ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ธรรมสำหรับพุทธมามกะ (สมเด็จฯ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=37739 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | Hanako [ 11 เม.ย. 2011, 22:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | ธรรมสำหรับพุทธมามกะ (สมเด็จฯ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส) |
![]() หัวข้อแห่งพระพุทธศาสนา สำหรับพุทธมามกะ พระนิพนธ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ มนุสฺสนาโค) คัดลอกจาก...หนังสือคู่มือบัณฑิต จัดพิมพ์เป็นธรรมบรรณาการ โดยสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช พ.ศ. ๒๕๔๐ หน้า ๔๑-๔๕ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() อย่างนี้เรียกว่า ธรรมจารี พึงเป็นผู้มีละอายแก่ใจของตน รู้ว่าการอย่างใดไม่เป็นธรรม อย่าทำการอย่างนั้น ฝืนความรู้สึก อย่างนี้เรียกว่า มีหิริ ![]() อย่างนี้เรียกว่า มีโอตตัปปะ พึงเป็นผู้ระมัดระวังในเมื่อจะทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่าให้เชือนไปเป็นบาป อย่างนี้เรียกว่า ผู้สำรวม ![]() อย่างนี้เรียกว่า ผู้ฝึกตัวแล้ว พึงเป็นผู้มีความเพียร ทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง แม้ยากสักปานไร พึงตั้งอุตสาหะเพื่อทำให้สำเร็จ อย่าท้อถอยเสียง่ายๆ อย่างนี้เรียกว่า ผู้บากบั่น ![]() อย่างนี้เรียกว่า ผู้องอาจ พึงเป็นผู้อดทนต่อความลำบาก และการหรือสิ่งไม่เป็นที่พอใจมาถึงเข้า อย่าแสดงวิการง่ายๆ อย่างนี้เรียกว่า มีขันติ ![]() จึงทำแล้วจึงพูด อย่างนี้เรียกว่า ผู้มีสติ พึงเป็นผู้ไม่เผลอตัวในเมื่อทำอยู่ ในเมื่อพูดอยู่ พึงรู้รอบคอบถึงการทำ ถึงคำพูด อย่างนี้เรียกว่า มีสัมปชัญญะ ![]() พึงระวังความเสื่อมเสียอันหากจะมีขึ้น อย่างนี้เรียกว่า ผู้ไม่ประมาท พึงเป็นผู้ซื่อตรงในท่านผู้ที่ตนภักดี และในผู้ที่ตนคบด้วย ในการงานอันเกี่ยวกับผู้อื่น อย่างนี้เรียกว่า ผู้มีสัตย์ ![]() อย่างนี้เรียกว่า ผู้ใคร่ศึกษา พึงเป็นผู้หมั่นสังเกต เทียบเคียง ใช้ความคิดถึงการหรือสิ่งอันตนได้พบเห็น หรือได้เรียนมาเพื่อเกิดปัญญา อย่างนี้เรียกว่า ผู้ใช้ปัญญา ![]() อย่างนี้เรียกว่า ผู้มีเมตตา พึงเป็นผู้เอาใจช่วยเขา ในเมื่อเขาได้ทุกข์ตกยากหรือถึงความวิบัติ อย่าแส่หาความลำบากทับถมเขา อย่างนี้เรียกว่า ผู้มีกรุณา ![]() อย่าริษยาเขา อย่างนี้เรียกว่า ผู้มีมุทิตา พึงทำใจเป็นกลาง ในเมื่อสมบัติและวิบัติของคนสองฝ่าย ผู้ควรได้รับมุทิตาเสมอกันแย้งกันอยู่ อย่างนี้เรียกว่า ผู้ตั้งอยู่ในอุเบกขา ![]() อย่างนี้เรียกว่า ผู้ถึงพร้อมด้วยการสละให้ พึงเป็นผู้มีแก่ใจทำการอุปการแก่เขาก่อนเมื่อถึงคราว อย่างนี้ที่อย่างสูงเรียกว่าเป็น บุพพการี คือ เจ้าบุญนายคุณของเขา อย่างนี้ที่อย่างเพลาเรียกว่าเป็น ผู้เกื้อกูล ![]() และพึงเป็นผู้ตอบแทนอุปการแก่ท่านเมื่อถึงคราว อย่างนี้เรียกว่า ผู้กตเวที พึงนับถือท่านผู้ใหญ่ในสกุล ครูอาจารย์ ท่านผู้ปกครองตน ท่านผู้อำนวยการพระศาสนาที่ตนนับถือ อย่างนี้เรียกว่า ผู้รู้จักเคารพ ![]() ไม่ลำเอียงเพราะรัก เพราะชัง เพราะกลัว เพราะเขลา พึงเป็นผู้มุ่งธรรมเป็นใหญ่ ไม่พึงแสวงหาลาภ ยศ สรรเสริญ สุข โดยอาการไม่เป็นธรรม อย่างนี้เรียกว่า ผู้ใคร่ธรรม ![]() อย่าเชื่องมงาย อย่างนี้เรียกว่า ผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธา พึงเชื่อกรรม คือ การที่ทำว่าอาจอำนวยผลให้ผู้ทำ ไม่ถือร่อนๆ ว่า ทำชั่วจับไม่ได้ ไม่ถูกลงโทษ ทำดี ไม่มีผู้รู้ ไม่ได้รับการยกย่อง หาเป็นอันทำไม่ ไม่เสี่ยงเคราะห์ดีเคราะห์ร้าย ไม่ถือมงคลตื่นข่าวอันไร้จากเหตุ ไม่ถือนอกคอกว่า บาปบุญไม่มี มารดาบิดาไม่มี เป็นแค่สมมติทั้งนั้น เชื่อกรรม เชื่อเหตุ ยอมรับสมมติ อย่างนี้เรียกว่า มีสัมมาทิฐิ คือ ความเห็นชอบ ![]() พึงข่มไว้จนระงับเสียได้ อย่างนี้เรียกว่า ผู้ใคร่ความบริสุทธิ์ พึงเป็น ผู้มุ่งความสงบใจ อันเป็นผลอย่างสุขุม พึงระวังระงับเหตุอันจะยังใจให้ป่วนปั่นเสีย ![]() ด้วยปฏิบัติอันเป็นบูชาอย่างยิ่ง เป็นผู้นับถือพระองค์อย่างสมควร เป็นผู้นับถือในพระองค์อย่างสมควรแท้ จักถึงความเจริญสถาพรในพระพุทธศาสนา ![]() ![]() http://www.homebankstore.com/dl/ebookthbl/139.pdf |
เจ้าของ: | O.wan [ 12 เม.ย. 2011, 14:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมของพุทธมามกะ (สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโร |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |