องคำนึงถึงประโยชน์อย่างแท้จริงของสิ่งนั้นๆ
โดยไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้งด้วย


:b44: น กลหการโก

น กลหการโก คือ ไม่ชวนทะเลาะ
ต้องเป็นผู้มีเมตตา เมื่อผู้ฟังเกิดอาการไม่เข้าใจ ซักถามบ่อย
ก็ไม่หงุดหงิดใจที่จะให้คำตอบ เป็นต้น
รวมถึงการถ่ายทอด-แนะนำ-ติดต่อสื่อสารใดๆ ก็ตาม
ควรใช้คำพูดประกอบด้วยเมตตา ใช้แต่คำดี ปรารถนาดี
หากมีอะไรที่ขัดแย้งก็ให้พยายามสงบนิ่ง ไม่ใช้อารมณ์ เป็นต้น

ดังพุทธภาษิตว่า
กลหครหาทีนํ มูลํ ขนติ ขนฺติโก
ผู้ที่มีความอดทน สามารถจะขุดรากของสิ่งร้ายทั้งหลายเสียได้



:b48: :b48: :b48: :b48:


สรุปและเรียบเรียงจาก นิตยสารศุภมิตร
ปีที่ ๔๘ ฉบับที่ ๕๓๙ เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ๒๕๔๖
หน้า ๖๒-๗๔

เจ้าของ:  ให้ทาง [ 27 พ.ย. 2011, 06:30 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คุณสมบัติของทูต ๘ ประการ

:b8:

เจ้าของ:  วิริยะ [ 28 พ.ย. 2011, 12:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คุณสมบัติของทูต ๘ ประการ

ไม่ชวนทะเลาะ
มีเมตตา
มีขันติ


:b8:

อยากทำได้จัง :b13:

เจ้าของ:  Hanako [ 28 พ.ย. 2011, 16:03 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คุณสมบัติของทูต ๘ ประการ

วิริยะ เขียน:
ไม่ชวนทะเลาะ
มีเมตตา
มีขันติ

:b8:

อยากทำได้จัง :b13:



:b16: เอาใจช่วยค่ะ ฮานาโกะก็พยายามอยู่ค่ะ
ยิ่งมาโพสบทความด้วย ยิ่งต้องตระหนักมากๆเรื่องคุณสมบัติของทูตนี้
เลยเอามาลงคิดว่าคงมีประโยชน์มากสำหรับธรรมทูตทั้งหลายน่ะค่ะ อิอิ :b9:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/