วันเวลาปัจจุบัน 08 พ.ค. 2024, 10:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 13:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


ที่เขียนบทความนี้ขึ้นมา เนื่องจากเคยได้ยินการพูดถึงพระเทวทัตในน้ำเสียงที่จะถูกว่ากล่าวมาโดยตลอด
บางทีคนไม่ดีบางคนก็จะถูกเปรียบเทียบเหมือนดั่งพระเทวทัต

ผู้เขียนจะรู้สึกว่าคนที่เอ่ยถึงพระเทวทัตลักษณะนั้นอาจจะก่อเวรกรรมขึ้นมาไม่รู้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
แต่ถ้าจะเอ่ยถึงในลักษณะความเป็นจริง ยกตัวอย่างว่าพระเทวทัตทำอย่างนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ดี โดยไม่เอาความรู้สึกส่วนตัว ความไม่พอใจใส่เข้าไปขณะที่พูดถึง เพื่อที่จะยกตัวอย่างเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้ฟัง ก็จะน่าเป็นการกระทำที่เหมาะสมกว่า

ประวัติอย่างย่อของพระเทวทัต

ในชาติก่อนที่จะเป็นพระเทวทัต ได้มีกล่าวถึงพระเทวทัตในชาดกต่างๆ ในลักษณะเป็นคู่เวรของพระโพธิสัตว์ ทั้งหมด ๗๘ ชาดก โดยที่ชาติแรกที่เป็นปฐมในการจองเวรนั่นคือ เสรีววาณิชชาดก ในชาติที่พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพ่อค้าวาณิช
พระเทวทัตนั้น เป็นพระโอรสของพระเจ้าสุปปพุทธะแห่งโกลิยวงศ์ ในพระนครเทวทหะ กับพระนางอมิตา พระกนิษฐภคินี(น้องสาว) ของพระเจ้าสุทโธทนะ (พระพุทธบิดา) อีกทั้งพระเทวทัตยังเป็นพี่ชายของพระนางยโสธราพิมพา
ได้ออกบวชเมื่อครั้งที่พระพุทธองค์เสด็จมาทรงโปรดพระประยูรญาติครั้งแรกที่กรุงกบิลพัสดุ์ เนื่องจากความโลภด้านลาภสักการะทำให้พระเทวทัตประพฤติตัวออกนอกลู่นอกทาง จนถึงขั้นลอบปลงพระชนม์พระพุทธองค์ ทำหมู่สงฆ์ให้แตกแยก เป็นเหตุให้พระเทวทัตโดนธรณีสูบในที่สุด ระหว่างที่โดนธรณีสูบลงไปนั้น ตั้งแต่ข้อเข่าจนถึงคาง พระเทวทัตได้ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธองค์ได้กล่าวสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้า และถวายตั้งแต่กระดูกคางที่เหลืออยู่เป็นพุทธบูชา(ด้วยถูกธรณีสูบตั้งแต่ข้อเท้ามาถึงคาง จึงใช้อวัยวะที่เหลืออยู่นี้ถวายเป็นพุทธบูชา) หลังจากนั้นก็โดนธรณีสูบจนหมดทั้งร่าง ลงไปสู่อเวจีมหานรก

พระพุทธองค์ทรงทำนายให้พุทธบริษัทฟังว่า พระเทวทัตเมื่อเสวยทุกข์อยู่ในนรกอเวจี ๑ กัปแล้ว ภายหลังก็จะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์และจะได้ตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้านามว่า อัฏฐิสสระ ด้วยอำนาจผลบุญที่ถวายกระดูกตั้งแต่คางที่เหลืออยู่ในร่างกายนี้เป็นพุทธบูชา

พระเทวทัตยังเป็นพระภิกษุรูปหนึ่งในพระพุทธศาสนา

ถึงแม้พระเทวทัตจะประพฤติตัวเป็นศัตรูกับพระพุทธเจ้า แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ ก็คือ พระเทวทัต ก็ยังคงเป็นสาวกรูปหนึ่งของพระพุทธเจ้าที่ได้กล่าวคำบวชต่อหน้าของพระพุทธเจ้า อีกทั้งพระเทวทัตยังไม่ต้องอาบัติปาราชิกดังนั้น สถานะความเป็นพระภิกษุยังคงมีอยู่ในพระเทวทัต และในตอนต้นที่พระเทวทัตออกบวชนั้น อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นการออกบวชด้วยศรัทธา มีความตั้งใจที่จะปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์ สามารถปฏิบัติธรรมจนได้ฌานมีฤทธิ์มาก

พระเทวทัตเป็นผู้ทำให้เกิดประโยชน์มากมายต่อศาสนาพุทธ

ในอีกสถานะหนึ่ง ท่านยังเป็นผู้มีพระคุณต่อชาวพุทธเรา เนื่องด้วยพระเทวทัตจึงทำให้ก่อประโยชน์มากมายดังนี้

๑. ระหว่างบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ ด้วยลักษณะการจองเวรของพระเทวทัต เมื่อพิจารณาแล้วก็เป็นเหมือนกับกับหินลับมีด ซึ่งช่วยให้พระโพธิสัตว์ สามารถบำเพ็ญบารมีได้อย่างอุกฤษฏ์ ตัวอย่างเช่น ในชาติที่เกิดเป็นชูชก ได้เข้ามาขอบุตรต่อพระเวสสันดรทำให้พระเวสสันดรได้กระทำสิ่งยากยิ่ง ๗ อย่างได้สำเร็จ แม้แต่แผ่นดินยังไหวเมื่อพระเวสสันดรผ่านการทดสอบ (อ้างอิง จากคัมภีร์ มิลินทปัญหา การตอบปัญหาเรื่องทานของพระเวสสันดร)
๒. ความประพฤติของพระเทวทัตต่างๆนั้น ไม่ได้ทำให้พระพุทธศาสนา และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องมัวหมองหรือเสื่อมลงไป ในทางตรงกันข้ามกลับทำให้ผู้คนรู้จักคุณของพระองค์ยิ่งใหญ่สว่างไสวมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ในเหตุการณ์ตอนช้างนาฬาคิรี จะเข้ามาทำร้ายพระพุทธองค์ พระเทวทัตเป็นต้นเหตุในการปล่อยช้างนาฬาคิรี มาทำร้ายพระพุทธเจ้า ท้ายที่สุดพระพุทธองค์ทรงแสดงพุทธานุภาพ แผ่พลังเมตตาไปสู่ช้าง ทำให้ช้างสงบลง ลดงวงและหูทั้งสองข้างไปหมอบอยู่แทบพระบาทของพระองค์ ประชาชนทั่วไปเห็นปาฏิหาริย์นี้ จึงได้ส่งเสียงปรบมืออื้ออึง โยนผ้าอาภรณ์ต่างๆไปคลุมตัวช้าง หลังจากนั้นก่อนที่ช้างนาฬาคิรีจะกลับยังโรงช้าง ช้างนาฬาคิรีได้เอางวงของตัวเอง ลูบที่ละอองธุลีพระบาทของพระพุทธองค์แล้วพ่นลงใส่ศีรษะตน จากนั้นค่อยกลับโรงช้างด้วยความสงบ เหตุการณ์ครั้นนั้นทำให้ผู้คนได้ประจักษ์ถึงคุณพระพุทธเจ้าได้ชัดยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นโอกาสให้พระอานนท์ได้แสดงถึงความกตัญญู ยอมสละชีวิต เอาตัวบังพระพุทธองค์เพื่อป้องกันช้างจะเข้ามาทำร้ายพระพุทธองค์ ต่อมาพระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงชาดกที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้อีก (จุลหังสชาดก มหาหังสชาดกและ กักกฏกชาดก)
๓. ก่อให้เกิดการแสดงธรรม โดยที่บทบาทของพระเทวทัตต่างๆเป็นเหตุให้พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมต่างๆ
- พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปรารภพระเทวทัต ถึง ๑๔ พระสูตร
- ชาดกที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปรารภพระเทวทัต ทั้งโดยตรงและโดยอ้อมจำนวน ๖๔ ชาดก
๔. ก่อให้เกิดการบัญญัติสิกขาบท
๕. เป็นสาเหตุให้บุคคลทั้งหลายเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ เช่น นายขมังธนู ๓๒ คน ที่ถูกส่งไปปลงพระชนม์พระพุทธองค์ภายหลังได้ฟังธรรมและบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันทั้งหมด

พระเทวทัตเป็นพระญาติของเจ้าชายสิทธัตถะ

อีกทั้งท่านยังเป็นพระญาติของเจ้าชายสิทธัตถะ นั่นคือ
- พระมารดาของพระเทวทัต เป็นน้องสาวของ พระบิดาของเจ้าชายสิทธัตถะ
- น้องสาวของพระเทวทัต เป็นมเหสีของเจ้าชายสิทธัตถะ
- พระเทวทัต เป็นลุงของพระราหุล
- พระเทวทัต เป็นเพื่อนเล่นกับศากยกุมารทั้งหลายที่ออกบวช โดยเคยเป็นเพื่อนเล่นกัน ตั้งแต่ยังเป็นพระกุมารพร้อมกับศากยกุมารอีก ๔ คือ ภัททิยกุมาร อนุรุทธกุมาร กิมพิลกุมาร และภคุกุมาร

พระเทวทัตเป็นว่าที่พระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคต

และที่สำคัญพระเทวทัตเป็นว่าที่พระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคต นั่นคือ ได้รับพุทธทำนายจากพระพุทธองค์ว่า พระเทวทัตเมื่อเสวยทุกข์อยู่ในนรกอเวจี ๑ กัปแล้ว ภายหลังจักได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์และจะได้ตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้านามว่า อัฏฐิสสระ ด้วยอำนาจผลบุญที่ถวายกระดูกคางเป็นพุทธบูชา
ผู้ใดที่เคยคิดกล่าววาจาว่ากล่าว หรือไม่พอใจเป็นอกุศลจิตต่อพระเทวทัต นั่นหมายความว่าได้กระทำการล่วงเกิน โดยสร้างวจีกรรม มโนกรรมต่อ
- ผู้ที่ได้สำนึกผิดแล้ว สามารถดูได้จากเหตุการณ์ก่อนโดนธรณีสูบ พระเทวทัตนอนป่วยอยู่ ๙ เดือน ได้มีความสำนึกผิดเพราะไม่สามารถไปเองได้เนื่องจากป่วย จึงได้บอกศิษย์ให้พาไปเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อขอขมากรรม
- พระภิกษุสาวกรูปหนึ่งของพระพุทธเจ้า
- ผู้ที่ทำประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาอย่างมาก
- ผู้ที่จะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคต

แทนที่จะไม่พอใจท่าน ชาวพุทธทุกคนควรจะสำนึกบุญคุณของท่านมากกว่า จึงขอเชิญชวนทุกท่าน ระลึกถึงพระคุณของท่านในส่วนที่ได้ทำประโยชน์แก่พุทธศาสนา และให้ส่วนบุญส่วนกุศลแก่ท่านเพื่อที่ท่านจะได้บรรเทาจากความทรมาน เมื่อท่านได้มาเกิดในภพภูมิที่สามารถรับบุญกุศลได้ หรือไม่ก็อาจจะพ้นจากภพภูมินั้นได้เร็วขึ้นเมื่อได้รับบุญกุศล เพราะเมื่อท่านพ้นขึ้นมาแล้ว ท่านก็จะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสรรพสัตว์อย่างมาก ส่วนท่านใดที่เคยล่วงเกินท่านทั้งทางกาย วาจาหรือทางใจ ก็ขอตั้งจิตขอขมากรรมท่าน เพื่อไม่ให้เกิดเป็นโทษจากวิบากกรรมในการลบหลู่คุณท่านสืบไป

หนังสืออ้างอิง : วิทยานิพนธ์การศึกษาวิเคราะห์บทบาทของพระเทวทัตที่ปรากฏในคัมภีร์พระพุทธศาสนา


AN ANALYTICAL STUDY OF THE ROLES OF DEVADATTA BHIKKHU AS FOUND IN THE BUDDHIST TEXTS

พระมหาไกรวรรณ ชินทตฺติโย (ปุณขันธ์)
ISBN 974-364-118-1
http://www.mcu.ac.th/thesis_file/254729.pdf

:b8: http://www.sirimitr.com

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 15:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2008, 14:07
โพสต์: 285

อายุ: 0
ที่อยู่: ประเทศไทย

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกอย่างก็เป็นไปตามกฎแห่งกรรม
พระเทวทัต ทำกรรมไม่ดีกับพระพุทธเจ้าไว้ จนถูกธรณีสูบ ต้องลงไปใช้กรรมในอเวจีนรก
พระเทวทัต ทำกรรมดีกับพระพุทธเจ้าไว้ คือ ถวายกระดูกคางเป็นพระพุทธบูชา จึงได้รับอานิสงส์ เป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้าในอนาคต

จะยกย่องหรือตำหนิ ไม่ใช่ประเด็น
แต่ขอให้ดูเป็นตัวอย่างว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

.....................................................
"ใครเกิดมา ไม่พบพระพุทธศาสนา ไม่เลื่อมใส ไม่ปฎิบัติ ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เป็นโมฆะตลอด ตั้งแต่วันเกิดจนวันตาย"

"ให้พากันหมั่นให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนา"

พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
http://www.luangta.com/

"ทำสมาธิมากเนิ่นช้า คิดพิจารณามากฟุ้งซ่าน หัวใจของการปฏิบัติคือการมีสติในชีวิตประจำวัน"
หลวงปู่มั่น

"ดูจิต...ด้วยความรู้สึกตัว"
หลวงพ่อปราโมทย์ สวนสันติธรรม ชลบุรี
http://www.wimutti.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 17 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร