ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ลัทธิโลกายัต http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=33022 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 05 ก.ค. 2010, 18:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | ลัทธิโลกายัต |
พราหมณ์นักโลกายัตคนหนึ่ง มาเฝ้าทูลถามปัญหาว่า “ท่านพระโคตมะผู้เจริญ สิ่งทั้งปวงมีอยู่ หรือ ?” พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า “ข้อว่า สิ่งทั้งปวงมี เป็นโลกายัตหลักใหญ่ที่สุด” ฯลฯ หากต้องการรู้ว่า พระพุทธเจ้า กับ พราหมณ์ผู้นี้สนทนากันเรื่องอะไรอ่านลิงค์นี้ viewtopic.php?f=2&t=19934&start=0&st=0&sk=t&sd=a แต่กระทู้นี้จะนำที่มาของลัทธิโลกายัตว่ามีความเป็นมาอย่างไร โดยเฉพาะความหมายโลกายัต เมื่อเข้าใจความหมายดีแล้ว จะอ่านลิงค์ดังกล่าวเข้าใจ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 05 ก.ค. 2010, 18:24 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ลัทธิโลกายัต | ||
ความหมายศัพท์และความเชื่อถือของสาวกลัทธินี้ โลกายัต : น. ชื่อหนึ่งของลัทธิปรัชญาฝ่ายวัตถุนิยมของอินเดีย ถือว่า โลกนี้เกิดจากการรวมตัวกันเอง ของวัตถุธาตุ ๔ คือ ดิน นํ้า ไฟ ลม ชีพหรือชีวิตเป็นเพียงผลิตผลของวัตถุธาตุที่รวมตัวกันนั้น คนเราเกิดครั้งเดียว ตายแล้วขาดสูญ ไม่มีโลกหน้า จึงควรแสวงหากามสุข เสียแต่วันนี้ พรุ่งนี้เราอาจตาย, ลัทธินี้ทางพระพุทธศาสนาจัดเป็นอุจเฉททิฐิ แปลว่า ความเห็นว่าตายแล้วสูญ, จารวาก ก็เรียก. (ป., ส.).
|
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 05 ก.ค. 2010, 18:27 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ลัทธิโลกายัต | ||
ลัทธิ : น. คติความเชื่อถือ ความคิดเห็น และหลักการ ที่มีผู้นิยมนับถือและ ปฏิบัติตามสืบเนื่องกันมา เช่น ลัทธิสังคมนิยม ลัทธิชาตินิยม ลัทธิทุนนิยม. (ป. ลทฺธิ ว่า ความเห็น, ความได้).
|
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 05 ก.ค. 2010, 18:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ลัทธิโลกายัต |
ลัทธิโลกายัตหรือจารวาก เป็นพวกวัตถุนิยมจัดหรือสสารนิยม (materialism) ผู้ก่อตั้งลัทธินี้คือ ฤาษีพฤหัสบดี หรือท้าวสหัมบดีพรหม ท่านผู้นี้นับเป็นคนแรกที่มีทรรศนะว่าสสารเป็นอันติมะสัจจะ เป็นสภาพความจริงสูงสุด แนวความคิดของลัทธิโลกายัตในสมัยนั้น บางครั้งเป็นที่ตลกขบขัน บางครั้งก็เป็นที่เกลียดชังของพวกนักคิดในสมัยเดียวกัน เพราะในสมัยนั้นนักคิดต่าง ๆ ทุกสำนักจะเป็น พวกจิตนิยม (Idealism) กันทั้งนั้น ลัทธิโลกายัตหรือจารวาก ถือว่าประสบการณ์ทางประสาทสัมผัส (Perception) เท่านั้น เป็นแหล่ง ความรู้ที่แน่นอนและถูกต้องแท้จริง ความรู้ทางอ้อม เช่น ความรู้ที่เกิดจากการอนุมาน (Inference) ความรู้ที่ได้มาจากการเรียน หรือบอกเล่าจากคนอื่นเป็นความรู้ที่เชื่อถือไม่ได้ ความรู้เหล่านั้นนำไปสู่ ความผิดเสมอ เราไม่ควรเชื่อถือความรู้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยไม่ผ่านประสาทสัมผัสของเราเสียก่อน คำสอนของลัทธิโลกายัตหรือจารวาก มีคำสอนบางอย่างของพฤหัสบดีได้กล่าวถึงสาระสำคัญของลัทธิโลกายัตหรือจารวากซึ่งพอจะนำมา กล่าวโดยย่อเป็นข้อ ๆ ได้ดังต่อไปนี้ ๑. ธาตุทั้งหลายมีเพียง ๔ คือ ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ๒. ร่างกาย ประสาทสัมผัส และสิ่งที่รับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัส เป็นผลที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวของธาตุ ต่าง ๆ ๓. วิญญาณ (Consciousness) เกิดมีขึ้นจากการรวมตัวอย่างถูกส่วนของวัตถุ เช่นเดียวกับคุณสมบัติ ที่ทำให้เกิดความมึนเมาของสุราเมรัยซึ่งเกิดขึ้นจาการหมักดองของวัตถุที่ใช้ผลิตฉะนั้น ๔. สิ่งที่เรียกวิญญาณ หรือ อาตมันนั้น มิใช่อะไรอื่น ที่แท้ก็คือร่างกายที่มีสัมปชัญญะ หรือความรู้สำนึก นั่นเอง ๕. ความบันเทิงเริงรมย์เป็นจุดหมายเพียงอย่างเดียวของชีวิต ๖. ความตายคือโมกษะหรือความหลุดพ้น คำสอนของลัทธิจารวาก ถือว่า ไม่มีสวรรค์ ไม่มีความหลุดพ้น (โมกษะ) ไม่มีวิญญาณใด ๆ อยู่ในโลกอื่น ไม่มีการกระทำหรือกรรมของใครในวรรณะทั้ง ๔ ที่จะก่อให้เกิดผล (ไม่มีผลของ กรรม) การบูชาไฟ พระเวททั้งสาม การร่ายมนต์ของพวกนักบวช และการทาตัวด้วยขี้เถ้า เป็นอุบายวิธีหาเลี้ยงชีพของคนโง่ ไร้ยางอาย การฆ่าสัตว์บูชายัญเป็นการต้มตุ๋นหลอกลวง เป็นคนลวง โลก ถ้าหากสัตว์ที่ถูกฆ่าในพิธีบูชายัญจะได้ไปเกิดในสวรรค์จริงแล้ว ไฉนเลยผู้ประกอบพิธีบูชายัญ ไม่เอาบิดามารดาของตนมาฆ่าบูชายัญเช่นนั้นบ้างเล่า จารวากสอนให้แสวงหาความสุขตั้งแต่ในเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ กินดื่มให้สุขสำราญ แม้ว่าจะต้องเป็นหนี้ เป็นสินเขาก็ตาม เพราะว่าเมื่อร่างกายถึงความตายถูกเขาเผาเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว มันจะกลับฟื้นคืนชีพ ขึ้นมาได้อีกไฉน พิธีกรรมต่าง ๆ นั้น เป็นอุบายวิธีหาเลี้ยงชีพของพวกพราหมณ์นั่นเอง ผู้แต่งคัมภีร์พระเวทคือคนโง่งั่ง คนลวงโลก เจ้าพวกอสูรกาย จารวากถือว่าคัมภีร์ดังกล่าวเขียนขึ้นโดยพวกพระที่มีเล่ห์คดโกง และเลี้ยงชีพด้วยการหลอกลวง ประชาชนผู้โง่เขลา พวกพระเหล่านี้สอนประชาชนให้หลงใหลกับการประกอบพิธีกรรมบูชายัญ ทั้งนี้เพื่อพวกตนจะได้มีปัจจัยไทยธรรมเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง หาได้มีประโยชน์อันใดที่พึงเกิดขึ้น จากการประกอบพิธีกรรมบูชายัญเหล่านั้นแต่ประการใดไม่ อภิปรัชญาของลัทธิโลกายัตหรือจารวาก สสารหรือวัตถุเท่านั้นเป็นความจริงที่เป็นอันติมะ ถือว่าความรู้ที่แท้จริง ต้องเป็นความรู้ที่ได้รับมาทาง ประสาทสัมผัสหรือความรู้ประจักษ์เท่านั้น (empiricism) เป็นความรู้ที่ถูกต้องสิ่งใดที่ประจักษ์โดย ประสาทสัมผัสไม่ได้ ก็ถือว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง ดังนั้น นรก สวรรค์ บาป บุญ เทวดา ภูตผีปีศาจ ชีวิตในโลกหน้า วิญญาณหรืออาตมัน พระพรหม พระเป็นเจ้าจึงเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ รับรู้ไม่ได้ด้วยประสาทสัมผัส สิ่งที่มีอยู่จริงตามทรรศนะของพวกจารวาก จึงมีเพียงวัตถุเท่าที่เรารับ รู้ได้เท่านั้น อภิปรัชญาของจารวาก๒ อาจแบ่งได้ ๓ หัวข้อคือ ๑. ยืนยันว่าสรรพสิ่งเกิดมาจากการรวมตัวของธาตุทั้ง ๔ ๒. ปฏิเสธการมีอยู่ของโลกหน้าและตัวตนหรืออาตมัน ๓. ปฏิเสธการมีอยู่ของพระผู้เป็นเจ้าโดยสิ้นเชิง (มีต่อ) |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 05 ก.ค. 2010, 18:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ลัทธิโลกายัต |
ปรัชญาการดำเนินชีวิตของจารวาก คติการดำเนินชีวิตของพวกจารวาก มีปรัชญาชีวิตว่า กิน ดื่ม และรื่นเริงสำราญ มีความสุขทางเนื้อหนัง เป็นจุดหมายปลายทาง มนุษย์เกิดหนเดียวตายหนเดียว ไม่มีโลกหน้า ไม่มีการเกิดใหม่ หลังจากตายแล้ว คนดีคนชั่วมีจุดสุดท้าย ของชีวิตอย่างเดียวกันคือความตาย ดังนั้น มนุษย์จึงควรรีบตักตวงแสวงหาความสุขเสียให้เต็มที่ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ กินให้เป็นสุข ดื่มให้เป็นสุข และสนุกเสียให้เต็มอิ่ม ตายแล้วก็สิ้นสุดกัน จะดื่มสนุกสนานอะไรไม่ได้อีกแล้ว ลัทธินี้สอนตรงกับความต้องการกิเลสของปุถุชนทั่ว ๆ ไป พวกนี้ยอมรับเอาหลักปรัชญาชีวิต ของจารวากมาปฏิบัติได้โดยไม่รู้สึกตัวและง่ายดาย จารวากยังสอนให้คนเราแสวงหาทรัพย์ เพราะว่า ทรัพย์สมบัติทำให้เราสามารถแสวงหาความสนุกสนานเพลิดเพลินในชีวิตได้อย่างเต็มที่ ความสุขทาง เนื้อหนัง หรือความสุขทางกามารมณ์เป็นความสุขสูงสุด คุณธรรมไม่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต เพราะคน ดีคนชั่วก็จบลงด้วยความตายเท่ากัน ทัศนะเกี่ยวกับโมกษะ โมกษะ คือความหลุดพ้นจากความทุกข์ไม่จำเป็นต้องรีบแสวงหาในขณะนี้ และไม่มีประโยชน์อันใดด้วย ผู้ที่ยอมทนทุกข์ทรมานหรือยอมสละความสุขทางโลกียวิสัย เพื่อแสวงหาความหลุดพ้นบรรลุโมกษะ ได้ชื่อว่าเป็นคนโง่เหง้าเต่าตุ่น ตามทรรศนะของพวกจารวาก การแสดงความเคารพภักดีและอ้อนวอน บูชาพระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าจะมีนามอย่างไร ล้วนเป็นความโง่เหง้าทั้งสิ้น เพราะความตายเท่านั้นคือโมกษะ อันแท้จริงของคนทุกคน ดังนั้น บุคคลจึงควรแสวงหาความสุขสนุกสนานเพลิดเพลิน กินให้เป็นสุข สนุกให้เต็มอิ่ม ตั้งแต่ยังมี ชีวิตอยู่ เมื่อความตายมาปลิดฉากชีวิตก็เป็นอันหมดกันไป ร่างกายก็สูญสลายไปตามอากาศธาตุ ที่กล่าวมานี้คือแนวปรัชญาการดำเนินชีวิตของลัทธิโลกายัตหรือจารวาก http://landhamma.com/page187.html |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |