ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
บุคคลาธิษฐาน กับ ธรรมาธิษฐาน โดย..หลวงปู่ลุน อุบล http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=30918 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | sirisuk [ 18 เม.ย. 2010, 20:36 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | บุคคลาธิษฐาน กับ ธรรมาธิษฐาน โดย..หลวงปู่ลุน อุบล | ||
![]() ![]() ![]() บุคคลาธิษฐาน กับ ธรรมาธิษฐาน โดย..หลวงปู่ลุน ณ อุบล นางอวิชา ผู้งามเลิศให้นางเลือกเอาคู่รักผู้ประเสริฐชายไหนซื่อสัตย์รักใคร่จริง ๆ ไม่ทอดทิ้งในยามวิบัติ นางพึงพอใจในชายนั้น ชายงามมีอยู่สามคนดังนี้คือ คนที่ ๑ ชื่อ มโนทุจริต คนที่ ๒ ชื่อ มโนสุจริต คนที่ ๓ ชื่อ มโนกิริยา คนทั้งสามคนนี้ขอแจ้งไว้ให้นางทราบล่วงหน้าว่าท้าวมโนกิริยา เป็นชายอันประเสริฐเลิศกว่าชายทั้ง ๒ ชายคนนี้เป็นชายที่อยู่นอกโลก ถ้านางอวิชามีโชคชะตาดีทั้งนางอวิชาเทวีก็จะต้องเรียนวิชาสำเร็จชั้นมหาวิทยาลัย เปลี่ยนนามกรใหม่ เรียกว่า นางวิชา ในกาลนั้น จึงจะได้เป็นอัครมเหสีของท้าวมโนกิริยา ท้าวมโนกิริยานี้เป็นลูกกษัตริย์เสวยสมบัติอยู่ในโลกอุดร แต่ในเวลานี้ท้าวเธอยังเรียนวิชาอยู่ นามกรเดิมเวลานี้เขายังให้ชื่อเรียกว่า ท้าวมโนสุจริต เมื่อเรียนจบชั้นมหาวิทยาลัยแล้วเมื่อใด ก็เปลี่ยนชื่อเรียกว่า ท้าวมโนกิริยา ท้าวมโนสุจริตกับท้าวมโนกิริยาจึงนับว่า เป็นคน ๆ เดียวกัน ส่วนนางอวิชาในเวลานี้ จึงนับว่ามีคนรักอยู่สองคน คือ ท้าวมโนสุจริต กับท้าวมโนทุจริต คนทั้ง ๒ นี้ ต่างมีทุนคนละ ๑๐ ชั่ง (กรรมบถ ๑๐) เป็นเครื่องเลี้ยงชีพของตน แล้วรักใคร่ชอบใจกับนางอวิชา ใครมีกำลังมากทั้งฝีปากดีก็แย่งเอานางงามไปสมสู่อยู่ด้วย ท้าวมโนทุจริตนี้ เมื่อได้นางอวิชาไปอยู่ด้วยย่อมเอาอกเอาใจ นางอวิชาชอบรูปเสียงกลิ่นรสอย่างไร ก็หามาให้ในทางทุจริต เป็นมิตรประจบสอพลอ ถึงเวลาตกทุกข์ได้ยาก ไม่อยากเหลียวแล ส่วนท้าวมโนสุจริต ถ้ามีกำลังมากฝีปากดี ก็แย่งเอานางอวิชาไปสมสู่ด้วย หาเลี้ยงนางอวิชาในทางสุจริต แต่ไม่ชอบปล่อยตามใจนางอวิชา ไม่ชักพาให้ยินดีในรูปเสียงกลิ่นรส มุ่งจะให้นางอวิชาได้ประโยชน์ ทั้งบอกวิชาความรู้ให้นางอวิชามีความรู้เสมอไป ทั้งเป็นมิตรที่รักใคร่ ไม่ทอดทิ้งในยามวิบัติ แต่ถึงอย่างไรก็ตามนางอวิชาในเวลาที่ถูกชายทั้ง ๒ นี้ แย่งสิทธิ์กัน นางอวิชาย่อมผันแปลไปตามอารมณ์ อันเป็นบ่อเกิดแห่งความกำหนัดขัดเคือง ถึงกับน้ำตาไหลอาบหน้า อันเกิดแต่บาปกรรมที่ท้าวมโนทุจริตทำไว้ ในที่สุดนางอวิชาสังเกตรู้ในชายชู้อันมีนามว่า ท้าวมโนทุจริต จะคิดอะไรก็ไม่เป็นประโยชน์ นำแต่โทษเข้ามาใส่ จึงสิ้นอาลัยไม่คบหาสมาคม ช่วยให้กำลังแก่ชายชู้อันชื่อว่า ท้าวมโนสุจริต มโนสุจริตมีกำลังมาก จึงคิดฆ่าชายชู้อันเป็นคู่ปรปักษ์ให้ถึงแก่ความตาย ด้วยอุบายปัญญา และวิชาความรู้ สอบไล่ได้ชั้นมหาวิทยาลัย อาจารย์เปลี่ยนชื่อใหม่เรียกว่า มโนกิริยา ทั้งนางอวิชาก็สอบไล่ได้พร้อมกัน อาจารย์จึงเปลี่ยนชื่อให้ใหม่ มีนามว่า นางวิชา คนทั้ง ๒ นับว่าเป็นคู่รักกันอย่างสนิทสนม ทั้งวิชาก็สำเร็จชั้นอุดม ต่างพากันชื่นชมยินดี สามัคคีกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในที่สุดนางวิชาก็ได้เป็นอัครมเหสีของท้าวมโนกิริยา ท้าวมโนกิริยาก็ได้เป็นพระมหากษัตริย์ เสวยราชสมบัติแทนพระบิดา อยู่ในกรุงศรีนครโลกอุดรนิยม ก็มีด้วยประการดังนี้ สรุปความในบุคคลาธิษฐานให้เข้ากับธรรมาธิษฐานโดยใจความย่อ ๆ ในหัวข้อที่ควรจำ นางอวิชาคือ ความไม่รู้เท่าทันสังขาร (ไม่รู้เท่าบุญเท่าบาป) เป็นรากเหง้าเค้ามูลของกิเลสวัฏฏ กิเลสวัฏฏจึงเป็นปัจจัยแห่งกรรมวัฏฏ เมื่อกุศลกรรมเป็นฝ่ายมรรค ฆ่าอกุศลกรรมให้ตาย ตัวมโนสุจริตจึงกลายเป็นมโนกิริยา เมื่อบาปตายหมดมีแต่บุญล้วน ๆ บุญนั้นท่านจึงเรียกว่า มหากิริยา ไม่เป็นกรรม ถ้ามโนทุจริตยังมีอยู่ก็กลับเป็นคู่กันกับมโนสุจริต มโนทุจริตกับมโนสุจริตยัง กำหนัดขัดเคือง อยู่ในโลกในอารมณ์ติดอยู่ในเบ็ญจขันธ์ ๕ ด้วยกันทั้ง ๒ ส่วน มโนกิริยาเป็นผู้เพิกโลกออกจากธรรม เพิกอารมณ์ออกจากจิต ไม่ติดอยู่ในเบ็ญจขันธ์ เป็นผู้พ้นจากโลก พ้นจากอารมณ์ พ้นจากเบ็ญจขันธ์ ฝ่ายมโนสุจริตกับมโนทุจริตเป็นผู้ติดโลกติดอารมณ์ ก็ต้องท่องเที่ยวอยู่ในโลกในอารมณ์ ตามชั้นภูมิของตนตามกำลังของบุญและบาป มโนกิริยาจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยโลกุตตรมโนชั้นเยี่ยม คือชั้นที่ฆ่ากิเลสโดยสิ้นเชิง ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |