ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ตอบปัญหาธรรมของหลวงปู่ (หลวงปู่ขาว อนาลโย) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=35295 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 27 ต.ค. 2010, 11:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | ตอบปัญหาธรรมของหลวงปู่ (หลวงปู่ขาว อนาลโย) |
![]() ตอบปัญหาธรรมของหลวงปู่ หลวงปู่ขาว อนาลโย การเทศนาสั่งสอนประชาชนพระเณรท่านก็สอนมามากต่อมาก การโต้ตอบปัญหาข้อข้องใจที่มีผู้มาถาม ท่านก็ตอบเพื่อความเข้าใจแก่ประชาชนพระเณรมามากต่อมากเช่นเดียวกัน อันดับต่อไปนี้จึงขอนำปัญหาคำถามคำตอบของท่านมาลงในที่นี่พอประมาณ โปรดอ่านด้วยความพิจารณาหาสาระซึ่งอาจจะเกิดประโยชน์เท่าที่ควร ![]() ฟังเทศน์ปู่ก็ฟังมามากพอควร แต่ยังไม่เคยถามปัญหาข้อข้องใจใด ๆ กับหลวงปู่บ้างเลย จึงขอกราบเรียนถามบ้างว่า ได้ทราบจากเขาเล่าให้ฟังว่า หลวงปู่เคยสร้างวาสนาบารมีมามากใช่ไหมปู่ ![]() ส่วนมากโลกมักแส่หาโทษมากกว่าหาคุณธรรมที่ควรหากัน ปู่จึงไม่อยากคิดและพูดในเรื่องทำนองนี้ กลัวคนเป็นโทษแทนที่จะเป็นคุณ ![]() กรุณาโปรดสัตว์ผู้ยากจนเถิด ![]() ![]() ได้ทราบมาว่าปู่เคยสร้างวาสนาบารมีมามากใช่ไหม ![]() ทางโลกเคยเป็นเศรษฐีกฎุมพีมามากต่อมาก ตลอดเคยเป็นพระราชามหากษัตริย์ ก็เคยเป็นมาหลายชาติ จนไม่อาจพรรณนาให้จบสิ้นในความเป็นมาของตนได้ ฉะนั้น การท่องเที่ยวในวัฏสงสารเกี่ยวกับการเกิดการตายปู่จึงไม่สงสัย และเบื่อเต็มประตา จึงได้ออกบวชเพื่อแสวงหาความพ้นจากการเกิด - ตาย อันเปรียบเหมือนเรือนจำขังสัตว์ผู้ต้องโทษ ![]() ที่โลกปัจจุบันถือกันว่าเป็นสกุลต่ำต้อยด้อยศักดิ์ศรี ทั้งหน้าที่การงานตลอดผลรายได้ก็ต่ำต้อยน้อยหน้าไม่ทัดเทียมเขา ไม่สมกับเป็นสกุลที่เลี้ยงหนุนคนทั้งแผ่นดิน ให้มีซีวิตลมหายใจอยู่ได้ตลอดมาบ้างเลย ทำไมปู่จึงไม่ไปเกิดในสกุลพ่อค้ามหาเศรษฐีมีเงินมาก ๆ และไปเกิดในสกุลเจ้านายผู้สูงศักดิ์ ทรงอำนาจวาสนา วาจาสิทธิ์ขาด คนขยาดกันทั่วดินแดนเล่าปู่ ![]() บรรดาสัตว์โลกผู้อยู่ใต้อำนาจกฎแห่งกรรม ย่อมมีทางเกิดได้ด้วยกัน อย่าว่าแต่ปู่คนเดียวเลย แม้แต่ภพชาติสูงต่ำนั้นเป็นสายทางเดินของสัตว์โลกผู้มีกรรม จำต้องเดินต้องผ่านเหมือนกันหมด คนมีวาสนามากก็ผ่าน คนมีวาสนาน้อยก็ผ่านภพกำเนิดสกุลต่าง ๆ ดังกล่าวมา เช่นหลานเป็นพระเจ้าฟ้าเจ้าคุณ มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ หลานจากที่นี่ไปกรุงเทพฯ ด้วยเท้าก็ดี ด้วยรถยนต์ รถไฟก็ดี ด้วยเรือเหาะเรือบินก็ดี หลานจำต้องผ่านดินฟ้าอากาศเย็นร้อนอ่อนแข็งที่สูง ๆ ต่ำ ๆ ซึ่งมีอยู่ตามรายทางเรื่อยไป จนถึงจุดที่หมายคือกรุงเทพฯ โดยไม่อาจสงสัย การเกิดในสกุลสูง ๆ ต่ำ ๆ ตลอดภพชาติต่าง ๆ กันนั้น สัตว์โลกเกิดตาม วาระกรรมของตนมาถึง แม้จะทรงบุญหนักศักดิ์ใหญ่ แต่เมื่อถึงวาระกรรมของตนที่ควรจะเสวยอย่างไร ก็จำต้องเสวยตามรายทางคือภพชาตินั้น ๆ เท่าที่ปู่มาเกิดในสกุลชาวนา ปู่ก็ไม่เสียอกเสียใจ ไม่น้อยเนื้อต่ำใจ เพราะปู่คือว่าปู่มาเกิดตามวาระกรรมของปู่เอง ปู่จึงไม่ตำหนิติเตียนบิดามารดาผู้ให้กำเนิด ตลอดญาติมิตรพี่น้องที่เกิดร่วมและใกล้ชิดสนิทกันว่ามาให้โทษปู่ มันเป็นกรรมของใครของเราดังธรรมท่านสอนไว้ไม่มีผิด ไม่มีที่คัดค้าน ปู่ยอมรับธรรมท่านอย่างซึ้งใจไม่มีวันถอนเลย (มีคนแทรกถามในเวลาเดียวกันอีกเยอะแยะ แต่จะไม่ขอแยกบุคคล) ![]() หลานถึงไม่อยากให้ปู่มาเกิด อยากให้ปู่เกิดในสกุลสูง ๆ กว่านี้ หลาน ๆ จะได้ภูมิใจ ![]() สกุลชาวนานั้นมันต่ำต้อยที่ตรงไหน คนทั้งโลกได้อาศัยข้าวในท้องนาของชาวนาตลอดมา จึงพยุงชีวิตร่างกายมารอดมิใช่หรือ ที่ถูกตามความจริง ควรชมเชยว่า สกุลชาวนาคือสกุลเลี้ยงโลก คือสกุลพ่อสกุลแม่ของมนุษย์ทั้งโลก ด้วยความเป็นคนกตัญญูรู้บุญรู้คุณของสิ่งเลี้ยงดูของผู้เลี้ยงดู แล้วสกุลชาวนานั้นต่ำที่ตรงไหนลองว่ามาซิ งานในโลกนี้ งานอะไรจะทุกข์ลำบากยิ่งกว่างานทำนา คราด ไถ ตกกล้า ปักดำ เก็บเกี่ยว รักษานาด้วยการเปิดน้ำ ปิดน้ำ ทำคลองส่งน้ำ ไม่ได้หลับตื่นลืมตาตลอดฤดูกาลทำนา นับแต่เริ่มลงคราดไถจนถึงตี ถึงฟาดนวด ตลอดขนขึ้นใส่ยุ้งใส่ฉางอันเป็นวาระสุดท้ายแห่งมหันตทุกข์ของสกุลชาวนา ใครจะอดจะทน ขยันหมั่นเพียร บึกบึนยิ่งกว่าชาวไร่ชาวนาชาวสวนเล่า งานใดที่ดีเด่นพอจะนำมาคุยอวดงานทำนา ทำไร่ ทำสวน การเพาะปลูกต่าง ๆ ซึ่งล้วนเป็นงานที่ต้องใช้ความอดความทน ความบึกบึนกว่างานใด ๆ ของโลกมนุษย์ หิวก็ยอมทน กระหายก็ยอมทน ทุกข์ขนาดไหนกับอมอดยอมทน หลังสู้ฟ้า สู้ฝน หน้าสู้ตมสู้โคลน ทนร้อนทนหนาวทนแดดทนฝน ชนิดตกนรกทั้งเป็น กว่าจะได้ข้าวเปลือก เผือกมันมาเลี้ยงคนทั้งโลก ร่างกายแทบบรรลัย จิตใจเหี่ยวห่อชนิดพูดไม่ออกบอกไม่ถูกทั้งสิ้น แล้วจะไปชมใครผู้ใดว่าเก่งกว่าพวกชาวไร่ชาวนาเหล่านี้ จะควรตำหนิว่าชาวนาเป็นสกุลต่ำที่ตรงไหน ถ้าตำหนิว่าเขาต่ำจริง เราคนสกุลสูงและสูง ๆ ก็อย่ากินข้าวและเผือกมันของเขาซิ มันจะเสียเกียรติ ของคนลืมตนเย่อหยิ่ง ปล่อยให้ตายเสียจะได้ไม่หนักโลกของชาวนาที่หาข้าวมาให้กิน กินแล้วไม่รู้จักบุญคุณ ยกย่องส่งเสริมกัน นี่คือมนุษย์ประเภทลืมตัวมั่วความเย่อหยิ่งจองหองลำพองตน อย่าถือมาเป็นอารมณ์ ให้หนักใจ จงถือท่านผู้ดีมาเป็นคติตัวอย่าง จะไม่เสียทางเดินเพื่อความเป็นคนดีของโลกที่ยังต้องการคนดีอยู่มากมาย ถ้ามีแต่คนประเภทลืมตัวมั่วสุมกับสิ่งทำลายสังคม โลกต้องโกลาหลวุ่นวายและฉิบหายวายป่วงได้ไม่สงสัย ![]() ปู่พอใจอยู่หรือ มอง ๆ ดูปู่แล้วไม่เห็นทะเยอทะยานกับอะไรนี่ มากราบเมื่อไร ฟังปู่เทศน์โปรดทีไรเห็นมีแต่ความยิ้มแย้มแจ่มใส เมตตาสงสารลูกหลานตลอด จึงคิดในใจอยากกราบถามบ้างว่า ปู่ยังอยากเกิดในสกุลสงกว่าสกุลชาวนาอยู่หรือเปล่า ![]() เหมือนโลกตื่นลมเขาเหมือนกันว่าตนเป็นลูกชาวนา วาสนาน้อย คิดอยากเป็นเจ้าเป็นนายกับเขาเหมือนกัน อย่างน้อยให้เป็นครูสอนนักเรียนก็ยังดี แต่เราคนจนหาเลี้ยงแม่เลี้ยงน้อง พอรู้สึกตัวว่ามีฐานะยากจนไม่มีเวลาเรียนและไม่มีทุนเรียนหนังสือดังนี้แล้ว ก็หยุดคิด หยุดกังวลใจกับเรื่องนี้ พอมาบวชปฏิบัติธรรมไปเรื่อย ๆ ความรู้สึกกับธรรมอิ่มซึมซาบเข้าถึงกันวันละเล็กละน้อย ความที่เคยคิดว่าตนเป็นคนอาภัพวาสนาเป็นลูกชาวนาก็ค่อย ๆ หายไป ๆ จนกลายเป็นความรู้สึกว่า จะเกิดในสกุลใดก็คือสกุลมนุษย์ ที่ต้องตะเกียกตะกายหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เพื่อความอยู่รอดเหมือน ๆ กันไปเรื่อย ๆ ตราบเท่าทุกวันนี้ซึ่งแก่มากแล้ว มันเลยมีความรู้สึกไปคนละโลก และรู้สึกไปในแง่ที่โลกเขาไม่ค่อยคิดหรือไม่คิดกันเสียแล้วทุกวันนี้ ![]() ![]() รู้เดียงสาภาวะเรื่อยมา แต่ต้นภพชาติ พอมาถึงเดี๋ยวนี้มันก็รับผิดชอบกันไม่ได้อยู่แล้ว ว่าไม่ให้หกให้ล้ม มันก็หกก็ล้ม ก็ซัดก็เซ ก็หกคะเมนเทนเท่ให้เห็นอยู่ทุกเวลาต่อหน้าต่อตา ต้องเป็นภาระของคนอื่นช่วยดูแลรักษา ตลอดอิริยาบถจนถึงวันสุดท้ายคือแตกสลายของขันธ์นี้ แล้วจะให้ปู่ทะเยอทะยานเหาะเหินเดินเมฆไปยินดี อยากได้สมบัติเงินทองสวรรค์วิมานที่ใหนอีก ซึ่งล้วนแต่เป็น อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา จะพังทลายด้วยกันทั้งสิ้น ที่ไหนไม่อยู่ใต้อำนาจของกฎ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา นี้ ปู่ต้องการและยินดีกับที่นั่นเท่านั้นทุกวันนี้ ![]() มันคือที่ไหนล่ะ ปู่ หลานก็อยากไปเหมือนกันนี่ ![]() อย่างน้อยเวลาจะหลับนอนยังพากันขี้เกียจ ก็ที่ นั่น ที่ไม่มีกฎ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เข้าไปยึดครองนั้น ไม่ใช่ที่เป็นที่บรรจุคนขี้เกียจ พระเณรเถรชี คหบดี ขี้เกียจนี่ ถ้าหลาน ๆ ยังขืนขี้เกียจไหว้พระสวดมนต์ ให้ทานรักษาศีล เจริญเมตตาภาวนาอยู่ ก็จะไปเกิดเรื่องกับสถานที่และผู้คนในที่นั่นเข้าอีกก็จะยุ่งกันใหญ่ ฉะนั้น จงพากันพยายามปรับตัวปรับใจให้เข้าสู่ศีล สู่ธรรม ขจัดความขี้เกียจขี้คร้านออกโดยลำดับก่อนค่อยพิจารณากันใหม่ในขั้นต่อไป ![]() เห็นบอกแต่จะไปทะเลาะกับที่และคนในที่นั่นอย่างเดียว ส่วนที่นั่นคือที่เช่นไร ปู่ยังไม่บอกนี่ หลานกำลังกระหายอยากฟังโปรดด้วยปู่ ![]() ไม่มีสกุลใดเลิศประเสริฐกว่าสกุลคือพระนิพพานนี้ ปู่จึงต้องการสกุลนี้อย่างหนักเรื่อยมา แต่ตอนนี้ขันธ์ปู่แก่มากแล้วใจปู่ก็คงจะแก่ชราเช่นขันธ์กระมัง ใจจึงหมดความอยากความต้องการใด ๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งที่ที่เคยต้องการมาก ๆ นี้ด้วย ทุกวันนี้ปู่ไม่อยากอะไร ยังมีชีวิตอยู่ปู่ก็ไม่อยาก ตายไปเสียปู่ก็ไม่อยาก ไปนิพพานเสียปู่ก็ไม่อยาก ใจมันหมดความอยากใด ๆ เสีย แต่ยังไม่ได้กินได้ดื่มแล้วเวลานี้ จะว่าถูกหรือผิดปู่ก็พูดตามความจริงให้หลาน ๆ ฟัง จงพากันฟังและพิจารณาด้วยดีนะ (ปรากฏว่าหลาน ๆ ของปู่เงียบเชียบไปตาม ๆ กัน ดูอาการอายปู่มาก ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ขึ้นมา อายที่ถามท่านแบบเด็ก ๆ เกินไป ปู่เห็นท่าไม่สนิทใจ จึงหาอุบายพูดเลียบ ๆ เคียง ๆ ไปทางอื่นเสียบ้าง เพื่อเปลี่ยนรสเปลี่ยนชาติ แล้วหลาน ๆ ก็วกกลับไปสกุลชาวนาของปู่อีก เพราะยังไม่หายข้องใจ ที่ปู่เคยเป็นคนทุกข์ลำบากมาแต่เป็นฆราวาส ไม่น่าจะเป็นผู้ทรงศีลทรงธรรมอันล้ำเลิศอย่างนี้ แต่ทำไมปู่จึงเลิศประเสริฐ เป็นที่เคารพเลื่อมใสของปวงชนมากมายนัก) ![]() หรืออุปสรรคกับนิสัยวาสนาบารมีของมนุษย์และสัตว์ทั่วไตรภพซิ ใช่ไหมปู่ ![]() คนบุญเป็นคนบุญ คนบาปเป็นคนบาป หากสับปนระคนกันในหมู่มนุษย์และสัตว์ทั่วไตรภพมาดั้งเติม ไม่มีใครหรือสิ่งใดลบล้างได้ เพราะนั่นเป็นกฎแห่งกรรมประจำสัตว์โลกมาดั้งเดิม ท่านจึงสอนไม่ให้ประมาทกันและกัน เพราะคำว่า กรรม เป็นสิ่งละเอียดสุขุมมากเกินกว่าสติปัญญาธรรมดา และความรู้ วิชา ของสามัญชนทั่ว ๆ ไป จะพิสูจน์ให้ถูกต้องหรือตรงตามความจริงแห่งกรรมนั้น ๆ ได้ เรื่องเหล่านี้ลึกลับมากสำหรับสามัญชนทั่ว ๆ ไป มีพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์เท่านั้น สามารถพิสูจน์สาเหตุแห่งกรรมและผลกรรม นั้น ๆ ได้ ดังพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์แสดงไว้เป็นแบบเดียวกันอย่างตายตัว ตามหลักความจริงว่า บาปมี บุญมี นรกมี สวรรค์มี นิพพานมี นานแสนนานกี่ล้านกัปนับล้านกัลป์ เรียงตามลำดับของพระพุทธเจ้าที่มาตรัสรู้แต่ละพระองค์เรื่อยมา จนถึงพระ พุทธเจ้า สมณโคดม องค์ปัจจุบันของชาวพุทธเรา สัตว์โลกก็ยังไม่มีรายใดยอมรับว่ามี ว่าเป็นตามนั้นด้วยการรู้การเห็นประจักษ์ตน ทั้งนี้เพราะถูกกิเลสตัวมืดมิดปิดทวารมันปิดหูปิดตาปิดใจไว้อย่างมิดชิด เหมือนคนตาบอดหูหนวก ไม่สามารถสัมผัสรับรู้สิ่งที่มีอยู่ทั้งหลาย ด้วยตา ด้วยหูที่บอดหนวกของตนได้ นอกจากโดนเอา ๆ แล้วลูบคลำไปตามประสาของคนตาบอด ไม่มีอะไรรู้และแยบคายไปกว่านั้น ดังคนตาบอดโดนต้นไม้หรือต้นเสา หัวตอ เป็นต้น เจ็บไปเปล่า ๆ ไม่มีทางมองเห็นและเข็ดหลาบได้ ตกไปก็โดนอีกเจ็บอีกอยู่ร่ำไปเพราะตาไม่เห็น จะเอาอะไรมาแก้ไขการโดนนั้นว่าจะไม่ให้โดนอีกในกาลต่อไป สัตว์โลกโดนทุกข์ โดนบาปกรรมทั้งหลายที่ตนเข้าใจว่าไม่มีก็เช่นเดียวกัน ทั้ง ๆ โดนทุกข์ก็มองไม่เห็นทุกข์ และบาปที่โดนว่ามาจากสาเหตุอันใด เพราะไม่มีปัญญาธรรมมาแก้ให้เห็นและหลบไปได้ จำต้องยอมรับทุกข์กันอยู่ร่ำไป ![]() นรกไม่มี สวรรค์ไม่มี ตายแล้วสูญ สัตว์ตายแล้วไม่ได้เกิดอีกต่อไป นั่นก็เพราะกิเลสปิดตาปิดใจเขาละซิปู่ เขาจึงพูดปฏิเสธสิ่งที่มีอยู่เหล่านั้นซึ่งพระพุทธเจ้าองค์เอกตรัสไว้ได้ลง คอ ![]() ท่านเปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่างตามความมีความเป็น ท่านไม่ลบล้าง ท่านยอมรับสิ่งมีอยู่ทุกสิ่งทุกอย่างโดยตลอด ทั่วถึงมาตามหลักแห่ง สวากขาตธรรม ที่ว่าตรัสไว้ชอบแล้ว ๆ ไม่มีอะไรเป็นปัญหา ที่ทำให้มีให้เกิดปัญหานั้นคือกิเลสทั้งสิ้นต่างหาก เป็นตัวสร้างปัญหาใส่หัวใจสัตว์โลก หลานจงเข้าใจเสียแต่บัดนี้ จะได้หมดปัญหาที่กิเลสเสี้ยมสอน ให้คิด ให้ว่า ว่าธรรมเป็นผู้สร้างปัญหา ธรรมสร้างเหตุการณ์ต่าง ๆ ธรรมเป็นผู้สร้างทุกข์บนหัวใจสัตว์โลก ความจริงแล้วมันคือกิเลสตัวแสนปลิ้นปล้อนหลอกลวง และต้มตุ๋นตัวฉกาจฉกรรจ์ ต่างหาก เป็นตัวสร้างปัญหาให้ยุ่งเหยิงวุ่นวายไม่มีจบมีสิ้นลงได้จากหัวใจสัตวโลก หมดปัญหานี้สร้างปัญหานั้นขึ้นมา หมดทุกข์นั้นแล้ว สร้างทุกข์นี้ขึ้นมา ไม่มีคำว่าหยุดหย่อนผ่อนตัวและพักงานของกิเลส จอมปราชญ์ผู้เห็นเล่ห์เหลี่ยมกลมารยาของมันจึงกำจัดให้หมดสิ้นไปจากใจ และตำหนิประจานมันให้โลกได้ทราบและตื่นตัวตื่นใจ แก้ไขต้านทานความเลวร้ายของมันเรื่อยมา จนถึงจอมปราชญ์องค์ปัจจุบันคือสมณโคดมของชาวพุทธเรา ![]() ![]() แต่ไม่กินมากและไม่กินตลอดไป กินเพียงเพื่อสมัครสมานใจของหมู่เพื่อนและสังคมเท่านั้น ไม่ถึงกับติดมันปู่ ![]() ![]() นอกจากอาจนึกขบขันและละอายตัวเองในบางตอน ที่ถูกปู่สับเขกเอาบ้างในฐานะปู่กับหลาน ![]() เด็ก ๆ เขาไม่กินเหล้า ผู้หญิงที่รักศักดิ์ศรีของกุลสตรี ตามหลักประเพณีประจำเมืองไทยเรา เธอไม่คิดอุตริกินเหล้ากันเหมือนผู้หญิงจรวดสมัยปัจจุบันนี้ และคนที่เขาไม่กินเหล้าที่กล่าวมาเหล่านี้ หลาน ๆ ยอมรับว่าเขาเป็นคนดีน่ารัก น่าเอ็นดู น่านับถือ น่าเคารพไหม ![]() แต่น่าหมั่นไส้ผู้หญิงที่ชอบอุตริเป็นนักเลงโตชอบกินเหล้า เอาเหล้าประดับเกียรติ ชอบหา รบเร้าเย้าแหย่ผู้ชาย อันเป็นการขายหน้าสกุลราวกับสุนัขหน้าเดือน ๑๑ - ๑๒ (ทางภาคอีสานว่า สุนัขเดือน ๙ ซึ่งเป็นหน้าสุนัขคะนอง) หมดยางอายไร้คุณค่า ไม่น่ารัก ไม่น่าเอ็นดูบ้างเลย นอกจากชวนหมั่นไส้และทุเรศ ![]() เพราะผู้ชายก็มิใช่เทวบุตรอุตตมะมาจากไหน ผู้ชายก็เป็นคน ๆ หนึ่งเช่นเดียวกับผู้หญิงนั้นแล ผู้ชายผิด ไม่ดีที่ตรงไหน ปู่ขอพูด ถ้าหลาน ๆ ไม่โมโหนะ ผู้ชายก็น่าหมั่นไส้ถ้าจะหมั่นนะ แต่ปู่ไม่หมั่นนอกจากสงสารที่เห็นผิดไป ![]() นอกจากนึกเสียว ๆ เพราะกลัวโดนแผลเป็นเข้าเท่านั้น ![]() นำสุราบาร์เบียร์เครื่องดื่มของมันเมามากรอกปากลูก ๆ ป้อนลูกที่เริ่มเกิดใหม่ไหม ![]() ![]() ท่านเป็นพ่อเป็นแม่ที่ดีและฉลาดของคน ของเด็ก ๑๐๐% โดยแท้ ไม่กล้านำสิ่งไม่ดี สิ่งจะทำให้เสียเด็กเสียคนเข้ามากล้ำกรายลูก ๆ เลย ส่วนพวกเราที่เจริญเติบโตมาแล้ว ไปเที่ยวเสาะแสวงหากินหาดื่มเครื่องดองของมันเมา ซึ่งทำลายจิตใจธาตุขันธ์และ คุณค่าของมนุษย์ ตลอดหน้าที่การงานให้ด้อยลงและเสียไป จนกลายเป็นคนไร้ค่าไม่น่านับถือและปรารถนาของสุภาพชนทั่วไปนั้น เป็นคนที่น่าตำหนิทีเดียว วัยปู่เปลี่ยนมานานและมากจนแก่ขนาดนี้แล้ว แต่ใจยังไม่เคยเปลี่ยนจากการตำหนิคนขี้เหล้าเมาสุรา คนสูบฝิ่นกินกัญชายาเสพติดเลย ยังคงตำหนิอยู่อย่างเดิม หลานจึงควรระลึกคำพูดของปู่ไว้ภายในใจและพากันนำไปปฏิบัติตามบ้าง หลานจะเป็นคนเต็มตัวโดยหลักธรรมชาติ ไม่ต้องมีอะไรมาเสกสรรให้ดีเพราะสิ่งนั้นให้ดี เพราะสิ่งนี้ดังเขาเสกสรรกันเกลื่อนแผ่นดิน เช่น เสกสรรปั้นยอว่า คนกินเหล้ามันกล้าหาญดีไม่กลัวใคร ทั้ง ๆ ที่เคยขี้ขลาดหวาดกลัวเป็นนิสัยมาแต่กำเนิด นั่นถ้าเป็นหมาก็เป็นหมาที่ไม่รู้จักเสือ มันจะต้องตายเพราะเสือกินหัวมัน ถ้าเป็นคนก็เป็นคนที่ไม่รู้จัก ตะบอง ปืน มีด คนนั้นจะต้องตายเพราะตะบองเพราะอาวุธโดยแท้ไม่สงสัย คนเมาเหล้ากล้าหาญก็เป็นคนประเภทหมาไม่รู้จักเสือนั้นแล จึงควรฟังคำสอนของปู่บ้าง การฟังความอยาก ความทะเยอทะยานไม่มีขอบเขตของตนก็เคยฟัง และทำตามมันมามากต่อมากแล้ว ผลดีไม่เห็นมี นอกจากผลชั่วติดตัวและน่าตำหนิอยู่ตลอดไป แม้ตายไปแล้วยังไม่มีใครขุดคุ้ยขึ้นมาชมเลย ![]() ปู่จึงไม่อยากให้หลานกินกัน กลัวหลานจะเป็นหมาไม่รู้จักเสืออย่างนั้นหรือ ![]() และเสียคนนั้น มันจะเป็นบุญพาคนให้ดีและพาไปสวรรค์นิพพานอย่างไรกัน นอกจากเป็นบาปหาบหามไฟนรกมาเผาตนและครอบครัว ตลอดผู้เกี่ยวข้องโดยลำดับเท่านั้น ยังจะพากันนึกและรอคอยให้สุรายาเมาพาเป็นคนดี และพาไปสวรรค์นิพพานอยู่หรือ จอมปราชญ์ทั้งหลายท่านตำหนิเป็นเสียงเดียวกันมาแต่กาลไหน ๆ ว่า การกินเหล้าเป็นบาป การกินเหล้าเป็นบาปไม่มีชิ้นดีที่น่าชมเชยบ้างเลยเท่านั้น ฉะนั้น หลานจงพากันเข้าใจตามที่ปู่อธิบายให้ฟังด้วยความเมตตาสงสารนี่ หลาน ๆ ฟังเสียงใคร ๆ ก็ฟังมามากต่อมากและทำตามเขาจนเสียคน บางรายจนเป็นเศษมนุษย์หมดคุณค่าสาระโดยประการทั้งปวงไปเลยก็มี แต่บัดนี้ต่อไปจงพากันใช้ความพินิจพิจารณาฟังเสียงปู่ และนำไปเทียบเคียงกับคำ พูดทั้งหลายที่เคยได้ยินได้ฟังมา จะมีแง่คิดถูกหนักเบาต่างกันอย่างไรบ้าง แล้วเลือกเฟ้นนำไปปฏิบัติ เพราะลมปากของปู่เป็นเสียงของกระแสธรรม ที่ออกมาจากพระทัยที่บริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้า ผิดกับลมปากที่กิเลสราคะตัณหาผลิตหรือปรุงให้กินให้พูดออกมาอยู่มาก ทั้งมีเหตุมีผลผิดกันราวฟ้ากับดิน ที่มา... http://www.watpanonvivek.com/index.php?option=com_content&view=article&id=432:-m-m-s&catid=39:2010-03-02-03-51-18 ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | I am [ 28 ต.ค. 2010, 08:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ตอบปัญหาธรรมของหลวงปู่ (หลวงปู่ขาว อนาลโย) |
สาธุ ขอโมทนาครับ ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |