วันเวลาปัจจุบัน 03 มิ.ย. 2025, 04:49  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2010, 15:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ


วิธีดับทุกข์ เพราะ...เพื่อน

สมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ นิคมของชาวศักยะ ในแคว้นสักกะ
ครั้งนั้นท่านพระอานนท์ ได้เข้าเฝ้าแล้วกราบทูลพระพุทธองค์ว่า


"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี และมีเพื่อนที่ดีนั้น
นับว่าเป็นครึ่งหนึ่งของพรหมจรรย์ทีเดียวนะ พระเจ้าข้า"


พระพุทธองค์ ได้ตรัสค้านขึ้นว่า


"อานนท์ ! เธออย่าได้พูดอย่างนั้น เธออย่าได้กล่าวอย่างนั้น
ก็ความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี และมีเพื่อนดีนั้น
นับว่าเป็นพรหมจรรย์หมดทั้งสิ้นที่เดียว


อานนท์ ! อันภิกษุผู้มีมิตรดี มีสหายดี และมีเพื่อนที่ดีก็เป็นอันหวังได้แน่นอนว่า
จะได้เจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘
จะกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘"


ได้ยกเอาพระสูตรสำคัญที่สุด ที่พระพุทธองค์ได้ตรัสคัดค้านพระอานนท์
ที่กราบทูลว่า การมีเพื่อนที่ดี เป็นเพียงครึ่งหนึ่งของพรหมจรรย์เท่านั้น
แต่พระพุทธองค์ทรงเห็นว่าเป็นทั้งหมดทีเดียว



ข้อนี้เป็นที่รับรองของท่านผู้รู้ อย่างชนิดใต้องสงสัยเลย
เพราะมีสุภาษิตรับรองอยู่ทั่วไป เช่น คบคนใด ย่อมเป็นคนเช่นคนนั้น
คบคนเลวก็ย่อมเลวตาม และคบคนดีย่อมดีขึ้นในทันที เป็นต้น


ในมงคล ๓๘ ท่านจึงได้วางหรือจัดเรื่องการไม่คบคนพาลไว้เป็นข้อแรก
และจัดเรื่องการคบกับบัณฑิตไว้เป็นข้อที่ ๒ ทั้งนี้ก็เพราะ
การคบเพื่อนเหมือนกับการเริ่มต้นของการเดินทาง
การคบเพื่อนที่ไม่ดีก็เหมือนการเดินทางผิด ยิ่งเดินก็ยิ่งผิด
ทางที่ถูกก็คือ ต้องตั้งต้น เดินใหม่ นั่นคือการเลือกคบแต่คนดี



ปัญหามีต่อไปว่า เราจะไม่ได้อย่างไรว่า เพื่อนคนไหนดีหรือไม่ดี ?
การคบกันใหม่ ๆ ย่อมจะดูยาก ไม่เหมือนการดูสัตว์บางประเภท
เช่น เสือมันก็ยังมีลายหรือสีที่ขนพอให้แยกได้
ว่าเป็นเสือหรือประเภทอะไร เป็นต้น


การดูคนดีหรือชั่ว เรามีจุดที่จะดูอยู่ ๓ จุด คือ ที่กายวาจา และที่ใจของเขา
โดยมีศีลธรรม เป็นมาตรวัดดังนี้


ทางกาย ๔ คือ ไม่พูดปด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียดและ ไม่พูดเพ้อเจ้อ


ทางใจ ๓ คือ ไม่โลภ อยากได้ในทางที่ผิด
มีจิตเมตตาไม่ปองร้ายหรือพยาบาท
และ มีความเห็นชอบและถูกต้องตามทำนองคลองธรรม


มีข้อที่ดูยากก็คือทางใจ แต่ก็พอจะดูได้
เพราะเมื่อใจคิดแล้วมันก็ต้องพูดหรือทำ ไม่ช้าก็เร็วออกมาจนได้
การคบกันนาน ๆ จึงจะรู้ธาตุแท้หรือสันดานของคนได้แม้จริง


ในอกิตติชาดก (๒๗/๓๓๗) ท่านแนะให้ดูคนพาล หรือคนชั่วที่ ๕ จุด
นับว่าเข้าทีและเป็นไปได้ คือ


- คนพาลชอบชักและนำในทางที่ผิด


- คนพาลมักชอบทำในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระหน้าที่ของตน


- คนพาลมักจะเห็นผิดเป็นชอบ


- คนพาลแม้หรือใคร ๆ พูดดี ๆ ก็โกรธ


- คนพาลไม่ยอมรับรู้ระเบียบวินัยหรือกฎหมาย


เป็นอันว่า เราได้ทั้งหลัก และแนวทางของการดูคน ว่าดีหรือชั่วแล้ว
ที่นี้ก็อยู่ที่ว่า เราจะเลือกคบกับคนดี หรือคนชั่ว
ถ้าเราเลือกคบคนดี และนึกรังเกียจคนชั่ว ก็แสดงว่าพื้นจิตของเรามีสัมมาทิฐิ


แต่ถ้าจิตของเราเกิด เห็นกงจักรเป็นดอกบัว คือเห็นผิดเป็นชอบ รังเกียจคนดี
แส่เที่ยวหาคบแต่คนชั่ว ก็แสดงว่าพื้นจิตของเราเป็นมิจฉาทิฐิ
นับว่าเป็นอันตรายมาก ควรรีบแก้ไขเสียโดยด่วน
ถ้าขืนปล่อยไปตามนั้นอนาคตที่มองเห็น ก็คือ
ไม่ตายตอนแก่แน่ ๆ ขนาดเบาก็มีคุกเป็นบ้านถาวร


คนเราเป็นสัตว์สังคม จึงจำเป็นต้องคบหาเพื่อนฝูง
ไม่มีเพื่อนมากก็ต้องมีน้อย เพราะไม่มีใครจะอยู่คนเดียวในโลกได้


การคบเพื่อนที่ดี ย่อมจะนำแต่ความสุข และความเจริญมาให้
ในทางตรงข้าม ถ้าคบเพื่อนชั่วหรือพาล
ย่อมจะนำความทุกข์เดือดร้อนและความเสื่อมนานาประการมาให้


ดังนั้นใครมีเพื่อนที่ดีอยู่แล้ว ก็ควรจะถนอมน้ำใจด้วยการปฏิบัติตาม
"สังคหวัตถุ ๔" อย่างสม่ำเสมอ ก็ย่อมจะผูกน้ำใจเพื่อนที่ดีไว้ได้ ตลอดกาล


ถ้ามีเพื่อนเป็นคนชั่ว ก็ควรเร่งถอนตัว ตีจากเสียให้เร็วที่สุด
เพื่อป้องกันทุกข์ภัย ที่จะมีในปัจจุบัน และในอนาคต



ทางแก้

๑. พิจารณาให้เห็นโทษ ของการคบกับคนชั่ว
และคุณของการคบกับคนดี อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน
และต้องตัดใจเลิกคบกับคนชั่วให้ได้ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น


ก. เลิกคบกันทันทีทันใด ถ้าคิดว่าทำแล้วจะไม่เกิดมีทุกข์หรือภัยตามมาภายหลัง


ข. ค่อย ๆ แยกหรือปลีกตัวออกมา โดยที่ไม่ให้เขารู้ตัว


ค. ตัดสายสัมพันธ์ ที่เป็นสื่อเชื่อมโยงออกให้หมด


๒. ถ้าอยู่โรงเรียนเดียวกัน หรือทำงานร่วมกันก็อาจขอย้ายห้องย้ายโรงเรียน
หรือเปลี่ยนงานใหม่ ก็แล้วแต่กรณี


๓. ย้ายบ้าน อย่าอยู่ใกล้ชิดกันอีกต่อไป


๔. เลือกคบหาคนดีไว้ทดแทน
เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคมไม่อาจจะอยูโดดเดี่ยวได้


เป็นธรรมดาอยู่เอง เมื่อเราคบกับคนชั่ว คนดีก็ย่อมรังเกียจไม่คบหาด้วย
และเมื่อเราเลิกคบกับคนชั่ว คนดีก็ย่อมคบหาด้วย
อย่ากลัวเลยว่า จะหาคนดีคบไม่ได้ ขอแต่ว่าให้เราเป็นคนดีจริง ๆ เถอะ
อย่าเป็นคนประเภท "ปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอ" ก็แล้วกัน


ทุกวันนี้ โลกเราหนาแน่นไปด้วยคนมีความรู้
มีดีกรีสูงแต่ขาดแคลนคนดีหรือบัณฑิต (ผู้มีปัญญา) ยิ่งนัก


ที่มา...หนังสือคู่มือดับทุกข์
http://www.dhammathai.org/book/dubtuk02.php

:b8: :b48: :b48:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร