วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 11:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2010, 18:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 16:17
โพสต์: 31

แนวปฏิบัติ: มีสิ่งสมมุติ รู้ทันสมมุติ ใช้สมมุติ วางสมมุติ ไม่มีสมมุติ
งานอดิเรก: ฝึกธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ธรรม
ชื่อเล่น: โอ ระยอง
อายุ: 45
ที่อยู่: 4/177 หมู่บ้านชณากาญจน์1 ระยอง

 ข้อมูลส่วนตัว


จักรวาลและโลกนี้เกิดขึ้นมายังไงและกำลังทำอะไรอยู่เนี๊ย
...................................
...ผมตั้งคำถามนี้ในใจมาตลอดที่เกิดจำความเป็นมนุษย์มาได้
สงสัยโคตะระ สงสัยหาใน Google ก็ได้คำตอบแบบ
ยังต้องสงสัยต่อไปเรื่อยๆบทสรุปก็คือ...ไม่มีใครรู้ แน่นอน
แต่แล้วใน วันหนึ่ง...ขณะที่ผมกำลังขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อไปทานอาหารเจ
ฉับพลันหัวสมองของผมก็ตั้งคำถามเดิมๆมาอีกว่าสิ่งต่างๆที่เราเห็นและสัมผัส
ความเจ็บปวด ความจน ความทรมาน ความรู้สึก อารมณ์ต่างๆ เมียลูก
พ่อแม่ พี่น้อง ปู่ย่า ตายาย เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าที่ เจ้าทาง พระพรหม...
จนถึงโลกนี้จักรวาลนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง ถามย้ำๆกับสมองตัวเอง
ช่วงหลังๆไม่รู้เป็นอะไร สมองของผมนั้น จะหาคำถาม และหา คำตอบเองแบบว่า
ส่วนมากจะเกี่ยวกับธรรมมะครับ ถามเองแล้วก็ตอบเองไม่ต้องคิดเข้าข้างตัวเองถามแล้ว
ก็รอคำตอบไม่ต้องคิดให้สมองเค้าตอบมาเองซึ่งก็ได้คำตอบที่น่าพอใจหลายๆครั้งครับ
ขณะที่ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่า...โลกนี้จักรวาลนี้เกิดขึ้นได้ยังไง
เหมือนกับว่าหัวสมองมันอึ้งไปเลยคล้ายกับว่าคำถามนี้มันยากเหลือเกิน
สมองมันคิดของมันเองตอนแรกมันจะอื้อๆครับผมเองไม่ได้คิดช่วยครับผมก็ทำใจสบายๆ
ถามมันไปเรื่อยๆคิดเล่นๆว่าคงจะไม่ได้คำตอบหรอกครับ
เพราะตัวผมเองก็ไม่รู้คำตอบครับ แล้วก็คิดว่าไม่มีใครรู้แน่ชัดอยู่แล้ว ผมคิดอย่างงี้
แต่แล้วเหมือนมีเสียงมาจากไหนไม่รู้พรวดใสแจ๋วเข้ามาในสมองผม ปัง
เสียงดังฟังชัด พอได้ฟังคำตอบ ปั๊บ ขนทั้งตัวผมลุกไปหมดครับ
มันเป็นคำตอบ ที่ถูกใจ ถูกต้อง ที่สุด เท่าที่ผมหามาตลอดชีวิตผมเลยครับ
.....เสียงฟังดังใสชัดแจ๋วในสมองว่า.....
..............................................
( ก็เอ็งตื่นไง มันถึงมีโลกมีจักรวาลนี้ ขึ้นมา ถ้าเอ็งหลับ..หลับในที่นี้หมายถึงตายนะครับ..
โลกนี้จักรวาลนี้ มันก็ไม่มีหรอก รู้หรือยังหล่ะ คำถามง่ายๆ รู้หรือยังหล่ะทีนี้)
..............................................
โล่งครับ พอผมได้คำตอบขนหัวลุกโล่งเบาทันทีครับมันเหมือนผมตอบโจทย์ถูกต้องเถียงไม่ออกเลยครับ
พอผมได้คำตอบอย่างนี้ก็ถึงร้านอาหารเจ พอดีครับจอดรถลงไปหาข้าวกิน
ผมนั่งกินอาหารเจ อย่างมีความสุขที่สุดครับเหมือนยกภูเขาออกจากอก มันใช่เลย
นี่แหละคือคำตอบที่ถูกใจถูกต้องที่สุดในโลกครับ ใช่เลยๆๆๆๆ สมองผมว่าอย่างนี้โล่งครับโล่ง
จริงๆ คำว่าตื่นแล้วถึงมีโลกนี้จักรวาลนี้ ขึ้นมา มันก็มาคิดต่ออีกว่า เราก็ไม่ใช่คนที่ตื่นมาคนแรกของโลกนี่หว่า
.....แล้วใครหล่ะ???
(ความคิดของผม การตื่นคือ...การตื่นขึ้นมารับรู้สรรพสิ่งรอบตัวรับรู้ดินน้ำลมไฟหนาวร้อนอ้างว้าง)
ทุกๆคนที่ตื่นขึ้นมาในโลกนี้ขณะนี้ไม่ใช่คนแรกที่ตื่นขึ้นมารับรู้ โลกนี้ จักรวาลนี้ ใช่ไหมครับ
แล้วถามว่าถ้ายังงั้นจะต้องมีคนที่ตื่นเป็นคนแรกของจักรวาลของโลกนี้
ตื่นขึ้นมารับรู้สิ่งรอบตัว...พรวดปิ๊ง...ใครปลุกก็ไม่รู้ ตื่น...
เป็นคนแรกของโลก แล้วใครหล่ะที่ตื่นเป็นคนแรกของโลกนี้เป็นสัตว์หรือเป็นคน
มีร่างกายหรือไม่มีร่างกาย หรือเป็นพลังงานที่ตื่น มีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ตัวนี้หล่ะคือคำตอบ
ว่าโลกนี้จักรวาลนี้ และจักรวาลอื่นๆกาแล็คซี่อื่นๆเกิดขึ้นได้อย่างไร
คำตอบต้องถาม เจ้าคนที่ตื่นเป็นคนแรกของโลกนี้ นี่แหละตื่นเพราะอะไรใครปลุกมา
คนที่ตื่นขึ้นมาเห็นรับรู้คนแรกของโลกของจักรวาลนี้ ต้องมีแน่นอน ต้องมีคนตื่นก่อนเราแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นอะไรสิ่งนี้เป็นตัวสร้างสรรพสิ่งอย่างแน่นอนที่สุด ชัวร์ป๊าด
สมมุติว่า...ตัวของเราไม่รู้ว่ามีตัวเรานี้อยู่ อยู่ๆก็ตื่นขึ้นมาโพ๊ะเป็นคนแรกของโลกของจักรวาลนี้ มัวเงียๆ
หลังจากหลับไหลหรือนิ่งเงียบมานานเท่าไรไม่รู้อะไรก็แล้วแต่ ด้วยเหตุปัจจัยอะไรก็แล้วแต่ ที่หลับอยู่
พอ ใส่กุญแจ Start เครื่องตื่นปุ๊บก็ต้องมารับรู้สัมผัสรู้เราก็จะสัมผัสได้ถึงความอ้างว้างโดดเดี่ยว
มืดสุดกู่ สุดลูกหูลูกตามีแต่เราคนเดียวนี่หว่าพอตื่นมาแล้วก็ไม่อยากหลับ แต่ว่าเรามีพลังนะมีมากเสียด้วยซิ
ถ้าเราไม่มีแรงคงตื่นขึ้นมาไม่ได้หรอกใช่ไหมครับตอนตื่นมา ต้องมีพลัง ไม่มีพลังก็ตาย
แม้แต่รูปร่างยังไม่รู้เป็นยังไงมองก็มองไม่เห็นได้แต่ว่ารับรู้ อะไร อะไรและอะไรและอะไร งง งง
สักพักก็ต้งหลักได้สบาย ก็เกิดความอยากขึ้นมา ไอ้ความอยากนี่หล่ะจะสร้างสรรพสิ่งต่อๆไป
ไม่ยังงั้นมนุษย์คงไม่เจริญมาถึงขนาดนี้หรอกครับ มีรถมีเครื่องบิน แล้วจะมีแปลกๆมาอีกเรื่อยๆครับผมว่า
ความอยากของผมนั้นสมองของผมแปลบอกว่ามันก็คือ...วิวัฒนาการ...นี่เองพออยากปุ๊บ
วิวัฒนาการมันก็เกิดของมันไปเรื่อยๆซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆยากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ภูเขาไฟมันยังอยากมีรูเลยครับ
ตั้งแต่เจ้าตัวที่ตื่นคนแรกเค้าอยากวิวัฒน์มันก็ต้องสร้างใช่ไหมครับ
เจ้าคนที่ตื่นคนแรกนี้มันคงจะมีพลังมากจริงๆครับสร้างดาวโน้นดาวนี้ใหญ่บ้างเล็กบ้าง
ร้อนบ้างเย็นบ้างแล้วก็ไม่ไปอยู่ซักทีสร้างดวงอาทิตย์ดวงจันทร์ก็ไม่ไปอยู่
ไอ้ความร้อนความเย็นเค้าคงไม่กลัวหรอกครับเพราะเค้ายังไม่มีกายเนื้อ เผลอๆจักรวาลนี้ทั้งหมดคือตัวเค้าเองด้วยซ้ำ
ก็เลยสร้างดวงดาวต่างๆมากมายสร้างมันไปเรื่อยๆก็ยังไม่ชอบใจในที่สุดเอาก็เอาว่ะโลกใบนี้หล่ะว่ะ
ดีที่สุดแล้วมีร้อนอุ่นมีมืดมีสว่างกำลังดีเป็นความอยากแห่งวิวัฒนาการของคนที่ตื่นคนแรกของจักรวาลและของโลกนี้
พออยู่มาไม่ชอบตรงนี้ก็ทำตรงนั้นไม่ชอบตรงนั้นก็ทำตรงนี้ ทุกวันนี้เจ้าตัวหรือคนหรือพลังงานอะไร
ก็แล้วแต่ที่ตื่นขึ้นมาเป็นคนแรกของโลกเค้าก็ยังไม่พอใจครับเค้าก็ยังวิวัฒน์ของเค้าไปเรื่อยๆซักวันหนึ่ง
เค้าวิวัฒน์จนเค้าคิดว่ามันไม่ดีนี่หว่าเอาใหม่ดีกว่าเมื่อนั้นก็จะถึงวันสิ้นสุดของมนุษย์โลกครับ
เค้าจะลบทำลายแล้วสร้างใหม่อย่างนี้เค้าเรียกว่า หนึ่งกัลป์ ครับเพราะเค้าคิดว่ามันไม่ดี ทำใหม่ดีกว่าแป๊บเดียวเอง
ก็เพราะพวกเรานี่แหละทำเกินกว่าที่เค้ากำหนดเค้าก็จะหันมาทำลายเราเราต้องปรับปรุงตัวเพื่อให้เค้าเห็นว่า
เค้าทำดีแล้วสุขแล้วเรากับเค้าก็จะอยู่ร่วมกันได้อีกนานอย่าให้เค้าต้องสร้าง กัลป์ ใหม่ๆเลยเราต้องปรับปรุงตัวนะ
ทุกวันนี้มนุษย์เราพยายามจะเอาชนะธรรมชาติผู้ซึ่งเป็นคนสร้างเรามาและสรรพสิ่งต่างๆขึ้นมา
สิ่งที่มนุษย์เราต้องการเอาชนะมากที่สุดที่สุดก็คือการเอาชนะความตายอยู่เป็นอมตะ นิรันดร
ไม่แก่ไม่ตาย แต่เจ้าคนที่ตื่นคนแรกเค้าคงไม่ยอมหรอกครับเมื่อไหร่ถ้าเราเอาชนะความตายได้
เมื่อนั้นหล่ะเจ้าคนที่ตื่นคนแรกเค้าจะยอมแพ้เราเอง เราก็จะรู้เองว่าเจ้าคนนี้มันเป็นใครกันแน่
การจะเอาชนะความตายได้มีอยู่หนทางเดียวเท่านั้นก็คือจิตที่หลุดพ้นจากพันธนาการจากเจ้าคนที่ตื่นเป็นคนแรก
เค้าสร้างให้อะไรเรามามากมายเราก็ไม่เอาทั้งนั้น ไม่ยึดไม่หมายไม่เอาเค้าก็ทำอะไรเราไม่ได้มาบังคับเราก็ไม่ได้
เค้าจะไม่ใช่เจ้านายเราอีกต่อไปเมื่อนั้นเราก็ไม่ต้องกลับมาให้เค้ามาวิวัฒนาการเราอีกต่อไป
ตายแล้วเกิดเกิดแล้วตายนี่คือสิ่งหนึ่งในวิวัฒนาการของเค้าครับไม่รู้จบสิ้นเป็นลูกน้องเค้าไปตลอดไม่รู้กี่ชาติแล้ว
เพราะความอยากนี่แหละครับทำให้พวกเราต้องวิวัฒนาการกันไม่รู้จักจบจักสิ้น อาจจะหลายกัลป์แล้วนะ
แต่ถ้าเมื่อใดที่เค้าคนที่ตื่นคนแรกของโลกนี้หมดความอยากไม่มีวิวัฒน์เมื่อนั้นไม่มีโลกนี้ไม่มีจักรวาลนี้
กลับไปเหมือนตอนที่คนตื่นคนแรกของโลกคนนี้เค้ายังไม่ตื่นขึ้นมา นั่นล่ะจบ หมดโลก หมดคำถาม
ถ้าพวกเราทิ้งความอยากได้เราก็จะหลุดพ้นจากห้วงเหวแห่งวิวัฒนาการของเค้าผมคิดว่าเค้าคงอยาก
ให้พวกเราทั้งหมดในโลกนี้หลุดพ้นจากพันธนาการของเค้าจนไม่เหลือในโลกนี้แม้แต่คนเดียว
เมื่อนั้นแหละเค้าก็จะได้หลับไปตลอดกาลเค้าคงจะเริ่มเบื่อหน่ายในสิ่งที่เค้าตื่นแล้วอยากคือวิวัฒนาการ
แล้วหล่ะ สังเกตุในสิ่งที่เค้าทำซิ ภัยภิบัติต่างๆในโลกนี้ มันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ
เค้าอยากให้พวกเรากลับบ้านเก่ากลับไปอยู่กับเค้าอยู่ด้วยกันกับเค้าแล้วเค้ากับเราจะหลับไปด้วยกันชั่วนิรันดร์..
................................................
......โอม..ถึง..นิพพานัง เถิด...พวกเรา......
................................
ป.ล.หากสิ่งที่ผมเขียนนี้พอจะยังมีประโยชน์บ้าง
ขอให้เป็นปัจจัยส่งผลให้ตัวผมหลุดพ้นจากวังวนแห่งวิวัฒนาการนี้ด้วยเถิด...สาธุ
หากผมใช้คำพูดใดไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกใจใครได้โปรดอภัยให้ผมด้วยนะครับ

..................................................
โลกนี้โดนไฟบรรลัยกัลล์เผามาไม่รู้จักกี่ครั้งแล้ว สังเกตุได้จากดินที่โดนเผาจนละเอียด
กลายเป็นแป้งทับถมเป็นชั้นธาตุต่างๆที่ตกผลึกมากมาย พื้นดินแตกแยกออก
เพราะความร้อน มีรูมีโพรงมีถ้ำเพราะความร้อนทั้งนั้นนี่คือเรื่องจริง
ลองสังเกตุดินซิละเอียดเพราะ อะไรถูกไฟบรรลัยกัลล์เผาจนเป็นแป้งตกผลึกเป็นชั้นๆ
มากี่ครั้งแล้ว ไฟเผาจนโลกนี้กลมดิ๊กเป็นผลส้ม ลองเปรียบเทียบสังเกตุ
ตะกั่วเส้นที่เราเชื่อมซิมันเป็นเส้นๆ แต่พอเจอความร้อนขณะ บัดกี
ขณะร่วงมาอยู่ในอากาศตะกั่วมันกลมดิ๊กเลย ใช่ไหมครับโลกนี้มันพยายาม
ทำอะไรอยู่มันมีชีวิตนะสักวันโลกนี้จะสร้างกัปป์ใหม่ตรงไหนตอนไหนแค่นั้นแหละ
ผลสุดท้ายเราก็เป็นดินทับถมในโลกนี้ดินแร่ธาตุทั้งหมดมันก็คือเถากระดูก
และเนื้อหนังเรานี่เองที่ทับถมตายๆมากี่ครั้งแล้วโดนไฟเผามากี่ครั้งแล้ว
ดินที่เราย่ำอยู่กี่มีแต่ซากคนที่ตายแล้วทั้งนั้นทับถมมาประมาณเวลานานนนนนน
แสนนานนนนหลายกัลป์หลายล้านๆXล้านๆปีเชื่อผมไหม
...ข้อมูลเกี่ยวข้องกันครับตรงนี้...
ทฤษฎีสัมพันธภาพโลกและดวงอาทิตย์

...โลกและดวงอาทิตย์เกิดมาเมื่อไหร่ใครเป็นผู้สร้างเราไม่รู้แต่ที่รู้รู้ก็คือดวงอาทิตย์มีประโยชน์
ต่อสิ่งมีชีวิตในโลกทั้งหมด อย่างเอนกอนันต์ ต่อโลกเรานี้มาแสนนาน ตั้งแต่ยังไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย
หากไม่มีแสงสว่าง และความอบอุ่นจากดวงอาทิตย์แล้ว ก็คงไม่เกิดสิ่งที่มีชีวิตเป็นแน่แท้คงจะมีแต่แผ่นดิน
แล้วก็ความมืด ปกคลุมเท่านั้น...
...ดังนั้นดวงอาทิตย์มีแต่ให้กับให้กับเราอย่างไม่ขออะไรตอบแทนเปรียบเหมือนคนที่ทำความดี
โดยมิหวังสิ่งตอบแทนอันใดเลย โลกใบนี้มีแต่ได้กับได้จากดวงอาทิตย์อย่างเดียว ถ้าเราเป็นโลกแล้วมีคนมาช่วยดูแลเรา
โดยมิหวังสิ่งตอบแทน เราจะสำนึกที่จะตอบแทนเค้าไหม (มีแน่นอน)แต่เราและโลกใบนี้จะตอบแทนเค้าแบบไหนดีหล่ะ
ทุกวันนี้โลกเราใบนี้กำลังสะสมเชื้อไฟและพลังงานอะไรบางอย่างเพื่อตอบแทนความดีจากดวงอาทิตย์อยู่ คุณรู้ไหม
ผมจะบอกให้กระจ่างแจ้งเลยตอนนี้โลกใบนี้เปรียบเหมือนถังเชื้อเพลิงใบใหญ่ ที่กำลังดูดซับพลังงานเชื้อเพลิง
เชื้อติดไฟทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นธาตุหนักและธาตุเบามาเป็นเวลาหลายๆล้านๆปีแล้ว อยู่ๆมนุษย์ดันมาใช้ทรัพยากร
ของโลกที่โลกสะสมมาเป็นเวลาล้านๆปีเพื่อประโยชน์ของตัวเองโดยที่โลกนี้ไม่ยินยอมจึงสั่นคลอนภัยต่างๆ
เกิดขึ้นมากมายเป็นการเตือนจากโลกของเราเองแต่ยังไม่ถึงเวลาทำลายโลกนี้หรอก จะบอกให้
เพราะถังน้ำมันพลังงานเชื้อเพลิงที่โลกสะสมรวมถึงก๊าซต่างๆในอากาศด้วยนะครับมันยังไม่เต็มพอที่จะเดินเครื่องได้ จุดชนวนได้
ถามว่าโลกกำลังจะทำอะไร ผมจะบอกให้ โลกของเรากำลังสะสมพลังงานจากชีวิตคน สัตว์ พืชพันธ์
เพื่อจุดตัวเองให้กลายเป็นดวงอาทิตย์ แต่คนเราดันไปขโมยของที่เค้าสะสมเพื่อเป็นพลังงานของโลกมาใช้
เค้าก็จะทำร้ายเราเพื่อความสมดุลย์กับพลังงานที่เค้าเสียไปยิ่งขโมยเค้ามากเท่าไหร่เค้าก็ยิ่งเอาคืนเท่านั้น
แต่ให้ระวังพลังงานที่เค้าเสียไปนั้นมันไม่หายไปไหนเพียงแต่แปรสภาพไปเท่านั้น
สักวันมันก็หวนตกมาเป็นของเค้าอยู่ดี ไม่ไปไหนหรอก เมื่อคน สัตว์ พืช เป็นเชื้อไฟที่โลกต้องการแล้ว
เค้าจะให้เราอยู่เพื่อเพิ่มเผ่าพันธ์เพื่อให้กลายสภาพเป็นน้ำมัน หรือพลังงานให้เค้าสะสมจนฉ่ำในโลกนี้พร้อมที่จะจุดแล้ว
...ไฟแช็คใต้โลกก็จะจุดตัวเอง...
โลกนี้จะลุกเป็นไฟ กลายเป็นดวงอาทิตย์เผาทุกอย่างวอดวายไม่เหลือซาก จนกว่าจะหมดเชื้อไฟที่สะสม
เชื่อได้เลยว่าขณะที่โลกลุกเป็นไฟทั้งโลก ดวงอาทิตย์ของจริงก็หมดเชื้อไฟพอดี โลกเรานี้จะลุกเป็นไฟเพื่อช่วยดวงอาทิตย์ที่กำลังจะดับลง
ดวงอาทิตย์จะกลายตาลปัตรกลายเป็นโลกมนุษย์ค่อยๆเย็นตัวลงเย็นตัวลง กลุ่มก๊าซต่างๆรวมตัวกันเป็นน้ำเป็นอากาศที่พอเหมาะ
เพื่อจะสะสมพลังงานเช่นเดียวกับโลกที่กำลังลุกเป็นไฟ ดวงอาทิตย์ที่เย็นลงแล้วแต่แกนกลางยังร้อนอยู่
ก็จะสร้างเปลือกโลกใหม่ เพื่อให้สิ่งมีชีวิตได้เกิดและวิวัฒนาการต่อไป ...
...สรุป...
...ทั้งโลกและดวงอาทิตย์ผลัดกันเป็นดวงอาทิตย์ผลัดกันเป็นโลกโดยสร้างเชื้อไฟพลังงานจากซากคน
ซากสัตว์ซากพืช สะสมเป็นล้านๆๆๆปี มาเป็นล้านๆครั้งแล้ว ไม่รู้จักจบสิ้น
ดวงอาทิตย์และโลกมีการดับและการเกิด สัมพันธ์กัน เกื้อกูลกัน โดยมีการสร้างสิ่งมีชีวิต เพื่อเป็นเชื้อเพลิงสะสมเหมือนกัน
มานานแล้ว
...ซักวันเราอาจจะได้ไปเกิดที่ดวงอาทิตย์เมื่อวันที่โลกใบนี้สะสมพลังจนเต็มถังแล้ว...
................โอ ระยอง......................


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 78 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร