ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ว่าด้วยปัญหาของท่านเมตตคู
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=32718
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  Supareak Mulpong [ 22 มิ.ย. 2010, 16:35 ]
หัวข้อกระทู้:  ว่าด้วยปัญหาของท่านเมตตคู

ว่าด้วยปัญหาของท่านเมตตคู

[๑๔๖] (ท่านเมตตคูทูลถามว่า)
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ขอทูลถามปัญหานั้น. ขอพระองค์จงตรัสบอกปัญหานั้น แก่ข้าพระองค์. ข้าพระองค์ย่อมสำคัญซึ่งพระองค์ว่าเป็นผู้จบเวท มีพระองค์อันให้เจริญแล้ว. ทุกข์มีชนิดเป็นอันมาก เหล่าใดเหล่าหนึ่งนี้ในโลกเกิดมาแต่ที่ไหนหนอ?

[๑๕๑] (พระผู้มีพระภาคตอบว่า ดูกรเมตตคู)
ท่านถามถึงเหตุแห่งทุกข์กะเราแล้ว. เรารู้อยู่อย่างไร ก็จะบอกเหตุนั้นแก่ท่าน. ทุกข์ทั้งหลายมีชนิดเป็นอันมาก อย่างใดอย่างหนึ่งในโลก มีอุปธิเป็นเหตุ ย่อมเกิดขึ้น.

[๑๕๖] ผู้ใดแล มิใช่ผู้รู้ ย่อมทำอุปธิ ผู้นั้นเป็นคนเขลา ย่อมเข้าถึงทุกข์บ่อยๆ. เพราะเหตุนั้น บุคคลผู้รู้อยู่ ไม่พึงทำอุปธิเป็นผู้พิจารณาเหตุเกิดแห่งทุกข์.

[๑๖๑] ข้าพระองค์ได้ทูลถามแล้วซึ่งปัญหาใด พระองค์ได้ตรัสบอกปัญหานั้นแล้วแก่ข้าพระองค์. ข้าพระองค์ทั้งหลาย จะขอทูลถามปัญหาข้ออื่น. ขอพระองค์โปรดตรัสบอกปัญหานั้น. ธีรชนทั้งหลายย่อมข้ามซึ่งโอฆะ ชาติ ชรา โสกะและปริเทวะได้อย่างไรหนอ? พระองค์เป็นพระมุนี ขอทรงโปรดแก้ปัญหานั้นแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายด้วยดี. แท้จริง ธรรมนั้นอันพระองค์ทรงทราบแล้ว.

[๑๖๖] (พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรเมตตคู)
เราจักบอกธรรมในธรรมที่เราเห็นแล้ว อันประจักษ์แก่ตนที่บุคคลทราบแล้ว เป็นผู้มีสติเที่ยวไป พึงข้ามตัณหาอันเกาะเกี่ยวในอารมณ์ (รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ความคิด) ต่างๆ ในโลกแก่ท่าน.

[๑๗๑] ข้าแต่พระองค์ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ข้าพระองค์ชอบใจพระดำรัสของพระองค์นั้น และธรรมอันสูงสุดที่บุคคลทราบแล้ว เป็นผู้มีสติเที่ยวไป พึงข้ามตัณหาอันเกาะเกี่ยวในอารมณ์ต่างๆ ในโลกได้.

[๑๗๖] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรเมตตคู) ท่านย่อมรู้ธรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นธรรมชั้นสูง ชั้นต่ำ และชั้นกลางส่วนกว้าง ท่านจงบรรเทาความยินดี ความพัวพัน และวิญญาณในธรรมเหล่านั้นเสีย (จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนวิญญาณ) ไม่พึงตั้งอยู่ในภพ.

[๑๘๐] ภิกษุผู้มีปกติอยู่อย่างนี้ (คือ)มีสติ ไม่ประมาท มีความรู้แจ้งละความยึดถือว่าเป็นของเราแล้ว เที่ยวไป พึงละชาติ ชราความโศกและความรำพันอันเป็นทุกข์ในอัตภาพนี้เสียทีเดียว.

[๑๘๔] ข้าแต่พระโคดม ข้าพระองค์ชอบใจพระดำรัส ของพระองค์ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ที่ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นธรรมไม่มีอุปธิ. พระผู้มีพระภาคทรงละทุกข์ได้แล้วเป็นแน่.จริงอย่างนั้น ธรรมนั้นอันพระองค์ทรงทราบแล้ว.

[๑๘๙] พระองค์เป็นพระมุนีตรัสสอนชนเหล่าใดบ่อยๆ ก็ชนแม้เหล่านั้นพึงละทุกข์ได้เป็นแน่. ข้าพระองค์มาพบแล้วซึ่งพระผู้มีพระภาคผู้ประเสริฐ จักขอนมัสการพระองค์. ขอพระผู้มีพระภาคพึงตรัสสอนข้าพระองค์บ่อยๆ บ้าง.

[๑๙๔] บุคคลพึงรู้จักผู้ใดว่าเป็นพราหมณ์ ผู้ถึงเวท ไม่มีกิเลสเครื่องกังวล ไม่ข้องเกี่ยวในกามภพ ผู้นั้นข้ามได้แล้วซึ่งโอฆะนี้โดยแท้ และเป็นผู้ข้ามถึงฝั่ง ไม่มีเสาเขื่อน ไม่มีความสงสัย.

(พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรสภิยะ) พระผู้มีพระภาคลอยเสียแล้วซึ่งธรรมอันลามกทั้งปวง ปราศจากมลทิน มีจิตตั้งมั่นดี มีจิตคงที่ ล่วงแล้วซึ่งสงสาร เป็นผู้บริบูรณ์. พระผู้มีพระภาคนั้นอันตัณหาและทิฏฐิไม่อาศัย เป็นผู้คงที่บัณฑิตกล่าวว่าเป็นผู้ประเสริฐ.

[๑๙๙] นรชนใดในศาสนานี้ มีความรู้ เป็นเวทคู สลัดแล้วซึ่งบาปธรรมเป็นเครื่องข้องนี้ ในภพน้อยและภพใหญ่ นรชนนั้นเป็นผู้ปราศจากตัณหา ไม่มีทุกข์ ไม่มีความหวัง. เรากล่าวว่า นรชนนั้นได้ข้ามแล้วซึ่งชาติและชรา.

เจ้าของ:  Supareak Mulpong [ 22 มิ.ย. 2010, 18:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ว่าด้วยปัญหาของท่านเมตตคู

อุปธิ = การยึดมั่น และการปรุ่งแต่ง ต่อสิ่งที่เข้ามากระทบทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/