วันเวลาปัจจุบัน 01 พ.ค. 2024, 03:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 00:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




ooooooooooooooooooooooooooooooooooooooo.jpg
ooooooooooooooooooooooooooooooooooooooo.jpg [ 14.02 KiB | เปิดดู 2462 ครั้ง ]
ลอเรน รีด จอห์นสัน อายุ 24 ปี อาศัยอยู่ที่นอร์ธฮอลิวูด แคลิฟอร์เนีย เขาเป็นนักบำบัดด้วยการนวด เป็นครูสอนโยคะ และเป็นนักเรียนการแสดง
ลอเรนฝึกโยคะซึ่งเรียนมาจากครูชาวอินเดียอยู่ทุกวันเป็นเวลานานถึง 5 ปี เขารู้สึกว่ารีชี่โยคะช่วยให้เขานั่งเจริญภาวนาได้ดี การฝึกโยคะนี้รวมถึงการจำกัดอาหารเหลือแค่ผลไม้และผักเท่านั้น ลอเรนและภรรยามาฮันนีมูนกันในประเทศไทยซึ่งเป็นบ้านเกิดของฝ่ายหญิง แล้วตระเวนไปตามวัดต่างๆ เพื่อหาผู้ที่สอนเจริญภาวนาเป็นภาษาอังกฤษได้ ด้วยเหตุนี้เองได้นำเขามาสู่วัดหลวงพ่อสดฯ เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับธรรมกายเลย พระภาวนาวิสุทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดจึงแนะนำให้เขามาร่วมกิจกรรมแบ่งกลุ่มเจริญภาวนาตอนเช้าวันอาทิตย์ ซึ่งทำให้ท่านรับรู้ถึงความสามารถอันพิเศษของลอเรน ท่านจึงให้รองอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาทำหน้าที่สอนเขาทุกๆ วัน หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ หลวงป๋าก็เริ่มสอนเขาเป็นการส่วนตัว แม้ลอเรนเรียนได้แค่ 2 สัปดาห์ แต่เขาก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ได้บันทึกการสัมภาษณ์ลอเรนมีความยาว 15 นาที


ผู้สัมภาษณ์ของช่อง 9 : สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้พบคุณ. คุณได้เรียนรู้อะไรจากการเจริญภาวนา ?

ลอเรน: อันดับแรก ผมได้เรียนวิธีการรวมใจหยุดนิ่งตรงศูนย์กลางกาย. หยุดนิ่งถูกส่วนตรงนั้น ศูนย์กลางขยายออกไปเป็นดวงใสรอบตัว เมื่อใจหยุดกลางของหยุดเรื่อยไปก็หยุดในหยุดกลางของหยุดเรื่อยๆ ไป ได้เข้าถึงกายละเอียดๆ ต่อๆ ไปจนสุดละเอียดจนถึงธรรมกาย

คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อคุณถึงดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายในท้องของคุณ ?

ผมรู้สึกสงบเยือกเย็นมาก อย่างล้ำลึก และความสุขที่แผ่ขยายออกมา

เมื่อเจริญภาวนาถึง 18 กาย และถึงธรรมกายนั้น คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง ?

รู้สึกว่าแต่ละกายที่เข้าถึงนั้น [กิเลส]เบาบางลงตามลำดับ เริ่มตั้งแต่กายมนุษย์ซึ่งเป็นกายที่หยาบที่สุดและเป็นกายโลกิยะ ถึงกายมนุษย์ละเอียดต่อๆ ไปจนถึงสุดละเอียดได้ถึงธรรมกาย ซึ่งเป็นกายที่ทึบน้อยที่สุด. มันพ้นจากความรู้สึกยึดถือในความเป็นตัวตนใดๆ ทั้งสิ้น.

คุณรู้สึกไหมว่า สิ่งที่คุณได้เห็นเป็นของจินตนาการหรือของจริง ?

ใช้จินตนาการน้อยมาก [อาจใช้ในช่วงแรกๆ ในระดับขณิกสมาธิ]. แต่สิ่งที่เห็นนั้นปรากฏขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ. ผมเพียงแต่เพ่งไปที่กลางของกลาง แล้ว[ดวงและกายต่างๆ]ก็ปรากฏขึ้นเอง.

คุณได้เห็นนรก-สวรรค์บ้างไหม

เห็นครับ

แล้วคุณเห็นอะไรที่นั่น

ได้เห็นหลายอย่างครับ. ในนรก, เห็นการลงโทษที่แตกต่างกันหลายระดับมาก. เห็นผู้คน[สัตว์นรก]มากมายกำลังถูกสุนัขกัด มันดุร้ายและเกรี้ยวกราดมาก. พวกเขาพยายามวิ่งหนี - ปีนต้นไม้ที่มีหนามแหลม [ต้นงิ้ว]. ยังถูกสัตว์ที่คล้ายแร้งจิกทึ้งจนพลัดตกลงมาจากต้นงิ้ว แล้วก็ถูกสุนัขก็จะเข้ามาจัดการกับพวกเขา.
ผมได้เพ่งดูที่ศูนย์กลางดวงธรรมของสัตว์นรกเหล่านี้ เห็นเป็นสีดำมืด. ผมได้มองเข้าไปในจุดศูนย์กลางกายของพวกเขาเพื่อดูว่าทำไมพวกเขาจึงต้องไปอยู่ในนั้น - เป็นเพราะประพฤติผิดในกาม. และผมได้เห็น[ว่าเขาทำ]สิ่งที่น่าละอาย ความผิด และสิ่งที่ชั่วร้ายต่อจิตใจ.
ผมไปยังอีกระดับหนึ่ง [นรกอีกขุมหนึ่ง] เห็นผู้คน[สัตว์นรก]อยู่ในกระทะ[ทองแดง]ใหญ่ … ใหญ่มาก! ร้อน! มีสิ่งซึ่งดูเหมือนของเหลวร้อนหรือโลหะหลอมเหลว เหมือนตะกั่ว [หมายถึงน้ำทองแดงร้อนจัดที่สัตว์นรกต้องดื่ม]. มันแผดเผา[อวัยวะ]ภายใน. บางคนก็ต้องดื่มของเหลว ที่มีกลิ่นเหม็นมาก แย่มาก [หมายถึงน้ำทองแดงนั้นเอง].
และผมได้เพ่งดูที่ศูนย์กลางดวงธรรมของสัตว์นรกเหล่านี้อีก ได้เห็นว่า [พวกเขาได้รับวิบากกรรมเช่นนี้ เป็นเพราะ]ดื่มแอลกอฮอล์กันเป็นส่วนมาก. รวมทั้งยาเสพติดอื่นๆ, แต่ส่วนมากเป็นแอลกอฮอล์ [เพราะเป็นสิ่งเสพติดที่ถูกกฎหมาย และโฆษณาประชาสัมพันธ์ได้].
และแล้ว, ในนรก, สิ่งที่ร้ายสาหัสที่สุดที่ผมเห็น - ลึกลงไปกว่าระดับ[นรกขุม]ที่ 8 - ลึกกว่านรกของพวกที่ชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต พวกที่พูดโกหกหลอกลวง และพวกที่ขโมย โกง คอร์รัปชั่น ของผู้อื่น - ในนรกขุมนั้น ผมเห็นผู้ที่สอนผู้อื่นผิดๆ พวกเขาเหล่านี้ถูกปิดตาจนมืดมิด. พวกเขาไม่สามารถมองเห็นได้และต่างคนต่างวิ่งเข้าหากันด้วยความสับสนอลหม่าน และทุกข์ทรมานมาก. ร่างกายของพวกเขาถูกเผาไหม้จนดำเหมือนกับถูกลวกด้วยน้ำกรด มีกลิ่นเหม็นเหมือนซากศพ กลิ่นตลบอบอวลมาก.
ผมได้เจริญภาวนาถึงธรรมกายที่สุดละเอียด ได้เห็นสวรรค์ซึ่งตรงข้ามกับนรก อย่างสิ้นเชิง. สว่างไสวมาก - สวยงามมาก. ศูนย์กลาง[กาย - ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกาย]ของเทพดาเหล่านี้ส่องรัศมีสว่างนัก. ในนรก สัตว์นรกมีศูนย์กลาง ดำมืดมัวมาก. ในสวรรค์ ผมเห็นเทพยดาบนสวรรค์มีรัศมีใสสว่างเป็นประกาย ประดุจดังแก้วผลึก. และผมสามารถดูไปที่ศูนย์กลางของเทพดาเหล่านี้ และรู้เห็นว่า ทำไมพวกเขาได้มาอยู่บนสวรรค์ - ก็เนื่องจากสิ่งที่เป็นบุญกุศลทั้งหมด, กรรมดีมากมายที่เขาได้ทำแก่[ตนและ]ผู้อื่น.
เทวดาบางตนอยู่บนพื้นดิน; บางตนอยู่ในอากาศ และผมเห็นเทวดาอยู่ในต้นไม้ก็มาก.
แต่, ความแตกต่างสำคัญระหว่างสวรรค์กับนรก ก็คือ สิ่งที่ผมเห็นที่ศูนย์กลางกายของสัตว์นรกและเทพดาเหล่านั้น - ไม่กรรมดีก็กรรมชั่ว อย่างใดอย่างหนึ่ง [สองอย่างนี้เท่านั้น ที่พวกเขาได้ทำลงไป เห็นปรากฏได้ที่ศูนย์กลางกาย - บุญกุศลนำให้มาเกิดเป็นเทวดา ส่วนบาปอกุศลนำให้ไปเกิดเป็นสัตว์นรก].

คุณก็ได้เห็นทั้ง 2 ฝ่าย - ระหว่างสวรรค์กับนรก ระหว่างกรรมดีกับกรรมชั่ว ที่ผู้คนพากันทำ. แล้วคุณได้เห็นพระนิพพานไหม ?

ครับ, ผมเห็น. พระนิพพานอยู่นอกเหนือไปจากสิ่งที่เราคิดว่าเป็นดิน น้ำ ลม ไฟ. ผมไม่เห็นธาตุทั้ง 4 เหล่านี้เลย. ผมได้เห็นพระนิพพานธาตุ นับไม่ถ้วน - เท่าที่ผมจะเห็นได้. และมีรัศมีเจิดจ้า สว่างไสว.

คุณคิดว่าอะไร คือประสบการณ์ที่ดีที่คุณได้ปฏิบัติเข้าถึง ได้รู้ และได้เห็นจากการเจริญภาวนานี้ ?

ผมรู้สึกว่า วิธีเจริญภาวนาวิชชาธรรมกายนี้ มีความพิเศษ เป็นการปฏิบัติทางตรง ทำให้ผมได้มีประสบการณ์อย่างสูง.

เมื่อคุณกลับไปสหรัฐอเมริกาแล้ว คุณจะทำอะไร ?

ผมวางแผนไว้ว่า จะสอนวิชชาธรรมกาย. ผมมีลูกค้าซึ่งผมสอนโยคะ, การเจริญภาวนา และการนวดอยู่แล้ว และผมเชื่อว่าการแนะนำวิชาธรรมกายให้จะช่วยให้พวกเขาให้ช่วยตนเองได้.






















เชิญท่านผู้มีบุญร่วมสร้างพระมหาเจดีย์ฯ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ถวายเป็นพุทธบูชา
http://www.dhammakaya.org/news/jetiya.php


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 24 มี.ค. 2010, 00:27, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 00:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




ooooooooooooooooooooooooooooooooooooooo.jpg
ooooooooooooooooooooooooooooooooooooooo.jpg [ 14.02 KiB | เปิดดู 2452 ครั้ง ]
Channel 9 Interviewer: Good morning. It's nice to meet you. What did you learn from meditation?
Loren: Well, I learned first to focus my attention on the center of the center of the body. And, from there, the center expanded to surround my entire body. As I continued to focus on the center, I saw my refined human body and became that - continuing to focus on the center. This happened again and again, all the way until I reached my refinest Dhammakaya body.
And, how did you feel when you first reached your own nucleus in your stomach?
It felt very cool and calm and a very deep, expanding sense of joy... happiness.
And how did you feel after you completed all 18 bodies and reached Dhammakaya?
Well, each body became less and less dense. So, we begin with the human body which is the most crude and mundane, and then it becomes more and more refined until it reaches the most refined Dhammakaya which is the least dense. It totally transcends any sense of personal ego.
And, did you feel that what you saw was imagination or reality?
Very little imagination. It happened automatically. I just focused on the center of the center and it appeared by itself.
And did you see hell or heaven?
Yes.
And what did you see there?
Well, many things. In hell, I saw many levels of different punishments. I saw different people in one level who were being attacked by a dog - very mean and angry. And, they were trying to escape - climbing a tree with thorns. Also, like vultures were trying to attack them and they would fall and then the dog would get them.
And, I would look at the nucleus of the people - very dark. In the nucleus I would see why they were there - because of sexual misconduct. And I would see lots of shame and guilt and mental poison.
And then we went to another level and I saw a large caldron ... Large! People were inside it. Hot! With what looked like a very hot liquid or melted metal like lead.
And they are inside, burning. And some had to drink this very smelly - very bad liquid.
And I look at their nucleus and I see that most had drunk alcohol. Also some drugs and things, but mostly alcohol. And they drink the liquid and it cooks their organs - especially the brain. It fries the brain.
And then, in hell, the worst thing I saw - below the 8th level - below the murders and all the liars and thieves - I saw the false teachers. And they had blindfolds. They couldn't see and they were running into each other - chaos and lots of torment. And their bodies were burned dark like they had been scalded with acid. There was a dead smell - a very thick smell.
And then I became the refined Dhammakaya and then we saw heaven. And there we saw the opposite, really. Very luminous - very beautiful. The center of the beings was very radiant. In hell the beings had a very dark, cloudy nucleus. In heaven I saw them very radiant and glowing like a crystal sphere. And, I could look into the center and see why they were there - all the meritorious things, the many good deeds they did for the people.
Some were on earth; some flying through the sky. I saw many in trees. But, the main difference between heaven and hell was what I saw at the center of the beings - either evil deeds or good, meritorious deeds.
So, you saw both sides - hell and heaven and the good things and bad things that people do. And, did you see Nirvana?
Yes, I did. It goes beyond what we think of as earth and water and fire. All of these things, I saw none of. I saw countless saints and Buddhas - as far as the eye could see. And they were very very radiant, with glowing centers. I focused on them and I could see all the good things they did to make them so brilliant.
But, the most luminous, in the center, was Buddha - the Primordial Buddha - surrounded by Buddhas. And, I asked for permission, and I touched Lord Buddha on the leg. And it felt very very cold, like ice.
What do you think were the good points that you got from meditation?
Well, I feel that this particular style of meditation, Dhammakaya, is a very very direct way to experience directly my highest self.
And, when you are back in America, what will you do? Well, I plan on teaching Dhammakaya. I have clients that I practice meditation, yoga and massage with already, and I believe that sharing Dhammakaya with them will help them to help themselves.
__________________
กายเนื้อนี่ ..เหลือเวลาเท่าไรกัน
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 01:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ประสบการณ์ผู้ปฏิบัติธรรม


ชาวคริสต์ผู้ปฏิบัติธรรมจริงจัง ก็ถึงธรรมกายได้


โดย วิชชาธร


ในการอบรมพระกัมมัฏฐานรุ่นที่ ๓๒ มีชาวออสเตรเลียผู้นับถือศาสนาคริสต์ ๒ ท่าน ได้มาอยู่ฝึกปฏิบัติพระกัมมัฏฐานตามแนววิชชาธรรมกาย ที่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม


ท่านผู้เฒ่า Alan ปฏิบัติผลดีและรวดเร็วมาก เพียง ๒ วันเท่านั้นก็สามารถปฏิบัติได้ถึงธรรมกายแล้ว และได้รับการฝึกเจริญฌานสมาบัติ ตรวจภพ ตรวจจักรวาล ดูความเป็นไปของสัตว์โลกในภพ ๓ ได้เห็นตามเป็นจริงว่า “ทำดีก็บริสุทธิ์เอง” ทำชั่วก็มัวหมองเอง ได้ผลชั่วเอง ไม่มีใครช่วยใครได้ และเห็นว่าธรรมทั้งปวงที่เป็นไปในภพ ๓ มีสภาพเป็นอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา


ต่อเมื่อทำนิโรธ (ไม่ใช่นิโรธสมาบัติ) ดับสมุทัย จนจิตละเอียด เป็นธรรมกายที่บริสุทธิ์ล้วนๆ จนธรรมกายที่สุดละเอียดปรากฏในอายตนะนิพพาน ได้เห็นพระนิพพานธาตุ คือ ธรรมกายตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าและพระอรหันตขีณาสพที่ดับขันธปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ สว่างไสวเต็มไปหมด มีสภาพเที่ยง เป็นสุขอย่างยิ่ง และสถิตยั่งยืนอยู่ในอายตนะนิพพานนั้น



ผู้เฒ่า Alan ถึงกับน้ำตาไหลด้วยความปลื้มปีติที่ได้พบของจริงในพระพุทธศาสนา




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2010, 01:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


พระใบฎีกาวอลเทอร์ อุตฺตมปญฺโญ น.ธ.โท
วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ราชบุรี



ท่านเป็นอดีตนักเปียโน ชาวเดนมาร์ค เคยมาบรรพชาอุปสมบทที่วัดหลวงพ่อสดฯ เมื่อประมาณ ๑๐ ปีที่แล้ว แต่จำต้องลาสิกขาไปก่อนเพื่อแสดงดนตรีให้ครบตามสัญญาทางธุรกิจ เมื่อเสร็จสิ้นภาระผูกพันทางโลกแล้ว ท่านก็ได้กลับมาประเทศไทยเพื่อเรียนภาษาไทยที่ AUA จนจบชั้นประถม ๖ และได้บรรพชาอุปสมบทที่วัดหลวงพ่อสดฯ อีกครั้งหนึ่ง



ท่านได้ทำประโยชน์ให้แก่พระศาสนาและแก่วัดหลวงพ่อสดฯ เป็นอย่างมาก เพราะได้ช่วยเหลือในกิจหลายอย่างที่สำคัญคือ ดูแลต้อนรับชาวต่างประเทศทั้งหมดที่มาเยี่ยมเยียน หรือมาอยู่ปฏิบัติธรรม หรือบรรพชาอุปสมบทที่วัด



และยังได้ช่วยเผยแพร่พระศาสนา ด้วยการจัดทำเวบไซต์ของวัดในภาคภาษาอังกฤษ (Concentration.org - concentration Resources and Information.This website is for sale!)
ซึ่งทำได้อย่างสวยงาม และเต็มไปด้วยข้อมูลที่เป็นประโยชน์



ปัจจุบันนี้ ท่านจบการศึกษาพระปริยัติธรรม ชั้นนักธรรมเอกแล้ว สำหรับชาวต่างประเทศ การเรียนนักธรรม ต้องใช้ความอดทนพยายามมากเป็น ๒-๓ เท่า ของนักเรียนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเนื้อหาธรรมะ เรื่องภาษา, ศัพท์ธรรมะ, ศัพท์วิชาการ ราชาศัพท์ต่างๆ อีกทั้งสำนวนภาษาในหนังสือเรียนส่วนใหญ่ก็ใช้สำนวนเก่าเมื่อร้อยปีมาแล้ว



ด้านภาษาบาลี ท่านกำลังศึกษาอยู่ในชั้นประโยค ๑-๒ อย่างขมักเขม้น ในอนาคตเราอาจจะมีพระชาวต่างประเทศเป็นพระมหาเปรียญเกิดขึ้นในวัดหลวงพ่อสดฯ สักรูปหนึ่งก็เป็นได้...



๑. นิมนต์แนะนำตัวครับ.

อาตมาชื่อพระใบฎีกาวอลเทอร์ อุตฺตมปญฺโญ (วอลเทอร์ โทรเอลเซน). งานที่อาตมาทำมาตลอดชีวิตคือเป็นนักแต่งเพลง/นักร้อง/นักเปียโน, ตระเวนแสดงไปทั่วโลก. หลังจากได้พบพระพุทธศาสนา อาตมาได้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะบวชเป็นพระ. อาตมาหยุดอาชีพศิลปินในปี ๒๕๓๙ และย้ายมาอยู่ประเทศไทยเพื่อศึกษาภาษาไทยที่ เอ.ยู.เอ.. ในปี ๒๕๔๑ อาตมาก็ได้รับวุฒิบัตรประถมศึกษาปีที่ ๖ จากรัฐบาลไทย. แล้วอาตมาก็ได้เดินทางไปนมัสการสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในพระพุทธศาสนาที่ประเทศอินเดีย, และหลังจากกลับมาถึงประเทศไทยก็ได้บวชเป็นพระที่วัดหลวงพ่อสดฯ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๑.



๒. ท่านรู้จักวัดนี้ได้อย่างไร ?

เมื่อเป็นคฤหัสถ์ ทุกที่ทั่วโลกที่อาตมาไปเปิดการแสดง อาตมาจะไปเข้าวัดด้วยบ่อยๆ. วันหนึ่ง อาตมาได้พบพระภิกษุจากวัดสระเกศ. ท่านพักอยู่ที่วัดไทยในสวีเดน. อาตมาได้เรียนท่านถึงแผนการของอาตมาที่จะมาบวชเป็นพระ. ท่านได้แนะนำอาตมาให้ติดต่อกับหลวงป๋า (หลวงพ่อพระภาวนาวิสุทธิคุณ) ที่วัดหลวงพ่อสดฯ, เพราะหลวงป๋าพูดอังกฤษได้ดีมาก. อาตมาจึงเขียนจดหมายไปเรียนหลวงป๋า, แล้วท่านก็ได้บอกให้อาตมามาบวชที่ประเทศไทย.



๓. ท่านฝึกภาวนามานานเท่าไรแล้ว ?

อาตมาได้ฝึกวิชชาธรรมกายมาประมาณ ๙ ปี.



๔. ท่านคิดว่าวิธีใดดีที่สุดในการเรียนรู้การปฏิบัติภาวนา ?

หนทางที่ดีที่สุดคือ โดยการมาที่วัดหลวงพ่อสดฯ และรับการสอนโดยตรงจากหลวงป๋า. ท่านสอนธรรมะทุกระดับแก่ทุกคน. หนังสือที่ท่านเขียนคือ “The Heart of Dhammakaya meditation” ยังเป็นคำแนะนำที่ดีที่สุดอีกด้วย. หนังสือนี้อธิบายธรรมปฏิบัติทุกระดับและมีรายละเอียดให้มาก. การฝึกภาวนาด้วยตนเองเป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่ง, ตราบใดที่คุณสามารถติดต่อกับครูเป็นการส่วนตัวอย่างสม่ำเสมอ.



๕. ท่านมีคำแนะนำอย่างไรสำหรับคนอื่นๆ ที่ต้องการศึกษายิ่งขึ้นไปเกี่ยวกับการปฏิบัติภาวนา ?

ควรมาฝึกภาวนาที่วัดในเดือนพฤษภาคมและธันวาคม, และมาวัดทุกๆ วันอาทิตย์. หลวงป๋าสอนทุกวันอาทิตย์ เวลา 9:30 น. ที่ศาลาสมเด็จพระพุฒาจารย์. หากมีชาวต่างประเทศมาฝึกภาวนา, ท่านจะสอนเป็นภาษาอังกฤษด้วย. ถ้าคุณอาศัยอยู่ห่างไกล, คุณสามารถศึกษาวิธีปฏิบัติภาวนาในเวบไซต์ของวัด (ไทย/อังกฤษ), และถามคำถามโดยอีเมล์ (หรือ ฟอร์มเมล์). ที่ศาลาอเนกประสงค์ที่วัดหลวงพ่อสดฯ ยังมีหนังสือและเทปเกี่ยวกับการปฏิบัติภาวนาด้วย.



๖. “การฝึกภาวนาเป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการทำให้คุณมีสมาธิกับทุกสิ่ง” จากประสบการณ์ของท่าน, โปรดยกตัวอย่างที่จะพิสูจน์คำพูดนี้.

อาตมาได้สังเกตว่า อาตมาได้มีสมาธิดีขึ้นมากในการเรียนพระปริยัติธรรม. ก่อนที่จะสอบนักธรรมโทปีที่แล้ว อาตมาจะนั่งภาวนาขณะที่การสอบจะเริ่ม. เมื่อถึงเวลาแจกข้อสอบ จิตใจของอาตมาสงบเย็นลง, และอาตมาพบว่ามันง่ายขึ้นในการนึกคำตอบของปัญหานั้นๆ.



๗. “การฝึกภาวนาเป็นวิธีที่ดีมากในการสร้างบุญกุศล” ท่านเห็นด้วยหรือไม่ ?


แน่นอน. แต่โชคไม่ดีที่ผู้คนมากมายในประเทศไทยคิดว่า การทำบุญคือการบริจาคเงินให้วัด [เท่านั้น] . มันเร็วและง่ายดี. อย่างไรก็ตาม, ไม่มีบุญอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าการพยายามทำใจของตนให้สงบและบริสุทธิ์ด้วยการฝึกภาวนาบุคคลที่รักษาศีลอย่างน้อยศีล ๕, จะมีกายและวาจา สะอาดบริสุทธิ์, ซึ่งจำเป็นในการฝึกภาวนาอันเป็นปฏิบัติธรรมขั้นสูงขึ้นต่อไป. เมื่อใจสงบหยุดนิ่งเป็นจุดเดียว (เอกัคคตารมณ์) เขา/เธอจะสามารถเข้าถึงระดับของฌานที่สูงยิ่งๆ ขึ้นไป, และในไม่ช้า ปัญญาจะเริ่มพัฒนา. ปัญญาจะทำให้บุคคลสามารถเข้าใจสิ่งต่างๆ ตามที่เป็นจริง, ตัดสังโยชน์ (กิเลสเครื่องผูกให้ติดอยู่กับโลก) ได้, และถึงพระนิพพาน... และจะมีอะไรเป็นบุญกุศลมากกว่านี้อีกเล่า ?



๘. ขอความเห็นสำหรับชาวต่างประเทศที่จะมาฝึกภาวนาในประเทศไทย.

ถ้าคนนั้นสามารถพูดไทยได้, โอกาสนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน. ทุกวัดในประเทศไทยจะรับผู้คนที่สนใจในพระพุทธศาสนาและการฝึกภาวนา. ถ้าเขาไม่ได้พูดภาษาไทย, เขาสามารถติดต่อวัดฯ ได้ทางอีเมล์ที่ right@concentration.org และติดต่อวางกำหนดการที่จะมาที่วัด. นี้เป็นเรื่องสำคัญ, เพราะพระภิกษุที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีอาจไม่อยู่วัดในช่วงนั้น.

๑๘ พฤษภาคม ๒๕๔๔





พระใบฎีกาวอลเทอร์ อุตฺตมปญฺโญ น.ธ.โท









Phra Baitika Walter Uttamapanyo
Friday, May 18, 2001

1. Introduce yourself:
I am Phra Baitika Walter Uttamapanyo (lay name: Walter Troelsen). I had a life long career as composer/song writer/singer/pianist, performing all over the world. After discovering Buddhism I started considering the possibility of becoming a monk. I finished my career in 2539 and moved to Thailand in order to study Thai language at the AUA. In 2541 I received the government P6 diploma. I then went on a pilgrimage to the holy Buddhist places in India, and after returning to Thailand I ordained as a monk at Wat Luang Phor Sodh on May 30, 2541.

2. How did you come to know about this temple?
As a layman I often went to Buddhist temples, wherever in the world I was performing. One day I met with a monk from Wat Saket. He was staying at the Thai temple in Sweden. I told him about my plans of becoming a monk. He recommended me to contact Luang Pa, the abbot at Wat Luang Phor Sodh, because Luang Pa speaks English very well. I wrote a letter to Luang Pa, who then invited me to come to Thailand to ordain.

3. How long have you been practicing meditation?
I have practiced Vijja Dhammakaya for about 9 years.

4. What is the good way for you to learn how to meditate?
The best way is by coming to Wat Luang Phor Sodh and being taught straight from Luang Pa. He is teaching all levels to everyone. Luang Pa’s book “The heart of Dhammakaya meditation” is also a good guideline. It explains all levels and is very detailed. Meditating on you own is very good, too, as long as you also have personal contact with the teacher at a regular basis.

5. What is your recommendation for others who wish to learn more about meditation?
Come to the retreats in May and December, and come to the wat on Sundays. Luang Pa is always teaching on Sundays at 9:30 at the new dining/meditation hall. If there are foreigners present, he will also teach in English. If you live far away, you can always study the meditation section on our website, and ask questions by email. Our information center at the wat also sells books and tapes with meditation instructions.

6. “Meditation is one of the best ways to make your mind concentrate on everything.” - From your experiences, please give some samples that prove that statement.
I have noticed that I have much higher concentration when studying. Before taking the final Nak Tham 2 exam last year I would sit and meditate while waiting for the exam to begin. By the time they distributed the questions my mind was already calm and peaceful, and I found it easier to remember the answers to the questions.

7. “Meditation is a very good way for earning merit.” Do you agree?
Definitely. Unfortunately a lot of people in Thailand think that making merit has something to do with making donations at the wat. It is quick and easy. However, there is nothing more meritorious than making an effort to purify one’s mind through meditation. A person who keeps at least 5 precepts, will already have pure body and speech, which is needed in order to go on to the next step, concentration of mind. When the mind is one-pointed he/she will be able to reach higher and higher absorption level, and soon Wisdom will start to develop. Wisdom will make a person capable of understanding the way things are, cutting all fetters, reaching Nirvana….. and what can be meritorious than that?

8. Any ideas for foreigners to come to learn in Thailand?
If they can speak Thai, the possibilities are countless. All temples in Thailand will receive people interested in Buddhism and meditation. If they don’t speak Thai, they can always contact us by email at right@concentration.org and schedule a visit. This is important, because the English-speaking monks at the wat are not always in residence.


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 24 มี.ค. 2010, 01:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 21 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร