ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

บุคคลาธิษฐาน กับ ธรรมาธิษฐาน โดย..หลวงปู่ลุน อุบล
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=30918
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  sirisuk [ 18 เม.ย. 2010, 20:36 ]
หัวข้อกระทู้:  บุคคลาธิษฐาน กับ ธรรมาธิษฐาน โดย..หลวงปู่ลุน อุบล

:b42: :b42: :b42:

บุคคลาธิษฐาน กับ ธรรมาธิษฐาน
โดย..หลวงปู่ลุน ณ อุบล

นางอวิชา ผู้งามเลิศให้นางเลือกเอาคู่รักผู้ประเสริฐชายไหนซื่อสัตย์รักใคร่จริง ๆ
ไม่ทอดทิ้งในยามวิบัติ นางพึงพอใจในชายนั้น

ชายงามมีอยู่สามคนดังนี้คือ
คนที่ ๑ ชื่อ มโนทุจริต
คนที่ ๒ ชื่อ มโนสุจริต
คนที่ ๓ ชื่อ มโนกิริยา

คนทั้งสามคนนี้ขอแจ้งไว้ให้นางทราบล่วงหน้าว่าท้าวมโนกิริยา
เป็นชายอันประเสริฐเลิศกว่าชายทั้ง ๒ ชายคนนี้เป็นชายที่อยู่นอกโลก

ถ้านางอวิชามีโชคชะตาดีทั้งนางอวิชาเทวีก็จะต้องเรียนวิชาสำเร็จชั้นมหาวิทยาลัย
เปลี่ยนนามกรใหม่ เรียกว่า นางวิชา
ในกาลนั้น จึงจะได้เป็นอัครมเหสีของท้าวมโนกิริยา

ท้าวมโนกิริยานี้เป็นลูกกษัตริย์เสวยสมบัติอยู่ในโลกอุดร
แต่ในเวลานี้ท้าวเธอยังเรียนวิชาอยู่ นามกรเดิมเวลานี้เขายังให้ชื่อเรียกว่า ท้าวมโนสุจริต
เมื่อเรียนจบชั้นมหาวิทยาลัยแล้วเมื่อใด ก็เปลี่ยนชื่อเรียกว่า ท้าวมโนกิริยา
ท้าวมโนสุจริตกับท้าวมโนกิริยาจึงนับว่า เป็นคน ๆ เดียวกัน

ส่วนนางอวิชาในเวลานี้ จึงนับว่ามีคนรักอยู่สองคน คือ ท้าวมโนสุจริต กับท้าวมโนทุจริต
คนทั้ง ๒ นี้ ต่างมีทุนคนละ ๑๐ ชั่ง (กรรมบถ ๑๐) เป็นเครื่องเลี้ยงชีพของตน
แล้วรักใคร่ชอบใจกับนางอวิชา ใครมีกำลังมากทั้งฝีปากดีก็แย่งเอานางงามไปสมสู่อยู่ด้วย

ท้าวมโนทุจริตนี้ เมื่อได้นางอวิชาไปอยู่ด้วยย่อมเอาอกเอาใจ นางอวิชาชอบรูปเสียงกลิ่นรสอย่างไร
ก็หามาให้ในทางทุจริต เป็นมิตรประจบสอพลอ ถึงเวลาตกทุกข์ได้ยาก ไม่อยากเหลียวแล


ส่วนท้าวมโนสุจริต ถ้ามีกำลังมากฝีปากดี ก็แย่งเอานางอวิชาไปสมสู่ด้วย หาเลี้ยงนางอวิชาในทางสุจริต
แต่ไม่ชอบปล่อยตามใจนางอวิชา ไม่ชักพาให้ยินดีในรูปเสียงกลิ่นรส มุ่งจะให้นางอวิชาได้ประโยชน์
ทั้งบอกวิชาความรู้ให้นางอวิชามีความรู้เสมอไป ทั้งเป็นมิตรที่รักใคร่ ไม่ทอดทิ้งในยามวิบัติ


