วันเวลาปัจจุบัน 07 มิ.ย. 2025, 10:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2011, 08:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ธ.ค. 2010, 08:25
โพสต์: 326


 ข้อมูลส่วนตัว




พระพุทธเจ้า 1.jpg
พระพุทธเจ้า 1.jpg [ 9.56 KiB | เปิดดู 8874 ครั้ง ]
tongue :b8: :b8: :b8: ไปเจอมาจากพันธ์ทิพย์ เห็นว่าดีมาก ๆ เลยขออนุญาต Copy นำมาฝากค่ะ :b44: :b45: :b44: :b45: :b44: :b45:


ทุกวันนี้ พุทธศาสนิกชนจำนวนมากได้ปฏิเสธเรื่องราวต่างๆในพระไตรปิฏก ที่เขาเหล่านั้นมองว่า เป็นเรื่องอภินิหาร เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ

ก็ด้วยเขาไม่เคยสัมผัสเรื่องดังกล่าว อคติในใจจึงบอกทันทีว่าไม่มีจริง





เขากล่าวว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งแต่งเติม งมงาย ไร้แก่นสาร

พระพุทธพจน์จึงถูกตัดตอนเนื้อหาบางส่วนออกไป ให้กลายเป็นหลักจริยธรรมสามัญธรรมดา


เรื่องราวของสิ่งมีชีวิตในภพภูมิอื่น นรก สวรรค์ กฏแห่งกรรม เรื่อยไปจนถึงพระนิพพาน อันเป็นหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนาที่ไม่มีศาสนาใดๆในโลกจะพึงมี ก็พลอยถูกกลืนหายไป

แก่นของพระพุทธศาสนาที่จะพาสัตว์ออกจากวัฏสังสาร จึงคงจะสูญหายไปในไม่ช้า





มันเป็นการยากที่จะอธิบายให้ชาวพุทธเหล่านี้ เข้าใจในเรื่องที่เขาไม่เคยสัมผัส ไม่เคยประสบด้วยตนเอง

เปรียบเสมือน มีเต่ากับปลาเป็นเพื่อนกันอาศัยอยู่ในน้ำ

วันนึงเต่าก็ขึ้นมาเที่ยวบนบก แล้วก็กลับมาเล่าให้ปลาฟังด้วยความตื่นเต้น

เต่าเล่าให้ฟังว่า บกบกสวยมาก มีดอกไม้ มีลมพัด มีฝนตก มีท้องฟ้า

ปลาก็ถามว่า ลมเป็นยังไง เหมือนคลื่นน้ำไหม เต่าก็ตอบว่า มันจะเหมือนได้ยังไง ก็มันเป็นลม

ปลาก็ถามว่า ท้องฟ้าล่ะเป็นยังไง ลึกมากไหม เต่าก็ตอบว่า มันจะลึกได้ยังไง มันเป็นท้องฟ้า

ปลาก็หาว่าเต่าเพ้อเจ้อ เหลวไหล ด้วยตัวเองไม่สามารถเข้าใจลักษณะของบนบกได้ด้วยกรอบความคิดของตนที่มีอยู่





มดเป็นสัตว์สองมิติ สายตาของมันรับรู้ได้เพียงหน้าหลัง ซ้ายขวา มันจะไม่สามารถรับรู้ได้ว่ามันกำลังไต่กำแพง หรือกำลังไต่เพดานอยู่

คนเป็นสัตว์ในโลกสามมิติ หากคนเห็นมดสองตัวเดินหันหลังไต่ผนังไปคนละทาง คนจะรู้ว่า สุดท้ายแล้ว มดสองตัวนี้จะไปบรรจบกันที่ตรงกลางเพดาน

แต่มดจะค้านหัวชนฝาว่าเป็นไปไม่ได้ เดินหันหลังไปคนละทางจะมาเจอกันได้ยังไง


สิ่งมีชีวิตจะเข้าใจได้เฉพาะมิติที่ตนอยู่หรือต่ำกว่า

ฉันใดก็ฉันนั้น สัตว์ในมิติที่สูงกว่าเรา รวมไปถึงพระอริยะผู้สำเร็จญาณ ก็ย่อมเข้าถึงมิติที่ต่ำกว่า

อนาคตญาณ คือ การรู้ล่วงหน้า ก็เป็นของง่ายสำหรับท่าน เหมือนเราสามารถทำนายได้ว่ามดสองตัวจะมาเจอกันบนเพดานนั้นเอง ไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติ เหนือโลก แต่อย่างใดเลย

ส่วนสามัญมนุษย์ ผู้ยังเป็นกบในกะลา ก็จะคงคอยค้านคอยขัดอยู่ร่ำไป

ด้วยกรอบความคิดถูกจำกัดไว้ด้วยโลกสามมิตินี่เอง จึงไม่สามารถที่จะยอมรับสิ่งใดๆที่เกินไปกว่าความสามารถของระบบประสาทสัมผัสทั้งห้าจะวัดได้





แต่โบราณ เราเชื่อว่าจักรวาลกว้างใหญ่เพียงระบบสุริยจักรวาล

เมื่อกาลิเลโอ พัฒนากล้องโทรทรรศน์ เราจึงเห็นดวงดาวนับล้านในกาแล็กซี่ทางช้างเผือก เราจึงสรุปว่า จักรวาลกว้างใหญ่เท่ากาแล็กซี่ทางช้างเผือก

ปัจจุบัน เรามีกล้องโทรทรรศน์กำลังขยายสูงขึ้น เราจึงเห็นว่ามีกาแล็กซี่ในเอกภพนี้นับล้านกาแล็กซี่

จึงจะเห็นได้ว่า ขอบเขตของจักรวาลในสายตามนุษย์ ขึ้นอยู่กับเครื่องมือที่มีอยู่ ณ ขณะนั้น

(อนึ่ง ด้วยพระสัพพัญญูญาณ พระพุทธองค์ทรงกล่าวไว้ในจูฬนีสูตร ตั้งแต่สองพันห้าร้อยปีที่แล้วว่า จักรวาลนี้ยังมีมากกว่าแสนล้านกาแล๊กซี่)





ความสามารถในการรับรู้ ขึ้นอยู่กับเครื่องมือที่มีอยู่

ตาเนื้อมนุษย์ถูกจำกัดให้สามารถรับความถี่ของคลื่นแสงได้เพียงช่วง 400-700 nm

หากจะวัดความถี่ของคลื่นในช่วงอื่น เช่น คลื่นไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ ก็ต้องอาศัยเครื่องมืออื่นที่มีความสามารถวัดได้

ทั้งๆที่คลื่นเหล่านี้มีอยู่จริง แต่คนเราก็รับรู้ไม่ได้ ก็ด้วยไม่มีเครื่องมือนี่เอง


พระพุทธองค์และพระสาวก รวมไปถึงผู้ทรงฌานอื่นนอกพระพุทธศาสนา มีเครื่องมือสุดประเสริฐที่เรียกว่า ฌาน

ทฤษฎีควอนตัมกล่าวไว้ชัดว่า ทุกคลื่นมีคุณสมบัติเป็นอนุภาค ทุกอนุภาคมีคุณสมบัติเป็นคลื่น

ความคิดของคนเราก็มีลักษณะเป็นคลื่น

ด้วยจิตที่นิ่งเป็นจุดเดียว สงบอย่างยิ่งยวดของกำลังฌาน จึงมีความไวสูงมากพอที่จะจับคลื่นความคิดเหล่านี้ได้

เจโตปริยญาณ คือ การรู้ความคิดผู้อื่น ก็เป็นของง่ายสำหรับผู้ทรงฌาน ไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติ เหนือโลก แต่อย่างใดเลย


ทำนองเดียวกันกับ ทิพยจักษุญาณ ท่านจึง สามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตในภพภูมิที่อยู่ในมิติในที่สูงกว่า และสามารถเห็นอะไรๆที่มนุษย์สามัญธรรมดาไม่สามารถมองเห็นได้

แน่นอน เป็นการมองเห็นด้วยใจ อย่างที่ตาเนื้อไม่มีวันมองเห็นได้


และป่วยการที่จะไปพูดถึงบารมีระดับพระพุทธองค์ของเรา กำลังฌานของพระองค์เป็นกำลังฌานระดับสูงสุด

พระสัพพัญญูญาณ คือ การล่วงรู้ทุกสรรพสิ่งในสากลจักรวาลของพระพุทธองค์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดเลย ด้วยพระองค์มีเครื่องมือคือกำลังฌานระดับสูงสุด


การเหาะเหินเดินอากาศ หรือการหายตัว ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หากเข้าใจว่า ทุกอนุภาคสามารถเปลี่ยนเป็นคลื่น แล้วควบคุมมันได้อย่างใจต้องการ


เหล่าผู้ฝึกกสิณ ทำไมสามารถทำให้น้ำเดือดพลุ่งพล่านหรือกายอุ่นขึ้นได้ ก็ด้วยอาศัยกำลังจิตไปสั่นโมเลกุลของน้ำ ในหลักการเดียวกันกับเตาไมโครเวฟนั่นเอง





กรอบความคิดของวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ยังถูกจำกัดไว้เพียงสิ่งที่สามารถสัมผัสได้ทางกายภาพ

แต่พุทธศาสตร์ก้าวไปไกลกว่านั้นหลายปีแสงแล้ว ด้วยเข้าถึงแล้วทั้งวิทยาศาสตร์ที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม





ชาวพุทธทั้งหลาย อย่ามัวแต่ท่องตำรา แล้วมองว่า สิ่งเหล่านี้ งมงาย ไร้แก่นสาร เป็นเพียงเรื่องเหนือโลก ไม่มีอยู่จริง อีกเลย

อย่ายกตนเป็นผู้ฉลาด ด้วยในสายตาของพระอริยะเจ้าผู้ทรงฌาน ท่านเป็นผู้โง่เขลายิ่งนัก

กบในกะลา หากไม่ออกมาจากกะลา จะมีวันล่วงรู้โลกภายนอกกะลาได้อย่างนั้นหรือ


ธรรมะของพระพุทธองค์เป็นปัจจัตตัง คือ พึงรู้ได้เฉพาะตน ต้องประสบพบด้วยตนเองถึงจะเข้าใจ

หันมาลงมือปฏิบัติตามไตรสิกขาเถิด

เมื่อสำเร็จกิจแห่งฌาน แล้วท่านจะเห็นแจ้งกระจ่างใจด้วยตัวท่านเอง



หมายเหตุ: กระทู้นี้แตกประเด็นมาจาก http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 00839.html

.....................................................
สุดปลายฟ้า... เชื่อมั่นและสัทธาในพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ผู้รู้แจ้ง เห็นจริง ยึดถือพระองค์เป็นสรณะ อย่างไม่มีสิ่งใดเหนือกว่า
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2011, 09:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธศาสนา ไม่แสดงเรื่องอภินิหาร ก็มีพระธรรมที่เพียงพอสำหรับยึดถือปฏิบัติ พิจารณาตามจนสามารถหลุดพ้นจากอำนาจของอวิชชาได้ตามการปฎิบัติด้วยมรรคมีองค์8 พระพุทธเจ้าท่านทรงสนับสนุนให้เป็นคนที่มีชีวิตอยู่เฉพาะเบื้องหน้า รู้เฉพาะเบื้องหน้า ไม่ปราถนาให้คนสนใจอยู่กับเรื่องอภินิหาร ญาณหยั่งรู้ว่าอดีตเป็นอย่างไร อนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ชาติก่อนทำอะไรไว้ชาตินี้ถึงต้องเป็นแบบนี้ ซึ่งไม่ใช่จุดประสงค์ของการปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นจากความทุกข์หรือปัญญาก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากมุมมองที่คนมองว่ามีแต่เรื่องอภินิหารในพุทธศาสนานั้นเป็นการมองที่ผิดจุดไป ธรรมะที่เป็นของจริงพระพุทธเจ้าก็แสดงแล้วหากยึดถือปฏิบัติความเจริญขึ้นก็ย่อมมีแก่ผู้นั้น

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2011, 09:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.พ. 2009, 02:06
โพสต์: 811

อายุ: 0
ที่อยู่: มหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนา สาธุครับ
คนโง่ รู้ตนว่าโง่ จักเป็นผู้ฉลาดได้บ้าง
แต่คนโง่ สำคัญว่าตนฉลาด เรากล่าวว่าโง่โดยแท้


:b8: :b8:

.....................................................
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก มันถูกต้องอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ผิด (หลวงพ่อชา สุภัทโท)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2011, 02:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ไอ้พวกที่อ้างเอาพระไตรปิฏกบางคนดูแล้วหลายคนด้วยในพันทิป ก็ชอบอ้างไปเรื่อย
เพราะหลงว่าตัวฉลาดในคัมภีร์เน้นตีความกันมาก พระไตรปิฏกก็มีบอกไว้แจ้งๆ:b6:
ที่เห็นก็กลายไปพวกถือความไม่มีตัวตนไปชัดๆก็มี...ทำให้อนาคตต้องตกนรกแน่ๆ เพราะไปปรามาสพระอริยะเจ้าเข้า
หากมีใครมีโอกาสก็๊ไปเช๊คชีวิตพวกเก่าๆในนั้นดู ร่วงครับร่วง ซ้ำตอนตาย ปรโลกไม่ยอมหรอก

ฤทธิ์เดชต่างๆมันเป็นผลพลอยได้จากการปฏิบัติ
พอจนแต้มเข้าก็อ้างไม่ช่วยให้พ้นทุกข์
หนักเข้า ก็เอาข้ออาบัติของพระมาแสดง หารู้ไม่ พระท่านปลงอาบัติได้
สัจจะ เรื่องอจิณไตย ก็ค่อยๆหายไปทุกทีๆๆๆๆ
ไม่ต้องให้พวกนั้นมันออกนอกกระลาอะไรหรอกครับ ให้มัน ถือบริขารแบบพระ แล้วส่งมันอยู่ในป่าลึกๆ ตามชายแดน เดี๋ยวก็ร้องหาแม่กันแล้วครับ ถ้ามันปฏิเสธเรื่องลี้ลับมากๆ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2011, 02:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ariyachon เขียน:
อนุโมทนา สาธุครับ
คนโง่ รู้ตนว่าโง่ จักเป็นผู้ฉลาดได้บ้าง
แต่คนโง่ สำคัญว่าตนฉลาด เรากล่าวว่าโง่โดยแท้


:b8: :b8:


คำนี้ ก็มีพวกที่อ้างโน่นอ้างนี้ ในพระไตรปิฏก ยังไปใช้ย้อนด่าพระท่านเล้ย
มันต้องทบทวนหลักธรรมใหม่แล้ว

อันนี้ไม่ได้ว่า คุณ อริยชนนะครับ แต่ ประโยคนี้ผมไม่เคยใช้ ไปเตือนใคร ความคิดส่วนตัว หากไม่ใช่พระอริยะเจ้าแล้ว เอาไปให้คนอื่นดูๆยังไงก็เข้าตัว คนยื่น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2011, 02:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุกับสุดปลายฟ้า :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2011, 07:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


การเกิดขึ้นตั้งอยู่ ดับไป แห่งขันธ์ทั้งหลาย
เครื่องมือวิทยาศาสตร์ ยังไม่สามารถตรวจจับได้

มีหลายคนเชื่อว่า จิตมีเมื่อมีร่างกาย
ถ้าไม่มีร่างกายเลือดเนื้อเสียแล้ว จิตจะมีได้อย่างไร

วิญญาณทั้งหลาย มีได้ ก็เพราะ มีตา หู จมูก ลิ้น กาย
เมื่อไม่มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย เสียแล้ว วิญญาณก็ไม่มีที่อยู่อาศัย

คำว่า อนัตตา ไม่มีตัวตน ไม่ใช่ตัวตน ของพวกเขา สิ้นสุดลงตรงความตาย

ไม่มีตัวตน ที่จะไปเกิดอีกต่อไป นี่คือ ความหมาย อนัตตา ของพวกเขา

เรื่องปาฏิหาริย์ต่างๆ เป็นเรื่องเหลวไหล ถือว่า พระพุทธศาสนาไม่ให้เชื่อเรื่องพรรค์นี้
เพราะ เป็นเรื่องงมงาย ไร้สาระ

พวกนี้ เน้น สวรรค์บนดิน เน้นนิพพานคือทำจิตให้ว่าง เป็นหลัก

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2011, 10:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


สุดปลายฟ้า เขียน:












และป่วยการที่จะไปพูดถึงบารมีระดับพระพุทธองค์ของเรา กำลังฌานของพระองค์เป็นกำลังฌานระดับสูงสุด

พระสัพพัญญูญาณ คือ การล่วงรู้ทุกสรรพสิ่งในสากลจักรวาลของพระพุทธองค์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดเลย ด้วยพระองค์มีเครื่องมือคือกำลังฌานระดับสูงสุด














พระองค์ เสด็จอุบัติแท้ โดยธรรมกายผู้คงที่...
พระองค์ เป็นธรรมกาย คือ ธรรมกายด้วย คำนี้หลายคน แสลง แต่ผม ชอบ...คำว่า ธรรมกาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2011, 11:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
สาธุกับสุดปลายฟ้า :b8:


:b8: สาธุ ครับ


หลับอยุ่ เขียน:
สุดปลายฟ้า เขียน:


และป่วยการที่จะไปพูดถึงบารมีระดับพระพุทธองค์ของเรา กำลังฌานของพระองค์เป็นกำลังฌานระดับสูงสุด

พระสัพพัญญูญาณ คือ การล่วงรู้ทุกสรรพสิ่งในสากลจักรวาลของพระพุทธองค์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดเลย ด้วยพระองค์มีเครื่องมือคือกำลังฌานระดับสูงสุด



พระองค์ เสด็จอุบัติแท้ โดยธรรมกายผู้คงที่...
พระองค์ เป็นธรรมกาย คือ ธรรมกายด้วย คำนี้หลายคน แสลง แต่ผม ชอบ...คำว่า ธรรมกาย


:b8: สาธุ ครับ
ผมก็ชอบครับ
ธรรมกาย คือพระนามหนึ่งพระกายหนึ่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีธรรมเป็นกาย

เราทุกคนล้วนมีธรรมกาย เห็นได้ด้วยการปฏิบัติสมถะและวิปัสสนาจนเกิดเป็นธรรมเอกผุด

:b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2011, 16:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 13:32
โพสต์: 245


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณครับ ^ ^

.....................................................
"องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันดาน ตัดมูลเกลศมาร บ มิหม่นมิหมองมัว
หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว ราคี บ พันพัว สุวคนธกำจร"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2011, 16:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูศัพท์และความหมายคำว่า ธรรมกาย, พรหมกาย, ธรรมภูต, พรหมภูต ที่

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=873.0

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2011, 01:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


คำว่า....
เสด็จอุบัติแท้โดยธรรมกาย ผู้คงที่
ใน พระไตรปิฏก ชัดเจนดีแล้ว :b1:


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 18 เม.ย. 2011, 02:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2011, 01:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องอภินิหารในพระพุทธศาสนา

คนมีญาณมีฌาน...ทำได้..ก็บอกว่าสิ่งนั้นมันมี

คนไม่มีญาณไม่มีฌาน...ทำไม่ได้...มันก็ว่าเป็นธรรมกุสโลบายไป...ปานนั้นมันก็ว่าตัวเองฉลาดที่คิดอย่างนี้ได้...กรรมของเวณ..เรื่องของมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2011, 02:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


narapan เขียน:
เราทุกคนล้วนมีธรรมกาย เห็นได้ด้วยการปฏิบัติสมถะและวิปัสสนาจนเกิดเป็นธรรมเอกผุด

:b44:

:b8: :b27: :b35:

คุณ narapan เริ่มต่อ จิ๊กซอว์ ได้แล้ว :b39:
คุณเป็นคนแรก ที่ ตอบ ได้ แบบนี้ คุ้มครับคุ้ม
:b35: :b35: :b35:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2011, 17:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


:b46: :b46: :b46:

:b8:

:b44:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร