วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 05:03  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2011, 16:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2010, 13:16
โพสต์: 279

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




book94_.jpg
book94_.jpg [ 35.35 KiB | เปิดดู 4012 ครั้ง ]
ให้อภัยตนเอง
โดย พระอาจารย์ชาญชัย อธิปญฺโญ
ร่มอารามธรรมสถาน


คนทุกคนเคยทำทั้งดีและชั่ว ถูกและผิด ต่างกันอยู่ที่ว่า ใครจะทำฝ่ายไหนมากกว่ากัน

เมื่อเราไม่ชอบใครคนใดคนหนึ่ง เรามักจะเห็นข้อบกพร่องของเขา และฝังใจอยู่กับข้อบกพร่องหรือสิ่งที่เราคิดว่าเขาทำไม่ดี ตราบใดที่เรายังรู้สึกไม่ดีต่อเขา เท่ากับว่าเรียกติดในความคิดเดิม แม้ว่าสิ่งนั้นอาจจะผ่านพ้นไปแล้วเนิ่นนาน บางคนโกรธกันมานานนับสิบปี ความรู้สึกโกรธก็ยังไม่หายไป ทุกครั้งที่พบกัน ความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกันก็ผุดขึ้นมาอีก เป็นความรู้สึกที่ทำร้ายจิตใจตนเองเป็นเบื้องต้น และทำลายโอกาสของความสัมพันธ์อันดีตามมา

คนแต่ละคนแสดงพฤติกรรมออกมาตามคุณสมบัติของกายและจิตของเขาในแต่ขณะ เช่น หากร่างกายไม่สบาย สีหน้าท่าทางก็ย่อมไม่สบายตามไปด้วย แม้คำพูดก็อาจจะไม่นุ่มนวลชวนฟังเหมือนยามปกติ ทางด้านจิตใจนั้น ยามใดที่มีความรู้สึกโกรธ เกลียดชัง หรือมีความคิดไม่ดี คำพูดก็ย่อมไม่ดีเช่นกัน

คุณสมบัติหรือคุณภาพของร่างกายและจิตใจของคนเปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ดังนั้นพฤติกรรมทางกายและวาจาของแต่ละคน จึงเปลี่ยนแปลงไปด้วย การที่เรายึดถือเอาพฤติกรรมของใครคนใดคนหนึ่งมาเป็นตัวตัดสินว่าเขาจะต้องเป็นเช่นนั้นตลอดไป จึงเป็นการตัดสินที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ทำให้เกิดอคติหรือมีใจไม่เที่ยงธรรม เช่น รักใครชอบใครก็เข้าข้างเขาว่าเขาเป็นคนดี เขาทำถูก เกลียดใครโกรธใครก็หาว่าเขาเป็นคนไม่ดี การกระทำของเขาผิด

คนส่วนใหญ่ในโลกจึงมากด้วยอคติ เราไม่ได้ตัดสินบุคคลอย่างมีเหตุผล นั่นคือตัดสินตามพฤติกรรมที่เขากระทำในแต่ละครั้ง เรามักจะตัดสินตามความรู้สึกเดิมที่เคยมีต่อเขา โดยเฉพาะสังคมไทยเป็นสังคมที่ถือเอาความรู้สึกมากกว่าเหตุผล ทำให้เรามีปัญหาทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมมากเท่าทุกวันนี้

หากเรามีความเข้าใจตามความเป็นจริงดังกล่าว เราควรที่จะให้อภัยแก่คนที่เคยทำผิดและให้โอกาสเขาบ้าง ทำนองเดียวกันก็อย่าหลงไปว่าคนที่เรารักเราชอบ เขาจะไม่ทำผิด ต้องเผื่อใจเอาไว้ ซึ่งสำหรับคนที่เรารัก เราก็พร้อมที่จะให้อภัยเขาอยู่แล้ว แต่กับคนที่เราชัง ทำไมเราจึงไม่ให้อภัยแก่เขาบ้าง

ความรู้สึกเกลียดชัง ไม่ให้อภัยกัน มีแต่ทำร้ายจิตใจตนและหาทางทำลายคู่ปรปักษ์ เป็นสิ่งที่ไม่มีคุณเลย

มีพรรษาหนึ่ง ผู้เขียนได้ปลีกวิเวกไปจำพรรษาอยู่ทางภาคเหนือเพียงลำพัง วันหนึ่งมีโยมมาทำบุญกัน ด้วยเป็นวันเทศกาลบุญ ผู้เขียนได้แสดงธรรมให้โยมฟัง เนื้อหาของธรรมตอนหนึ่งว่าด้วยการให้อภัยทาน เป็นทานที่ผู้ให้ไม่ต้องลงทุนลงแรงและเสียทรัพย์สินสิ่งของใดๆเลย ไม่ต้องเสียเวลาด้วย เป็นทานที่ผู้ให้ให้แล้วก็เบาใจ เพราะเอาความหนักใจคือความโกรธ ความเคียดแค้นชิงชัง ที่เก็บสะสมไว้มานานนับปี อันไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เลย ทั้งต่อตนเองและผู้อื่นละทิ้งไป เป็นทานที่ผู้รับยินดีที่จะรับ และเป็นทานที่จะช่วยให้เกิดความสมานฉันท์ อันจะช่วยเสริมสร้างพลังของความร่วมมือร่วมใจกันให้เกิดขึ้นในสังคม

สองวันต่อมา โยมคนหนึ่งมาพบผู้เขียน และบอกว่าตอนนี้โยมรู้สึกสบายใจมาก เรื่องที่เก็บสะสมไว้ให้หนักใจมาหลายปีได้ถูกขจัดออกไปแล้ว โยมเล่าให้ฟังว่า โยมไม่ถูกกับเพื่อนบ้านคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้นำชุมชน หากเดินสวนกันก็จะไม่มองหน้ากัน หากต้องร่วมประชุมกันก็จะหาเหตุผลมาโต้แย้งกันข้างๆคูๆ ทำให้โยมไม่เข้าประชุมในกิจกรรมของหมู่บ้าน ความเป็นปฏิปักษ์ต่อกันดังกล่าว ไม่เพียงแต่กระทบถึงความรู้สึกสุข-ทุกข์ของคู่กรณีเท่านั้น หากยังกระเทือนถึงความร่วมมือร่วมใจกันในกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อชุมชนในหมู่บ้านอีกด้วย

โยมเล่าต่อไปว่า หลังจากได้ฟังธรรมเรื่องอภัยทานแล้ว ทำให้โยมตัดสินใจให้อภัยเขา วันนั้นเองโยมได้เดินสวนกับเขา เพราะบ้านอยู่ในซอยเดียวกัน โยมยิ้มให้พร้อมทักทายเขาดัวยคำพูดที่ดี เขายิ้มตอบพร้อมกับชวนสนทนาด้วยท่าทีที่ดี และชวนให้โยมเข้าไปช่วยงานของหมู่บ้านด้วย เนื่องจากเขาเป็นประธานอบต.

ประโยชน์ของการให้อภัยทานกันมีมาเพียงใดในกรณีนี้ ผู้อ่านย่อมประเมินได้ ผู้ที่ให้อภัยผู้อื่นโดยเป็นฝ่ายยื่นมิตรไมตรีให้ก่อน ถือว่าเป็นผู้ที่ชนะใจตนเอง ชนะทิฐิมานะ หรือความคิดเห็นถือตัวถือตนของตนเองได้ เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่และยกระดับจิตใจของตนให้สูงขึ้น

การให้อภัยตนเองก็เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมิใช่น้อย บางคนที่เคยทำผิดพลาดในเรื่องสำคัญของชีวิต มักจะย้ำคิดย้ำจำถึงความผิดพลาดนั้นๆ ทำให้จิตใจจมปลักอยู่กับความเศร้าหมอง ทั้งๆที่ เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้ว

ครั้งหนึ่งผู้เขียนได้เปิดอบรมวิปัสสนากรรมฐาน เมื่อการอบรมผ่านไปห้าวัน ผู้เข้าอบรมรายหนึ่งมารายงานความรู้สึกว่า เธอเก็บความทุกข์ในชีวิตมาเป็นเวลา ๓๘ ปี เป็นทุกข์ที่เผาไหม้อยู่ในใจราวกับตกนรกทั้งเป็น เป็นทุกข์ที่ไม่สามารถบอกใครได้ วันนี้เธอได้สลัดทุกข์นั้นออกไปแล้ว ทำให้จิตใจเบาสบาย มีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนตลอดระยะเวลา ๓๘ ปีอันยาวนาน

เธอเปิดเผยความลับอันคับข้องใจให้ฟังว่า สมัยวัยรุ่นใช้ชีวิตอย่างเสเพลทำให้ผิดพลาดถึงกับทำแท้ง นั่นเป็นมะเร็งร้ายในใจข้อที่ ๑ ต่อมาได้ทำหน้าที่พยาบาลเด็กหญิงเล็กๆ คนหนึ่ง เด็กคนนี้ขอทานนำไปเป็นเครื่องมือหากิน เธอเกรงว่าหากรักษาเด็กหายขอทานก็จะเอาเด็กไปเป็นเครื่องมือหาเงินอีก เธอจึงให้ยาแรงเกินขนาด ผลก็คือเด็กตาย นี่เป็นมะเร็งร้ายในใจข้อที่ ๒

ความผิดทั้งสองอย่างนี้ เผาไหม้ความรู้สึกเธอตลอดมา ทำให้ชีวิตจมปลักอยู่กับความทุกข์ ซึ่งดูจากสีหน้าของเธอก็บ่งบอกถึงความทุกข์ที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจ เธอพยายามหาทางออกด้วยการเข้าปฏิบัติธรรมในโอกาสต่างๆ แต่ก็ยังไม่สามารถปล่อยวางทุกข์ในใจนั้นได้

มาคราวนี้เธอสามารถปลดปล่อยทุกข์นี้ได้แล้ว ด้วยการรู้จักให้อภัยตนเอง ไม่หมกมุ่นครุ่นคิดถึงอดีตที่ผ่านมา อยู่กับความเป็นจริงในปัจจุบันและพร้อมที่จะทำสิ่งดีๆ ให้ตัวเองเพื่ออนาคตอันสดใส

ผู้อ่านให้อภัยคู่แค้นและให้อภัยตนเองแล้วหรือยัง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2011, 16:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8: :b8: :b8: :b20:

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2011, 19:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:34
โพสต์: 1654

งานอดิเรก: ฟังเพลง และฟังธรรมตามกาลเวลา
สิ่งที่ชื่นชอบ: อภัยทาน
อายุ: 39
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว


:b41: » ให้อภัยตัวเอง

เช้าวันนี้ ปรุงศรีสวดมนต์เสร็จกราบพระแล้ว ยังคงนั่งอยู่ต่อ มองดูพระพุทธรูปองค์เล็กที่ตนกราบไหว้บูชามานาน พลางระลึกว่า กำลังได้มีโอกาสสั่งทำพระพุทธรูปองค์ใหญ่ เพื่อไปถวายวัดสร้างใหม่อย่างไม่คาดฝัน มีความปลาบปลื้มล้นอยู่ในใจ หันหลังไปมองรูปใบเก่าของแม่ แม่นั่งอยู่หน้าพระองค์ใหญ่ ซึ่งสร้างถวายวัดเมื่อครั้งกระโน้น ปรุงศรียินดีที่ตนได้ทำอย่างแม่บ้าง
พินิจพิเคราะห์นานไปหน่อย ความคิดของปรุงศรีเริ่มหันเหสายตามาคิดถึงแม่ ความเบิกบานค่อย ๆ ลดลง อารมณ์เปลี่ยนไปตามสภาวะที่เกิดขึ้นใหม่ในใจ

เวลาคิดถึงแม่ เธออดจะคิดถึงช่วงสุดท้ายของแม่ไม่ได้ตอนที่แม่ไม่สบายมาก แม่เรียกเธอเข้าไปใกล้ ๆ กระซิบให้เธอช่วยตัดเสื้อใหม่ให้แม่ตัวหนึ่ง ปรุงศรีคิดในใจว่าแม่คงพูดไปยังงั้นเอง ไม่สบายอยู่จะใส่เสื้อใหม่ไปไหน เธอจึงไม่ได้ตัดให้ แม้แม่จะบอกเป็นครั้งที่สอง จนกระทั่งมีญาติคนหนึ่ง บอกว่า แม่เขารู้ตัวนะซี วันที่เขาตายเขาจะได้มีเสื้อใหม่ใส่ไปไหว้พระบนสวรรค์ปรุงศรีรีบตัดเสื้อให้แม่ทันทีจนดึกดื่น แต่เมื่อเอาเสื้อใหม่ไปให้แม่ดู เพื่อให้แม่สบายใจ แม่ก็ไม่สามารถรับรู้ข่าวนี้ได้แล้ว

ปรุงศรีน้ำตาไหลเสียใจทุกครั้งที่คิดขึ้นมา แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน แต่อารมณ์นั้นก็ยังคงเหมือนเดิม

แก้ว เดินเข้ามาในห้องเพื่อจะสวดมนต์ เห็นแม่นั่งทำหน้าเศร้า ๆ อยู่จึงไถ่ถาม "อ้อ เรื่องนี้อีกแล้ว แม่ต้องปล่อยเรื่องมันไปอยู่ในเวลาของมันสิจ๊ะ พอดีเมื่อคืนหนูฟังเทปท่านชยสาโรภิกขุ ท่านพูดเรื่องการให้อภัยตัวเอง เดี๋ยวหนูไปเะอามาเปิดให้แม่ฟังนะ" แก้วรีบรุดออกไปจัดการเอาเทปมาเปิดให้แม่ฟังในห้องพระ เสียงพระเทศน์ว่า

" การให้อภัยตัวเอง อาศัยปัญญา ที่ยอมรับว่าเรายังมีกิเลสและมีโอกาสหลงทำสิ่งที่ผิดได้ เรื่องที่เราเคยทำไว้ไม่ถูกต้องถ้าเราพิจารณาแล้วต้องเห็นว่า การที่ทุกวันนี้ เราคิดว่าในสมัยนั้นไม่ควรทำอย่างนั้น ว่าตัวเอง ก็ไม่ยุติธรรม อย่างอาตมาอายุ 43 คิดถึงตอนอายุ 16 ปีทำให้รู้สึกละอาย ถ้าอาตมาว่าตัวเองว่าตอนนั้นไม่น่าทำ ก็ไม่ยุติธรรม เพราะเอาปัญญาของผู้มีปัญญาอายุ 43 ไปตัดสินเด็ก 16 เหมือนว่าเด็ก 16 ปี ควรมีปัญญาเท่าผู้มีอายุ 43 คือ เราเอาปัจจุบันไปตัดสินอดีต ซึ่งยังไม่เคยศึกษาธรรมะ

พวกเราก็เหมือนกัน ได้ปฏิบัติธรรม ความคิดก็เปลี่ยนไปแต่จะเอาอดีตที่ยังไม่เข้าวัด ก็ไม่ยุติธรรม ควรยอมรับว่าสมัยนั้นมีความรู้แค่นั้น มีสติ มีความรอบคอบแค่นั้น มันจึงมีการกระทำอย่างนั้น เราก็ให้อภัยตัวเองได้...

เราให้อภัยแล้ว เหมือนให้โอกาสที่ให้ตัวเองปรับปรุงแก้ไขต่อไป ไม่ใช่เราเคยผิดพลาด ทำไม่ดี จะต้องเป็นคนไม่ดีตลอดชีวิต เราไม่ควรให้กรรมเก่ากำหนดชีวิตของเรา.......

ถ้าพวกเรายังรู้สึกว่ามีเรื่องในอดีตเป็นอุปสรรค ถ่วงไม่ให้ก้าวหน้าก็ควรจัดการ ปล่อยวาง ให้อภัยตัวเอง ตั้งต้นใหม่เพราะคนเราเปลี่ยนได้ คนเราสามารถกลับตัวได้.......

พวกเราให้ระวังความคิด ความคิดสร้างขอบเขตกั้นรั้วไม่ให้เราก้าวหน้าในธรรม ความจริงเรามีโอกาสพอที่จะเห็นธรรม แต่นอกจากความเชื่อมั่นในพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณแล้ว เราต้องปลูกฝังศรัทธาในตัวเองว่าเราทำได้ เราเข้าถึงธรรมได้ ถึงแม้ในอดีตเราเคยประมาท เคยทำพูดคิดไม่ดี ก็ไม่เป็นอุปสรรค

แต่เราควรได้บทเรียนจากประสบการณ์ ป้องกันไม่ให้ผิดอีก และให้อภัยตัวเอง แล้วแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดมาใส่ชีวิตของตน"

แก้วเข้ามากอดแม่ ปรุงศรียิ้ม กอดมือลูกสาวไว้

"ถ้าแม่คิดว่าทำผิดเรื่องยาย แม่ต้องปล่อยไป ไม่อย่างนั้นแม่จะทำผิดเป็นเรื่องที่สอง คือไม่เชื่อฟังคำที่พระอาจารย์เทศน์นะจ๊ะ".


ขอบพระคุณที่มา :: เรือนธรรม :: บ้านพักผ่อนทางจิตใจด้วยธรรมะ

กราบอนุโมทนาบุญกับผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่านนะเจ้าค่ะ :b8: :b8: :b8: :b20:

>> อย่าโทษตัวเอง..จนไม่กล้าลุกขึ้นมาใหม่ <<

.....................................................
ธรรมอำนวยพร
ขอให้.....มีจิตที่รู้ ที่ตื่น ที่เบิกบาน (พุทธะ)
ขอให้.....ทำการงานด้วยความสุข (อิทธิบาทสี่)
ขอให้.....ขจัดทุกข์ได้ด้วยปัญญา (อริยสัจสี่)
ขอให้.....มีดวงตาที่เห็นความจริง (ไตรลักษณ์)
ขอให้.....เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2011, 20:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2011, 17:27
โพสต์: 72


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
มองทาง สำรวจทาง รู้ทุกเส้นทาง เผื่อเจอแยกจะได้จำได้ และเลือกเส้นทางได้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2011, 20:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2010, 15:59
โพสต์: 390

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอขอบคุณสำหรับบทความดีดี ขอให้ท่านมีความสุขความเจิญยิ่งๆขึ้นไปเทอญ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
บุรุษใดพึงเห็นแดน"โลก" เขาจักอยู่ในแดน"โลก"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"สวรรค์" เขาจักอยู่ในแดน "สวรรค์"
บุรุษใดพึงเห็นแดน"นรก" เขาจักอยู่ในแดน"นรก"

บุรุษใดพึงเห็นแดนทั้งสาม เขาจักพึงสิ้นภพจบแดน...แล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2011, 21:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณครับ

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 77 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร