ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
แม้เจ็บกายแต่ใจเย็น (สมเด็จพระญาณสังวรฯ) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=38520 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | Hanako [ 11 มิ.ย. 2011, 20:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | แม้เจ็บกายแต่ใจเย็น (สมเด็จพระญาณสังวรฯ) |
แม้เจ็บกายแต่ใจเย็น
![]() คัดลอกจากหนังสือเรื่อง วิธีการของพระพุทธเจ้า (หัวข้อ แม้เจ็บกายแต่ใจเย็น) นิพนธ์ในเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร (สุวฑฺฒนมหาเถระ) พิมพ์น้อมถวายเป็นวิทยาทานโดยมหามงกุฏราชวิทยาลัย ปีพุทธศักราช ๒๕๓๒ หน้า ๕๗-๕๘ ![]() ![]() สมัยเมื่อพระพุทธเจ้าประทับอยู่บนยอดเขาคิชฌกูฏ (มียอดเหมือนหัวแร้ง) ใกล้กรุงราชคฤห์ นครหลวงแห่งมคธรัฐ วันหนึ่งเสด็จไปบิณฑบาต ขณะเสด็จพระพุทธดำเนินอยู่ตอนล่าง พระเทวทัตขึ้นไปผลักหินก้อนใหญ่ให้กลิ้งลงมา เพื่อจะให้ทับพระองค์ให้แหลกลาญ หินก้อนใหญ่นั้นกลิ้งลงมากระทบแง่หิน ๒ ก้อน ติดอยู่ไม่ถึงพระองค์ แต่สะเก็ดหินที่แตกเพราะแรงกระทบ กระเด็นไปต้องพระบาทเพียงให้เกิดอาการห้อพระโลหิต เกิดเวทนากล้า พวกภิกษุได้นำเสด็จไปยังสวนมะม่วงของชีวกโกมารภัจ แพทย์หลวงผู้มีชื่อเสียงในเวลานั้น นายแพทย์ชีวกได้ถวายยาพอกอย่างแรงตรงที่ห้อพระโลหิต ได้กราบทูลลากลับเข้าไปเยี่ยมไข้ในเมือง เสร็จธุระแล้วได้รีบมาที่ประตูเพื่อออกจากเมือง แต่ไม่ทันเวลาเพราะประตูเมืองปิดเสียก่อน จึงคิดเสียใจว่า ได้พอกยาอย่างแรงที่พระบาทของพระพุทธเจ้า ทิ้งไว้เหมือนพระองค์เป็นบุคคลสามัญ เวลานี้ก็เป็นเวลาที่จะแกะยาพอกออกได้แล้ว เมื่อไม่แกะออกก็จักเกิดความเร่าร้อนในพระวรกายตลอดคืน ในขณะนั้น พระพุทธเจ้าได้ตรัสสั่งให้พระอานนท์แกะยาพอกออก ตรงกับเวลาที่หมอชีวกคิดอยู่นั้น แผลช้ำเลือดที่พระบาท ได้หายเรียบร้อยดังปลิดทิ้ง รุ่งเช้า พอประตูเมืองเปิดก่อนอรุณ นายแพทย์ชีวกรีบออกมาเฝ้า กราบทูลถามว่า ได้ทรงมีอาการเร่าร้อนในพระวรกายอย่างไร พระพุทธเจ้าได้ตรัสตอบว่า "ความเร่าร้อนทั้งหมดของตถาคตสงบสิ้นแล้วที่ต้นโพธิในวันตรัสรู้" และได้ตรัสแปลคาถาแปลความว่า "ความเร่าร้อนไม่มีแก่ผู้ที่เดินทางสิ้นสุด หายโศก หลุดพ้นทุกสถาน เครื่องร้อยรัดหมดทุกอย่าง" ตามพระพุทธประวัติ เมื่อพระพุทธเจ้าประชวร บางคราวทรงรักษาเองด้วยอำนาจขันติหรือจิตตานุภาพ บางคราวทรงให้หมอรักษาเหมือนบุคคลทั่วๆ ไป เพราะพระกายก็ต้องมีเกิด แก่ เจ็บ ตายเหมือนอย่างร่างกายของทุกๆ คน เมื่อเจ็บก็ต้องมีเวทนาเหมือนกัน แต่คนเจ็บทั่วไปมีใจไปผูกพันอยู่กับเจ็บ กลัวเจ็บ กลัวตาย ใจจึงพลอยเจ็บ เร่าร้อนทุรนทุราย ส่วนพระพุทธเจ้าไม่ทรงผูกพันพระจิตอยู่กับความเจ็บ ไม่ทรงกลัวเจ็บกลัวตาย ปล่อยวางความเจ็บไว้ที่กาย เป็นเรื่องของกาย เป็นเรื่องของหมอจะรักษาไปอย่างไร จึงทรงเป็นผู้หลุดพ้นไม่มีความเร่าร้อน เพระทรงดับเสียได้เด็ดขาดแล้วตั้งแต่เวลาที่ตรัสรู้ ณ โพธิพฤกษ์ นี้แล คือ ทุกขนิโรธ ความดับทุกข์ เมื่อเจ็บป่วยน่าจะใช้คาถากันเจ็บของพระพุทธเจ้า บทที่แปลไว้ข้างบนนี้ดูบ้าง แต่ต้องใช้ปฏิบัติให้ได้ดั่งคาถาเป็นเครื่องรักษาทางใจ ช่วยกับหมอที่รักษาทางกาย ![]() ![]() = รวมพระนิพนธ์ “สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน)” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=22&t=43452 = ประมวลพระรูป “สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน)” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=22&t=29577 |
เจ้าของ: | Supatorn [ 13 ส.ค. 2011, 10:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แม้เจ็บกายแต่ใจเย็น (สมเด็จพระญาณสังวรฯ) |
มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฎฐา มโนมยา ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐสุด สำเร็จด้วยใจ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ต้นหนาว [ 15 ส.ค. 2011, 00:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แม้เจ็บกายแต่ใจเย็น (สมเด็จพระญาณสังวรฯ) |
![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | O.wan [ 16 ส.ค. 2011, 17:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แม้เจ็บกายแต่ใจเย็น (สมเด็จพระญาณสังวรฯ) |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |