ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ธาตุปัจจเวกขณ์โดยเฉพาะ (ท่านพุทธทาสภิกขุ) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=34100 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ศรีสมบัติ [ 25 ส.ค. 2010, 10:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | ธาตุปัจจเวกขณ์โดยเฉพาะ (ท่านพุทธทาสภิกขุ) |
....ในวันนี้จะได้พิจารณากันถึง ธาตุปัจจเวกขณ์ หรือการพิจารณาโดยการเป็นธาตุโดยเฉพาะ ....ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นว่า การพิจารณาโดยการเป็นธาตุ สามารถทำลายความสำคัญว่าตน หรืออัตตสัญญาเสียได้., และข้อนี้หมายถึงการพิจารณาเห็นสิ่งนั้นๆ ซึ่งเราเรียกกันว่า"ธาตุ" อย่างใดอย่างหนึ่งนั้น เป็นเพียงธรรมชาติ หรือเป็นไปตามกฏธรรมชาติ ....แม้ว่าธาตุหลายๆ ธาตุ จะได้จับกลุ่มรวมกัน เปลี่ยนรูปเป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นมา ก็ยังเป็นเพียงธาตุ และมีทางที่จะพิจารณาให้เห็นว่า เป็นธาตุอยู่นั่นเอง., แม้ว่าสิ่งนั้นๆ จะมีรูปอันละเอียดจนสัมผัสด้วยอวัยวะตามธรรมดาไม่ได้ หรือจะไม่มีรูปเลยก็ตาม.,ด้วยเหตนี้เองสิ่งที่เรียกว่าธาตุ ในภาษาธรรมของศาสนา โดยเฉพาะพระพุทธศาสนาจึงมีความหมายกว้างขวางกว่าคำว่า"ธาตุ"ที่ใช้กันอยู่ในภาษาธรรมดา ของสามัญมนุษย์ทั่วไปในโลก อย่างที่จะเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย เพราะสิ่งที่เรียกว่า"ธาตุ" ในทางฝ่ายศาสนานั้น หมายเลยไปถึงนามธาตุ และนิพพานธาตุ อันเป็นธาตุที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถจะเข้าใจได้เลย., [/color]และไม่ได้มีอยู่ในสารบบบัญชีรายชื่อของสิ่งที่เรียกว่า"ธาตุ" ที่มนุษย์ธรรมดาไม่รู้จักกัน แม้ในวงการศึกษาที่ถือกันว่าเจริญถึงที่สุด. จริงอยู่ที่ถ้าเราพิจารณาดูความหมายของคำๆนี้ ที่มีอยู่ในภาษาต่างๆ ก็พอจะพบในความสำคัญที่มุ่งหมายตรงกัน., แทบจะกล่าวได้ว่าทุกภาษา คือหมายถึงสิ่งซึ่งเป็นส่วนประกอบ ซึ่งย่อยหรือเล็กที่สุด และเป็นปัจจยสำคัญส่วนหนึ่งๆ ตามคุณสมบัติของมัน หรือตามหน้าที่ที่มันมีอยู่,แล้วประกอบรวมกันเข้า เป็นสิ่งใหม่ขึ้นมาอีกสิ่งหนึ่ง., ....คำว่า"ธาตุ" ตามภาษาไทยธรรมดาก็ดี และคำที่มีมูลอันเดียวกันกับภาษาแองโกเช็กช่อน(ango-sexon)เช่น ภาษาอังกฤษ เป็นต้น ซึ่งใช้คำว่า element ก็ดี ล้วนแต่มีความหมายอย่างนี้เท่านั้น แม้รูปศัพท์จะต่างกันไปบ้าง ตามภาษาของตนๆ.(ต่อ) |
เจ้าของ: | ศรีสมบัติ [ 26 ส.ค. 2010, 09:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธาตุปัจจเวกขณ์โดยเฉพาะ(ท่านพุทธทาสภิกขุ) |
