ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

อยากศึกษาพุทธให้แตกฉาน...ทำอย่างไร : คุณดังตฤณ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=35460
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  กุหลาบสีชา [ 06 พ.ย. 2010, 16:44 ]
หัวข้อกระทู้:  อยากศึกษาพุทธให้แตกฉาน...ทำอย่างไร : คุณดังตฤณ

รูปภาพ

อยากศึกษาพุทธให้แตกฉาน
จ ะ ทำ อ ย่ า ง ไ ร?

คุ ณ ดั ง ต ฤ ณ


ถาม – ผมชักเริ่มสนใจพระพุทธศาสนา
เพราะเห็นว่ามีเรื่องน่ารู้และตอบคำถามที่ผมสงสัยมานานได้มากกว่าที่คิด


แต่บอกตามตรงว่าพอจะเอาตัวเข้าไปศึกษาให้แตกฉานแล้วสับสน
แล้วก็มีความท้อใจเหลือเกิน

เนื่องจากหลักการเกี่ยวกับพุทธศาสนาในปัจจุบันมีอยู่มาก

อยากทราบว่าหากอยากเป็นผู้เข้าใจพระศาสนาได้อย่างผู้รู้เขาบ้าง
ควรเริ่มต้นอย่างไรถึงจะไม่ต้องผ่านด่านความสับสนและความท้อใจครับ?

ก่อนอื่นต้องจับจุดให้ถูกครับว่า

พุทธเราบอกวิธีการ ว่า

ทำอย่างไรจะรู้ตามจริงได้อย่างมีเหตุผล
นับตั้งแต่ความจริงเบื้องต้นเช่นการดำเนินชีวิตอย่างไรไม่ให้มีเวรภัย
ตลอดไปจนกระทั่งความจริงอันเป็นยอดแห่งประโยชน์สูงสุด
คือความพ้นทุกข์ทางใจชนิดไม่กลับกำเริบอีก


และ คล้ายกับนักศึกษาปริญญาเอก
ก่อนเป็นดอกเตอร์ได้ก็ต้องเอาชีวิตทั้งหมดทุ่มลงไป
บางศาสตร์บางสาขานั้นต้องเข้าป่าเสี่ยงชีวิตก็มี
ฝ่าเปลวแดดในทะเลทรายก็มี ลุยน้ำแข็งขั้วโลกที่อุณหภูมิติดลบก็มี
เพื่อให้เป็นมือแรกที่ได้ข้อมูลสำคัญมา
ไม่ใช่แบมือรับข้อมูลจากคนอื่นที่เขาทุ่มเทชีวิตจิตใจมาก่อนหน้านั้น

การได้ดอกเตอร์ทางพุทธก็คือ
การหลุดจากทุกข์ชนิดลาแล้วลาลับไม่กลับคืนมา
ถ้าคุณมองเห็นยอดสุดนี้ได้จึงจะถือว่าเป็นผู้แตกฉานที่แท้จริง


และด้วยเหตุเช่นนั้น

การศึกษาพุทธให้แตกฉานจึงมิใช่การอ่านมาก คิดมาก
หรือทำข้อสอบบาลีจนได้ยศถาบรรดาศักดิ์มามาก
แต่ เป็นการลงมือปฏิบัติตนอยู่ในวิถีทางที่จะเป็นอิสระจากทุกข์แบบเดิมๆ
เป็นอิสระจากกิเลสแบบเดิมๆ
ตลอดจนเป็นอิสระจากความไม่รู้และอุปาทานแบบเดิมๆ


คนในโลกมีค่านิยมยกย่องผู้จดจำศัพท์ ได้มาก
พูดอธิบายได้คล่องแคล่วมาก แก้ข้อสงสัยให้ตกไปได้มาก
แม้เมื่อหันมามองผู้เชี่ยวชาญทางพุทธศาสนา
ก็จะหาก่อนว่าใครมีคุณสมบัติเข้าข่ายดังกล่าวมา

แท้ที่จริงแล้วคุณสมบัติ เหล่านั้น
เป็นเพียงบันไดขั้นต้นหรือของแถมล่อใจ
ซึ่งอาจทำให้หลงตัวว่ารู้มาก อธิบายได้มาก แก้ปัญหาได้มากเท่านั้น
หาใช่ผู้แตกฉานแก่นสารของพุทธที่แท้จริงไม่


ความ จริงอันน่าอัศจรรย์ในพุทธศาสนาก็คือ

เมื่อศึกษาไปอย่างไม่หลงทาง วันละนิด วันละหน่อย
คุณจะพบว่าตัวเองไม่ได้ศึกษาศาสตร์ธรรมดา
แต่เป็นศาสตร์แห่งความเข้าใจทุกสิ่ง
และคุณจะได้คำตอบที่ต้องการทั้งหมด
อย่างน้อยก็เท่าที่คุณเองจะอยากรู้อยากเห็น
ตรงนั้นน่าจะถือเป็นความแตกฉานที่คุณเองพอใจได้


สรุปคำตอบคือจับจุดให้ถูกในขั้นแรก
แล้วค่อยๆก้าวเดินไปหาจุดนั้นเรื่อยๆทีละนิดทีละหน่อย
ทุกอย่างจะกระจ่างเองในวันหนึ่ง


แต่หากจับจุดผิดพลาดในชั้นต้น
ยิ่งออกเดินคุณจะยิ่งรู้สึกเหมือนเป้าหมายเป็นเพียงภาพลวงตา
เห็นเหมือนมี หรือปักใจเชื่อว่ามี แต่ไปไม่ถึง คว้าไม่ได้เสียที

:b8: :b8: :b8:

(ที่มา : เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่ม ๒, โดย ดังตฤณ,
พิมพ์ครั้งที่ ๙ โดยสำนักพิมพ์ดีเอ็มจี, หน้า ๘๗-๘๙)
http://www.dungtrin.com/prepare/archieve/prepare021.htm

เจ้าของ:  เจโตวิมุติ [ 06 พ.ย. 2010, 22:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อยากศึกษาพุทธให้แตกฉาน...ทำอย่างไร : คุณดังตฤณ

:b42: คงหวังได้ยากแล้ว ที่คนผู้ศรัทธา ในพุทธศาสนา จะแหวกเปลือกทีพวกเราเองสร้างขึ้นมาห่อหุ้มแก่นของพุทธศาสนา เอาไว้ นับวันมันยิ่งมีหลายชั้นขึ้น เราเข้ามาในกระดานนี้ได้ไม่กี่วันก็รู้สึกเหนื่อย และรู้สึกตัวว่าถ้าขืนอยู่ในกระดานพูดมากต่อไป จะกลายเป็นคนขวางโลก ขัดคอคนอื่นไปเสียหมด จะสังเกตุได้ว่าเราไม่เคย คัดลอกพระคัมภีร์มาอ้างเลย เพราะอะไรเราไม่ขอกล่าวเดี๋ยวจะไปกระทบคนอื่นเข้าอีก เราจำคำพยากรณ์ของพระพุทธองค์ได้ว่าหลังกึ่งพุทธกาล(หลังปี2500)พระจะเลิกอยู่ป่า ถ้ำและโคนไม้ จะหันเข้ามาอยู่ในวัดวาอารามที่ที่แข่งขันกันด้วยความสวยงาม จะเลิกห่มผ้าย้อมฝาด หันมาใส่แพรพรรณที่สวยงามและมีราคา ทุกอย่างมันเป็นความจริงแล้ว หรือว่าโลกนี้จะร้างจากพระอรหันต์
........ใครล่ะที่คุณคิดว่าเป็นพระอรหันต์ในปัจจุบัน หลายคนแล้วที่คุณคิดผิด และรู้สึกผิดหวัง เมื่อวานนั่งดูรูปเก่าของหลวงปู่ขาว อาจารย์มั่น เคยเห็นกุฏิไม้ เล็กๆที่กันแดดกันลมแทบไม่ได้ ในกุฏิโล่ง ว่างเปล่าไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอะไร แม้แต่ชิ้นเดียว ก่อนขึ้นกุฏิต้องขึ้นบันไดไม้ ที่มี่โอ่งน้ำสำหรับล้างเท้าขนาดเล็ก และถ้าจำไม่ผิดมีกะลาที่ใช้ตักน้ำล้างเท้า ซึ่งศิษย์ของท่านสมัยนั้นคอยแย่งกันตักน้ำล้างเท้าให้ท่าน เพราะต่างก็เชื่อว่าการได้ล้างเท้าให้พระอรหันต์นั้นเป็นมงคลสูงสุดแล้ว เมื่อเทียบกับพระอาจารย์ที่ท่านคิดว่าเป็นพระอรหันต์ในปัจจุบันเป็นอย่างไร
.........มันเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย ถ้าบวชแล้ว ยังกินอิ่ม นอนอุ่น ยังยินดีในลาภสักการะ ยังคลุกคลีอยู่กับญาติโยมล้อมหน้าล้อมหลัง แค่ปาติโมกข์สังวรณ์ก็ยากแล้ว
........เราเองก็เสียดาย ไม่มีกำลังพอที่จะคัดค้าน ไม่มีบารมีพอที่จะแนะนำ ได้แต่นั่งดูความเป็นไป เหมือน พุทธดำรัสที่ว่า ยามใดภิกษุทุศีลมีกำลังมากกว่า ขอภิกษุที่มีศีลจงหุบปากนิ่งเสีย หรือไม่ก็จงเร้นกายหนีออกไป จากที่แห่งนั้น
.........เราเข้ามาในกระดานด้วยเหตผลอย่างหนึ่ง แต่เราก็อาจจากไปด้วยเหตผลอีกอย่างหนึ่ง เพราะศาสนาพุทธ ถูกประยุกต์ไปมาก จากทั้งความตั้งใจและไม่ตั้งใจ และเราก็รู้สึกเหนื่อย ที่ได้เห็น ความหมุนไป แปรไป ในทางที่เรียกว่าน่าเป็นห่วง และเกินที่จะยื้อเอาคืนมา.....เจโตวิมุติ

เจ้าของ:  student [ 07 พ.ย. 2010, 00:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อยากศึกษาพุทธให้แตกฉาน...ทำอย่างไร : คุณดังตฤณ

ขั้นต้นจริงๆก้เริ่มที่
1 น้อมรับศีล ด้วยการถือศีล5ให้พร้อม เป็นการกำจัดกิเลสอย่างอยาบ

2 นั่งสมาธิ กำหนดกิเลสอย่างกลาง กำหนด สติ ลมหายใจ

3 วิปัสนาภาวนา กำจัดกิเลสให้หมดสิ้นไป อันเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 07 พ.ย. 2010, 02:53 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อยากศึกษาพุทธให้แตกฉาน...ทำอย่างไร : คุณดังตฤณ

อันดับแรก...ต้องรู้ว่าเรา..ทุกข์...จริงมั้ย??..แก่เจ็บตาย..ทุกข์มั้ย..ไม่สมปรารถณา..ทุกข์มั้ย..ดูของตัวเองนั้นแหละ..ไม่ต้องไปดูไกล

เมื่อเห็นจริงว่า..ชีวิตมันทุกข์จริง..ๆ แล้วนะ..ก็ให้ถามตัวเองเถอะว่า..อยากไม่มีทุกข์มั้ย??

หากไม่เห็นทุกข์และไม่ได้อยากออกจากทุกข์แล้วละก็...ศึกษาพุทธยังงัยก็ไม่แตกฉานหรอก..ได้แต่ความรู้จำเท่านั้น..

เจ้าของ:  ธรรมบุตร [ 07 พ.ย. 2010, 04:34 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อยากศึกษาพุทธให้แตกฉาน...ทำอย่างไร : คุณดังตฤณ

รูปภาพ

:b8: อนุโมทนา..สาธุ..ครับ..คุณโรส :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/