ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ไวต่อความสุข (พระไพศาล วิสาโล)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=32320
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ลูกโป่ง [ 04 มิ.ย. 2010, 17:32 ]
หัวข้อกระทู้:  ไวต่อความสุข (พระไพศาล วิสาโล)

รูปภาพ

ไวต่อความสุข

รินใจ (พระไพศาล วิสาโล)

ชะตาชีวิตบางครั้งก็พลิกผันอย่างตั้งตัวไม่ติด
หาญมีอาชีพเป็นพ่อค้าเร่ขายของตามตลาดนัด
วันดีคืนดีก็ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ ๑ ถึง ๒๐ ล้านบาท
เมื่อได้เงินมา เขาเอาครึ่งหนึ่งเข้าธนาคารเพื่อเป็นทุนในระยะยาว
ที่เหลือให้ลูกสาว ๓ คนคนละ ๑ ล้านบาท
อีก ๒ ล้านบาทนำไปซื้อรถกระบะ
และเตรียมซื้อที่ดินปลูกบ้าน ส่วน ๕ ล้านบาทที่เหลือ
เขาฝากไว้ในธนาคารสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน


เจอลาภก้อนโต แถมยังจัดการได้ดีมีหลักเกณฑ์
หาญน่าจะเป็นคนที่มีความสุขอย่างยิ่ง แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่
เพราะทันทีที่ข่าวแพร่สะพัด ญาติ ๆ ก็มารุมล้อมขอเงินจากเขา
บางคนได้ไป ๔-๕ หมื่น บางคนก็ได้ไปเป็นแสน
แต่หลายคนไม่พอใจ หาว่าให้น้อย พากันต่อว่าต่อขาน
หนักกว่านั้นก็คือบางคนขู่ว่าจะฆ่าทิ้งทั้งผัวทั้งเมีย
หาญเครียดหนักจนตัดสินใจฆ่าตัวตาย
แต่ลูกสาวพาส่งโรงพยาบาล หมอล้างท้องทันจึงรอดตาย


ชีวิตจริงเรื่องนี้สอนว่า ถูกรางวัลที่ ๑ มิใช่โชคดีเสมอไป
ใครว่าได้เงินหลายสิบล้านแล้วชีวิตจะมีความสุข ก็หาไม่
บางครั้งกลับทำให้ทุกข์กว่าเดิม หาญไม่ใช่คนแรกหรือคนเดียวที่พูดว่า
"เป็นพ่อค้าเร่ หาเช้ากินค่ำ ยังมีความสุขกว่าเป็นไหน ๆ"


หาญเคยรู้สึกไม่พอใจกับชีวิตพ่อค้าเร่จน ๆ
เขาฝันจะเป็นเศรษฐีเงินล้าน แต่ครั้นได้เป็นจริง ๆ
เขากลับพบว่าชีวิตพ่อค้าเร่มีความสุขกว่าเยอะ
แต่เขามาค้นพบความจริงข้อนี้เมื่อความสุขดังกล่าวได้หลุดลอยไปแล้ว


ใช่หรือไม่ว่าคนเรามักเห็นคุณค่าของสิ่งใดก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นสูญหายไปแล้ว
แต่ตอนที่สิ่งนั้นยังอยู่กับเรา เรากลับไม่สนใจไยดี
ชีวิตที่อิสระ ปราศจากอันตราย ไร้ความกังวลใจ
คบกันด้วยน้ำใจยิ่งกว่าผลประโยชน์ เป็นชีวิตที่มีความสุข
แต่ผู้คนมักจะคิดได้ก็ต่อเมื่อมันกลายเป็นอดีตไปแล้วอย่างที่เกิดกับหาญ


กัญญากลุ้มใจที่ตัวเองไม่ได้เลื่อนเป็นผู้จัดการเสียที
เธอหมกมุ่นกับเรื่องนี้จนไม่มีเวลาให้กับลูก ๆ
แล้ววันหนึ่งเธอก็พบว่าลูกชายจากไปอย่างไม่มีวันกลับเพราะอุบัติเหตุ
เธอเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงตอนนั้นเองที่เธอตระหนักว่า
เมื่อครั้งลูกชายยังมีชีวิตอยู่นั้นนับเป็นช่วงที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของเธอ
เป็นช่วงที่เธอน่าจะมีความสุข แต่เธอมาระลึกได้เมื่อสายไปแล้ว


จะไม่ดีกว่าหรือหากเราชื่นชมความสุขเหล่านั้น ขณะที่มันยังอยู่กับเรา
ที่จริงยังมีอีกหลายอย่างที่รอการชื่นชมจากเรา
ขอเพียงแต่เราใส่ใจเท่านั้นเอง ปัญหาก็คือเรามักไม่ค่อยใส่ใจ
เพราะชอบไปจดจ่ออยู่กับสิ่งอื่นที่อยู่นอกตัวหรือยังอยู่อีกไกล
การวางจิตวางใจแบบนี้ทำให้เราทุกข์ได้ง่าย ๆ
ทุกข์เพราะสิ่งที่อยากได้ยังมาไม่ถึง
ขณะเดียวกันก็ไม่ได้รับความชุ่มชื่นใจจากสิ่งที่มีอยู่แล้วกับตัว



ลองมาสำรวจดูว่าชีวิตของเราตอนนี้มีอะไรบ้างที่ควรชื่นชม
ถ้านึกไม่ออก ก็ลองไล่เลียงดูว่า สิ่งที่เรามีอยู่ตอนนี้
อะไรบ้างที่หากสูญไปจะทำให้เราทุกข์หรือย่ำแย่
ถึงตอนนี้เราจะพบว่ามีมากมาย ทั้งรูปธรรมและนามธรรม
เช่น สุขภาพดี อวัยวะครบ ๓๒ พ่อแม่ ญาติพี่น้อง คนรัก มิตรสหาย
วิชาความรู้ กินอิ่มนอนอุ่น มีอาชีพการงาน มีเวลาเป็นของตัวเอง ฯลฯ
แม้แต่ข้าวของเครื่องใช้ ตอนนี้เราอาจไม่เห็นค่าเพราะอยากได้อันใหม่ที่ดีกว่า
แต่ลองนึกดูว่าหากมีใครขโมยสิ่งเหล่านั้นไป
เราจะรู้สึกอย่างไร เราไม่ควรนึกเสียดายต่อเมื่อมันสูญหายไปแล้ว
แต่ควรจะชื่นชมหรือเห็นคุณค่าของมันขณะที่ยังอยู่กับเรา



การรู้จักชื่นชมสิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่จะทำให้เราตระหนักว่า
ทุกวันนี้เราก็มีความสุขมากมายอยู่แล้ว
ความสุขไม่ใช่สิ่งที่ต้องชะเง้อหาจากอนาคต
และไม่ต้องรอให้ถูกรางวัลที่ ๑ ก่อน
แท้จริงความสุขมีอยู่กับเราแล้วทุกขณะ
อย่างน้อย ๆ เราก็ยังโชคดีกว่าคนอื่นอีกมากมายที่ไม่มีอย่างที่เรามี


การรู้จักชื่นชมสิ่งต่าง ๆ ที่เรามีอยู่ รวมทั้งสิ่งที่อยู่รอบตัว
จะช่วยให้เราเป็นคนไวต่อความสุข แม้สิ่งดี ๆเพียงเล็กน้อย
ก็สามารถบันดาลใจให้เป็นสุขได้
ปัญหาของคนทุกวันนี้ก็คือ ไวต่อความทุกข์มากกว่า
ใช่หรือไม่ว่าเรามักจะจดจำคนที่ตำหนิติเตียนเราได้ดีกว่าคนที่ชมเรา
ใครที่เอาเปรียบเรา เราจะจำเขาได้แม่นกว่าคนที่เอื้อเฟื้อเรา
คนที่เกลียดเราจะประทับแน่นในใจเราได้นานกว่าคนที่ชอบพอเรา
ช่วงเวลาที่มีความสุขกายสบายใจจะไม่แจ่มชัดในความทรงจำ
เท่ากับช่วงเวลาที่มีความทุกข์หรือเจ็บป่วย
เวลาได้เงินจะสุขไม่เท่ากับทุกข์เมื่อเสียเงิน แม้เป็นเงินจำนวนเท่ากัน


เป็นเพราะเราไวต่อความทุกข์หรือสิ่งที่เป็นลบ
เราจึงรู้สึกว่าแถวที่เราต่อคิวมักจะเคลื่อนช้ากว่าแถวอื่นเสมอ
ทั้ง ๆ ที่หลายครั้งแถวของเราเคลื่อนเร็วกว่าแถวอื่น
แต่เหตุการณ์อย่างนั้นเราจะจำได้น้อยกว่าเวลาที่แถวของเราเคลื่อนช้า
คนที่ไวต่อความทุกข์จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโชคร้าย
แต่แท้จริงแล้วนั่นเป็นเพราะเขาด้านชาต่อสิ่งดี ๆ ที่เข้ามาในชีวิตต่างหาก


อยากให้ชีวิตมีความสุข นอกจากทำความดีแล้ว
ต้องฝึกใจให้ไวต่อความสุขและรู้จักชื่นชมสิ่งดี ๆ ที่เรามีอยู่ในตอนนี้ให้มาก ๆ


ไม่มีใครในโลกนี้ที่ได้ ๒๐ ล้านบาทมาเปล่า ๆ ฟรี ๆ
ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่าง(หรือหลายอย่าง)
ดังนั้นก่อนที่อยากจะได้อะไร ถามตัวเองดูบ้างว่า
มีอะไรบ้างที่อาจจะต้องเสียไปเพื่อแลกกับสิ่งนั้น
และเราพร้อมหรือยังที่จะเสียสิ่งเหล่านั้นไป



ที่มา... budpage.com


:b48: :b8: :b48:

เจ้าของ:  ธรรมบุตร [ 04 มิ.ย. 2010, 18:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ไวต่อความสุข

รูปภาพ

:b8: อนุโมทนา..สาธุ..จร้า..น้องลูกโป่ง :b8:

เจ้าของ:  วรานนท์ [ 04 มิ.ย. 2010, 19:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ไวต่อความสุข

:b8: :b8: :b8:

อนุโมทนาสาธุด้วยครับคุณลูกโป่ง smiley smiley smiley

:b8: :b8: :b8:

ไฟล์แนป:
775.gif
775.gif [ 4.15 KiB | เปิดดู 3447 ครั้ง ]

เจ้าของ:  O.wan [ 05 มิ.ย. 2010, 07:20 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ไวต่อความสุข

cool ตามมาสาธุ....สาธุ....ด้วยคนค่ะ...คุณลูกโป่ง...
วันนี้วันเสาร์ พักผ่อนให้สบายนะ...อ้อ...อย่าลืมนำธรรมะดีๆมาฝากด้วยนะคะ
:b16: :b29:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/