แต่ถึงอย่างไรก็ตามนางอวิชาในเวลาที่ถูกชายทั้ง ๒ นี้ แย่งสิทธิ์กัน นางอวิชาย่อมผันแปลไปตามอารมณ์
อันเป็นบ่อเกิดแห่งความกำหนัดขัดเคือง ถึงกับน้ำตาไหลอาบหน้า
อันเกิดแต่บาปกรรมที่ท้าวมโนทุจริตทำไว้

ในที่สุดนางอวิชาสังเกตรู้ในชายชู้อันมีนามว่า ท้าวมโนทุจริต จะคิดอะไรก็ไม่เป็นประโยชน์
นำแต่โทษเข้ามาใส่ จึงสิ้นอาลัยไม่คบหาสมาคม ช่วยให้กำลังแก่ชายชู้อันชื่อว่า ท้าวมโนสุจริต

มโนสุจริตมีกำลังมาก จึงคิดฆ่าชายชู้อันเป็นคู่ปรปักษ์ให้ถึงแก่ความตาย ด้วยอุบายปัญญา
และวิชาความรู้ สอบไล่ได้ชั้นมหาวิทยาลัย อาจารย์เปลี่ยนชื่อใหม่เรียกว่า มโนกิริยา

ทั้งนางอวิชาก็สอบไล่ได้พร้อมกัน อาจารย์จึงเปลี่ยนชื่อให้ใหม่ มีนามว่า นางวิชา
คนทั้ง ๒ นับว่าเป็นคู่รักกันอย่างสนิทสนม ทั้งวิชาก็สำเร็จชั้นอุดม ต่างพากันชื่นชมยินดี
สามัคคีกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ในที่สุดนางวิชาก็ได้เป็นอัครมเหสีของท้าวมโนกิริยา
ท้าวมโนกิริยาก็ได้เป็นพระมหากษัตริย์ เสวยราชสมบัติแทนพระบิดา
อยู่ในกรุงศรีนครโลกอุดรนิยม ก็มีด้วยประการดังนี้


สรุปความในบุคคลาธิษฐานให้เข้ากับธรรมาธิษฐานโดยใจความย่อ ๆ ในหัวข้อที่ควรจำ
นางอวิชาคือ ความไม่รู้เท่าทันสังขาร (ไม่รู้เท่าบุญเท่าบาป) เป็นรากเหง้าเค้ามูลของกิเลสวัฏฏ
กิเลสวัฏฏจึงเป็นปัจจัยแห่งกรรมวัฏฏ


เมื่อกุศลกรรมเป็นฝ่ายมรรค ฆ่าอกุศลกรรมให้ตาย ตัวมโนสุจริตจึงกลายเป็นมโนกิริยา
เมื่อบาปตายหมดมีแต่บุญล้วน ๆ บุญนั้นท่านจึงเรียกว่า มหากิริยา ไม่เป็นกรรม
ถ้ามโนทุจริตยังมีอยู่ก็กลับเป็นคู่กันกับมโนสุจริต

มโนทุจริตกับมโนสุจริตยัง กำหนัดขัดเคือง อยู่ในโลกในอารมณ์ติดอยู่ในเบ็ญจขันธ์ ๕ ด้วยกันทั้ง ๒ ส่วน
มโนกิริยาเป็นผู้เพิกโลกออกจากธรรม เพิกอารมณ์ออกจากจิต ไม่ติดอยู่ในเบ็ญจขันธ์
เป็นผู้พ้นจากโลก พ้นจากอารมณ์ พ้นจากเบ็ญจขันธ์


ฝ่ายมโนสุจริตกับมโนทุจริตเป็นผู้ติดโลกติดอารมณ์ ก็ต้องท่องเที่ยวอยู่ในโลกในอารมณ์
ตามชั้นภูมิของตนตามกำลังของบุญและบาป

มโนกิริยาจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยโลกุตตรมโนชั้นเยี่ยม คือชั้นที่ฆ่ากิเลสโดยสิ้นเชิง

:b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48:

ไฟล์แนป:
QA.jpeg
QA.jpeg [ 21.92 KiB | เปิดดู 1964 ครั้ง ]

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/