....ข้อนี้ทำให้เราเห็นได้ว่า มนุษย์ในโลกรู้จักความหมายของคำๆ นี้ แต่เพียง ในลักษณะเช่นนี้.,แม้ในภาษาธรรมะชั้นตื้นๆ ในพุทธศาสนา ของเราหรือในศาสนาใกล้เคียงอื่นๆ ซึ่งนับได้ว่าเป็นเครือเดียวกัน ก็ได้ให้ความหมายแก่คำว่า "ธาตุ" ในลักษณะเช่นนี้ คือ หมายถึงส่วนประกอบส่วนย่อยที่ประกอบกันขึ้นเป็นส่วนใหญ่ เช่น ในประโยคว่า บุรุษ หรือ คนเรานี้ ประกอบขึ้นด้วย ธาตุ ๖ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม อากาศธาตุ วิญญานธาตุ ดังนี้เป็นต้น., ซึ่งนับว่ามีผลในการที่จะไถ่ถอน"อัตตสัญญา"ได้มากอยู่เหมือนกัน. แต่ยังไม่เป็นการเพียงพอหรือถึงที่สุดได้., เพราะยังอาจจะไปหลงยึดเอาธาตุที่ปราณีตและเร้นลับ เช่น วิญญานธาตุ เป็นต้น ว่าเป็นอัตตาตัวตนเข้าก็ได้., ดังนั้นจึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่เราจะต้องเข้าถึง ความหมายของคำว่า"ธาตุ" ให้ลึกซึ้งกว่านั้น กล่าวคือ ให้ถึงขนาดที่ไม่เหลือเนื้อที่อะไรๆไว้ ให้ยึดถือโดยความเป็นตัวตนได้เลยนั่นเอง., นั่นแหละคือความหมายของคำว่า"ธาตุ" ที่แท้จริง ที่ควรนำมาใช้ในวลีที่ว่า ธาตุมตฺตํ(สักแต่ว่าธาตุ) ซึ่งเป็นใจความสำคัญที่สุด แห่งการพิจารณาโดยการเป็นธาตุในพุทธศาสนาเรา. คือเราจะต้องพิจารณาจนเห็นว่า "ธาตุ" ประเภทที่เป็นสังขตธาตุ เช่น กามธาตุ รูปธาตุ หรือ อรูปธาตุก็ดี, และประเภทที่เป็นอสังขตธาตุ เช่น นิโรธธาตุ หรือ นิพพานธาตุ เป็นต้นก็ดี ,ทุกอย่างแต่ละอย่างไม่ยกเว้นอย่างไหนหมด ล้วนแต่สักกว่าเป็นธาตุ(ธาตุมตฺตํ) ซึ่งเป็นเพียงธรรมชาติ,หรือสิ่งที่เป็นไปตามกฏเกณฑ์ของธรรมชาติเท่านั้น, ไม่มีสิ่งใดหรือส่วนใดที่เป็นตัวตนอันแท้จริง,หรือแม้แต่ควรจะถือว่า เป็นตัวตนที่แท้จริงไปได้เลย(ต่อ) |
เจ้าของ: | ศรีสมบัติ [ 26 ส.ค. 2010, 10:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธาตุปัจจเวกขณ์โดยเฉพาะ(ท่านพุทธทาสภิกขุ) |
![]() ![]() ![]() ....บทปัจจเวกขณ์โดยความเป็นธาตุที่ดีที่สุด ก็ได้แก่ประโยค เช่น ประโยคว่า "ยถาปจฺจยํ ปวตฺตมานํ ธาตุมตฺตเมเวตํ,ยทิทํ จีวรํ ตทุปภุญชโกจ ปุคฺคโล, ธาตุมตฺตโก นิสฺสตฺโต นิชฺชีโว สุญโญ" เป็นต้นนั่นเอง แม้ว่าจะมีบทปัจจเวกขณ์บางบทมีรูปอย่างอื่น มีพยัญชนะอย่างอื่น ความหมายอันแท้จริงก็ยังคงเป็นอย่างเดียวกัน กับความหมายแห่งประโยคตัวอย่างนี้., ซึ่งมีใจความสำคัญอยู่ที่ ชี้ให้เห็นความว่างจากตัวตน หรือไม่มีอะไรเป็นตัวตนนั่นเอง., มีใจความสำคัญที่จะต้องขยายความออกไปได้ในตัวมันเองโดยที่ไม่ต้องระบุถึงเลย ต่อไปอีกว่า เมื่อตัวบุคคลผู้จะเป็นตัวเป็นตนไม่มีแล้ว สิ่งต่างๆ ที่จะเป็นของๆตนจะมีได้อย่างไร, แม้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะได้มีจริง เช่น นิพพาน เป็นต้น, ด้วยเหหตุดังกล่าวนี้เอง หลักการใหญ่ๆที่วางไว้สำหรับการปฏิบัติ จึงมุ่งแต่จะให้พิจารณาไปในทำนองที่จะทำลายความยึดถือ ว่าตัวตน หรือตัวเรานี้เป็นส่วนใหญ่ โดยไม่สู้จะคำนึงถึง การทำลายความยึดถือว่าของตน. ....แต่ในบางกรณีก็ชี้ไว้ทั้ง ๒ อย่าง ซึ่งเป็นไปในหลักที่ว่า หาทางทำลายความยึดถือเสียทั้งจากภายนอกและจากภายใน คือธาตุส่วนที่จะถูกยึดว่าเป็นของๆตน ซึ่งจัดไว้เป็นส่วนภายนอกก็ดี และธาตุที่จะถูกยึดถือว่าเป็นตัวตน ซึ่งจัดไว้เป็นธาตุภายในก็ดี จะถูกปฏิเสธพร้อมกันไปทั้ง ๒ ธาตุ. แต่เนื่องจากกรณีอย่างนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่ยากกว่ากรณีที่เพียงแต่ทำลายความยึดถือว่าตัวตนหรือตัวเรา อย่างเดียวเสีย จึงมีการสอนอย่างวิธีหลังนี้มากกว่า,และเป็นหลักพื้นฐานในเบื้องต้นก่อนกว่า.,และเพื่อประโยชน์แก่บุคคลผู้แรกเริ่มเข้ามาสู่ธรรมวินัยนี้ เพื่อทำความดับทุกข์ ตามแบบวิถีแห่งธรรมวินัยนี้นั่นเอง. ดังนั้นเราจะได้วินิจฉัยกันต่อไป ถึงบทปัจจเวกขณ์ ที่พิจารณาโดยความเป็นธาตุ อันจะทำลายความยึดถือว่า"ตัวเรา"อย่างเดียวกัน.(ต่อ) |
เจ้าของ: | ศรีสมบัติ [ 26 ส.ค. 2010, 10:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธาตุปัจจเวกขณ์โดยเฉพาะ(ท่านพุทธทาสภิกขุ) |
![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ศรีสมบัติ [ 26 ส.ค. 2010, 12:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธาตุปัจจเวกขณ์โดยเฉพาะ(ท่านพุทธทาสภิกขุ) |
![]() ![]() ![]() ![]() (ต่อ..) |
เจ้าของ: | ศรีสมบัติ [ 26 ส.ค. 2010, 12:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธาตุปัจจเวกขณ์โดยเฉพาะ(ท่านพุทธทาสภิกขุ) |
![]() ![]() ![]() (ต่อ....) |
เจ้าของ: | ศรีสมบัติ [ 26 ส.ค. 2010, 13:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธาตุปัจจเวกขณ์โดยเฉพาะ(ท่านพุทธทาสภิกขุ) |
![]() ![]() เราจึงต้องแปลเอาใจความโดยเจาะจงว่า "เป็นสักแต่ว่า" ซึ่งความหมายอย่างรัดกุมที่สุดว่า "มันเป็นได้แต่เพียงสิ่งที่ว่านี้เท่านั้น"., เป็นอะไรให้มากหรือนอกเหนือไปกว่านั้นไม่ได้ และมีความหมายที่เป็นการประมาณอยู่ในตัวว่า มันมีค่าเพียงเท่านั้น มันจะเป็นอะไรสูงไปกว่านั้นไม่ได้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการปิดกั้นเสียโดยเด็ดขาด ไม่ให้มีความรู้สึก คิดนึกไปทางที่ว่า มันเป็นอะไรอื่นที่สูงหรือที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น. ทั้งหมดนี้เป็นความหมายของคำว่า "มตฺต" ![]() ที่มา...หนังสือ สุญญตา คำบรรยายในพรรษา ประจำปี ๒๕๐๓ สวนโมกขพลาราม พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาส อินฺทปญฺโญ) |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |