ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

กลหวิวาทสุตตนิทเทสที่ ๑๑
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=30033
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  Supareak Mulpong [ 13 มี.ค. 2010, 23:00 ]
หัวข้อกระทู้:  กลหวิวาทสุตตนิทเทสที่ ๑๑

กลหวิวาทสุตตนิทเทสที่ ๑๑

(พระพุทธนิมิตตรัสถามว่า)
ความทะเลาะ ความวิวาท ความรำพัน ความโศก ความตระหนี่ ความถือตัว ความดูหมิ่น และความพูดส่อเสียด มีมาแต่อะไร ขอเชิญพระองค์ตรัสบอกว่า กิเลสเหล่านั้นมีมาแต่อะไร?

(พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า)
ความทะเลาะ ความวิวาท ความรำพัน ความโศก ความตระหนี่ ความถือตัว ความดูหมิ่น และความพูด ส่อเสียด มีมาแต่สิ่งที่รัก ความทะเลาะ ความวิวาท ประกอบในความตระหนี่ และเมื่อความวิวาทกันเกิดแล้ว ความพูดส่อเสียดก็มี.

(พระพุทธนิมิตตรัสถามว่า)
สิ่งที่รักทั้งหลายในโลก มีอะไรเป็นนิทาน และชนเหล่าใดแล ย่อมเที่ยวไปในโลกเพราะความโลภ ความโลภของชนเหล่านั้น มีอะไรเป็นนิทาน อนึ่ง ความหวังและความสำเร็จหวังที่มีแก่นรชน เพื่อข้างหน้านั้น มีอะไรเป็นนิทาน.

(พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า)
สิ่งที่รักทั้งหลายในโลก มีฉันทะเป็นนิทาน และชนเหล่าใดแล ย่อมเที่ยวไปในโลกเพราะความโลภ ความโลภของชนเหล่านั้น มีฉันทะนี้เป็นนิทาน อนึ่ง ความหวังและความ
สำเร็จหวังที่มีแก่นรชนเพื่อข้างหน้านั้น ก็มีฉันทะนี้เป็นนิทาน.


(พระพุทธนิมิตตรัสถามว่า)
ฉันทะในโลก มีอะไรเป็นนิทาน และความ ตัดสินใจมีมาแต่อะไร อนึ่ง ความโกรธ ความเป็นผู้พูดเท็จ และความสงสัยมีมาแต่อะไร และธรรมเหล่าใด อันพระสมณะตรัสไว้แล้ว
ธรรมเหล่านั้นมีมาแต่อะไร.

(พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า)
บัณฑิตทั้งหลาย กล่าวธรรมใด คือ ความดีใจ ความเสียใจในโลก ฉันทะย่อมมีมาเพราะอาศัยธรรมนั้น ชันตุชน เห็นความไม่มีและความมีในรูปทั้งหลาย ย่อมทำความตัดสินใจในโลก. ธรรมแม้เหล่านี้ คือ ความโกรธ ความเป็นผู้พูดเท็จ และความสงสัย เมื่อความดีใจและความเสียใจทั้งสองมีอยู่ก็มีมา บุคคลผู้มีความสงสัย พึงศึกษาเพื่อทางแห่งญาณ และธรรมเหล่าใด อันพระสมณะทราบแล้ว จึงตรัสไว้ ธรรมเหล่านั้น เมื่อความดีใจและความเสียใจทั้งสองมีอยู่ก็มีมา.

(พระพุทธนิมิตตรัสถามว่า)
ความดีใจและความเสียใจ มีอะไรเป็นนิทาน เมื่ออะไรไม่มี ความดีใจและความเสียใจเหล่านั้นจึงไม่มี อรรถนั้นใด คือ ความไม่มีและความมี ขอพระองค์จงตรัสบอกอรรถนั้นว่า มีสิ่งใดเป็นนิทานแก่ข้าพระองค์.

(พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า)
ความดีใจและความเสียใจ มีผัสสะเป็นนิทาน เมื่อผัสสะไม่มี ความดีใจและความเสียใจเหล่านั้นจึงไม่มี อรรถนั้นใด คือ ความไม่มีและความมี ข้าพระองค์ขอบอกอรรถนั้นว่า มีผัสสะนี้เป็นนิทานแก่พระองค์.

(พระพุทธนิมิตตรัสถามว่า)
ผัสสะในโลก มีอะไรเป็นนิทาน และ ความยึดถือมีมาแต่อะไร เมื่ออะไรไม่มี ความถือว่าของเราจึงไม่มี เมื่ออะไรไม่มี ผัสสะจึงไม่ถูกต้อง.

(พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า)
ผัสสะเกิดขึ้น เพราะอาศัยนามและรูป ความยึดถือมีความปรารถนาเป็นนิทาน เมื่อความปรารถนาไม่มี ความถือว่าของเราจึงไม่มี เมื่อรูปไม่มี ผัสสะจึงไม่ถูกต้อง.

(พระพุทธนิมิตตรัสถามว่า)
เมื่อบุคคลดำเนินอย่างไร? รูปจึงไม่มีอนึ่ง สุขและทุกข์ไม่มีอย่างไร? รูปเป็นต้นไม่มีด้วยประการใด ขอพระองค์ตรัสบอกประการนั้นแก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้ตั้งใจไว้ว่าจะรู้ประการไร.

(พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า)
บุคคลไม่เป็นผู้มีสัญญาโดยสัญญาปกติไม่เป็นผู้มีสัญญาโดยสัญญาผิดปกติ ไม่เป็นผู้ไม่มีสัญญาและไม่เป็นผู้ปราศจากสัญญา เมื่อบุคคลดำเนินอย่างนี้ รูปจึงไม่มี เพราะว่าส่วนแห่งธรรมเครื่องให้เนิ่นช้า มีสัญญาเป็นนิทาน.

(พระพุทธนิมิตตรัสถามว่า)
ข้าพระองค์ได้ทูลถามธรรมใดแล้ว พระองค์ได้ทรงแถลงธรรมนั้นแก่ข้าพระองค์แล้ว ข้าพระองค์จะขอทูลถามธรรมส่วนอื่นกะพระองค์ ขอเชิญพระองค์ตรัสบอกธรรมนั้น ก็สมณพราหมณ์บางพวกอ้างตนเป็นบัณฑิตในโลกนี้ ย่อมกล่าวความหมดจดแห่งยักษ์ ด้วยอรูปสมาบัติเท่านี้หรือหนอ ว่าเป็นธรรมอันเลิศ หรือว่าสมณพราหมณ์บางพวก กล่าวความหมดจดอย่างอื่น กว่าอรูปสมาบัตินี้.

(พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า)
ก็สมณพราหมณ์บางพวก อ้างตนเป็นบัณฑิตในโลกนี้ ย่อมกล่าวความหมดจดแห่งยักษ์ ด้วยอรูปสมาบัติ เท่านี้ ว่าเป็นธรรมอันเลิศ บรรดาสมณพราหมณ์เหล่านั้น สมณพราหมณ์อีกบางพวก อ้างตนเป็นผู้ฉลาด ย่อมกล่าวความสงบ ในอนุปาทิเสส. มุนีนั้นมีปัญญาเครื่องพิจารณา รู้สมณพราหมณ์เหล่านั้นว่า เป็นผู้อันทิฏฐิ เข้าไปอาศัย และรู้ว่าเป็นผู้มีทิฏฐิเป็นที่อาศัย รู้แล้ว พ้นวิเศษแล้วย่อมไม่ถึงความวิวาท เป็นธีรชน ย่อมไม่ถึงพร้อมในภพน้อยภพใหญ่.

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/