วันเวลาปัจจุบัน 29 เม.ย. 2024, 13:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 20:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นแม่ครัวเน้นย้ำซ้ำซากกิเลสๆๆ เหลือเกิน

ทั้งที่บอกว่า ปฏิบัติธรรมแบบสติปัฏฐานนั่น แต่ดูเหมือนไม่เข้าใจสติปัฏฐานหรือสัมมาสติเลยสักกะติ๊ด

หากเข้าใจ และรู้วิธีปฏิบัติแล้ว จะเข้าใจต่ออีกว่า การปฏิบัติธรรมให้เข้าหลักสติปัฏฐานนั้น

มันกำจัดกิเลสอยู่ในตัวการปฏิบัติถูกวิธีอยู่แล้ว

ศึกษาขั้นตอนตามหลักวิชา :b1:



-คำจำกัดความสัมมาสติ

-สติปัฏฐานในฐานะสัมมาสติ

-สาระสำคัญของสติปัฏฐาน

-กระบวนการปฏิบัติ (อุบายวิธีการปฏิบัติ)

-บทบาทสติในกระบวนการกำจัดอาสวกิเลส (หรือการพัฒนาปัญญา)

-ผลของการปฏิบัติ

-สติที่ตามทันขณะปัจจุบันเป็นหลักสำคัญของวิปัสสนา

-สติในฐานะความไม่ประมาท (อัปปมาทธรรม )

-สติโดยคุณค่าทางสังคม

viewtopic.php?f=2&t=21861&p=104636#p104636

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 06 ก.พ. 2010, 20:09, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 20:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นกระทู้ที่ดีจังเลยคะ ><

การจะกำจัดกิเลสได้นั้น ต้องรู้จักกิเลสก่อนว่าเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าอยู่ๆนึกอยากกำจัดก็กำจัดได้แล้ว แบบนั้นมันหลงชัดๆเลยละ พวกที่ปฎิบัติไปแล้วไม่เห็นกิเลสเนี่ยแย่จังเลยนะคะ แล้วเมื่อไม่เห็นกิเลสแล้วคิดว่ากิเลสมันไม่มีแล้วก็ยิ่งแย่ใหญ่เลยอะคะ พวกหลงทาง แล้วคิดว่าตัวเองได้นู้นได้นี่ สุดท้ายกิเลสก็มีเต็มหัวน่ะคะ เพราะว่ามองไม่เห็นไม่รุ้จักมัน คิดว่าจู่ๆมันก็หายไปมันจะหายไปได้ยังไงล่ะคะ? มันก็เหมือนเวลาเรียนหนังสือล่ะ คนเรียนหนังสือนั้นมีทั้งแบบ เรียนแบบท่องจำ กับ เรียนแบบเข้าใจ สองอย่างนี้แม้ว่าจะดูเหมือนๆกันแต่จริงๆแล้วต่างกันสุดขั้วคะ เรียนแบบเข้าใจนั้นจะทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างถูกต้องมากกว่าการเรียนแบบท่องจำ ก็ทำนองพวกที่ศึกษาธรรมนั้นแหละเนอะ ศึกษาแล้วรู้เยอะแล้วแต่กลับนำมาใช้กับตัวเองไม่ได้ ก็เพราะว่าไม่ได้เข้าใจถึงหลักธรรมนั้นเอง เข้าใจแต่การท่องจำ ของเขาล่ะ...

อริยสัจ 4

1. ทุกข์
คือ การมีอยู่ของทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ และตายล้วนเป็นทุกข์ ความเศร้าโศก ความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความวิตกกังวล ความกลัวและความผิดหวังล้วนเป็น ทุกข์ การพลัดพรากจากของที่รักก็เป็นทุกข์ ความเกลียดก็เป็นทุกข์ ความอยาก ความยึดมั่นถือมั่น ความยึดติดในขันธ์ทั้ง 5 ล้วนเป็นทุกข์
= การมีอยู่ของกิเลส

2. สมุทัย
คือ เหตุแห่งทุกข์ เพราะอวิชา ผู้คนจึงไม่สามารถเห็นความจริงของชีวิต พวกเขาตกอยู่ในเปลวเพลิงแห่งตัณหา ความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความเศร้าโศก ความวิตกกังวล ความกลัว และความผิดหวัง
= เห็นและเข้าใจว่ากิเลสเป็นอย่างไร

3. นิโรธ
คือ ความดับทุกข์ การเข้าใจความจริงของชีวิตนำไปสู่การดับความเศร้า โศกทั้งมวล อันยังให้เกิดความสงบและความเบิกบาน
= เข้าใจกิเลสได้ จึงรู้วิธีปล่อยวางกิเลสได้

4. มรรค
คือ หนทางนำไปสู่ความดับทุกข์ อันได้แก่ อริยมรรค 8 ซึ่งได้รับการหล่อ เลี้ยงด้วยการดำรงชีวิตอย่างมีสติความมีสตินำไปสู่สมาธิและปัญญาซึ่งจะปลดปล่อย ให้พ้นจากความทุกข์และความโศกเศร้าทั้งมวลอันจะนำไปสู่ความศานติและ ความเบิกบาน พระพุทธองค์ได้ทรงเมตตานำทางพวกเราไปตามหนทางแห่งความรู้แจ้ง
= ละกิเลสได้สำเร็จ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2010, 11:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 28

Learn how to live with the rain And be soaked with wonderful felling says

ค่ะพี่ เสร็จแล้วค่ะพี่ 60/40
ค่ะรอบนี้เห็น เรื่องกลุ่มเดิมๆค่ะ คือเกิดขึ้นในรอบนี้ ซ้ำหลายๆครั้งเช่น อารมณ์พอใจไม่พอใจ
แต่ว่า มันยังไม่ไดขึ้นเป็นอารมณืนั้น ชัดเจน แต่เราเห็นว่า มันเป็นตัวผลัก ผลัก ก่อนก้าวขา
แล้วมันก็ มีการเคลื่อนไหว อยู่แถวๆ เหืออำกับคอหอย เหนืออกกับคอหอย
ถ้าการก้าวขานั้น ผ่านไปแล้ว จะเกิดอารมณ์ตามมา อัดบ้าง สบายบ้าง อัดนั้น
มันเกิดจากการไม่ชอบการก้าวขาที่ผ่านมา แล้วมันไปอัด บางทีมันไปกลั้นหายใจ มันไปแก้ไข
ส่วนเบานั้น มันพอใจ บางๆ บางมากๆ เป็นความเบา พอรู้ว่า มันเบาเพราะมันชอบ ก็อัด
เพราะ อีกก่อนจะอัดอีก เกิดจากว่าเราไปเผลคิดก่อนว่านี่เป็นกิเลสคือความพอใจ แล้วมันถึงอัด
แต่มันคิดอัตโนมัต หลังจากที่เห็นความพอใจน่ค่ะ แล้วเราก็รู้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้ใช้คำกำหนด
รู้ลงไปเฉยๆ เห็นเยอะค่ะ แต่ละก้าวขามีสภาวะเยอะ

แล้วก็มีช่วงที่ เดินได้ต่อเนื่อง รู้ขาต่อเนื่อง ตลอด สัก 5 ก้าวได้
4-5ก้าว แล้วเห็นจิตมันไปลุ้น ประมาณว่าดีแล้ว จะเป็นงี้ต่อไปไหม พอเห็นจิตมันตื่นเต้น ก็ขำ
แล้วก็รู้สภาวะขำต่อไป พอสุดทางจงกรม ก็พลิกตัวกลับ ระหว่างพลิกตัวความคิดก็แทรก
เป็นความทรงจำเก่าๆ ที่ลอยขึ้นมา เรารู้ว่าเป็นเรื่องอะไร แล้วมันก็หายไป แล้วก็เดินต่อ
ไม่ได้หยุดน่ะคะระหว่างนั้น เพราะมันหายไประหว่างเดินอยู่ แล้วก็ช่วงหลังมันฟุ้ง คือมันไปคิดยาว

สุขที่แท้จริง says (10:46 PM):

เรื่องความคิดนี่ สักวันเมื่อหมูเข้าใจสภาวะมากขึ้น เราจะรู้เลยว่า มันก็แค่ความคิด
แล้วเราจะไม่เอาจิตไปเกาะเกี่ยวกับมัน เราจะเป็นแค่ดู รู้วาามันคิด เหมือนลมพัดนะ
สายลมที่พัดผ่านมาแล้วก็ผ่านไป


felling says (10:47 PM):

ค่ะพี่ตอนนี้พอจะเป็นแบบนั้นได้บ้างค่ะ

สุขที่แท้จริง says (10:47 PM):

แล้วเราจะไม่ไปรู้สึกอะไรกับความคิดเลย มันจะเป้นเพียงแค่อะไรสักอย่าง

felling says (10:48 PM):

ค่ะ หมูสังเกตว่า ถ้าเป็นความคิดที่จิตมันคายสัญญาเก่าออกมา
จะเป็นแบบพี่น้ำบอกคือ มาแล้วไป แต่ถ้าเป็นความคิดที่เรายังข้องเกี่ยวอยู่ จิตมันจะสนุก ที่จะไปคิด
สุขที่แท้จริง says (10:48 PM):

มันปรุง
Lear felling says (10:48 PM):

ค่ะ ทีนี้พอหมูรู้ว่ามันฟ้ง ปรุงยาว ก็หายใจลึกๆ 2-3 ครั้ง สบายๆ
สุขที่แท้จริง says (10:49 PM):

เราไปสะดุดมันเอง
felling says (10:49 PM):

ค่ะพี่ แล้วมันก้หายไปง่ายๆ ไม่เกาะเกี่ยว อาลัย เท่าปกติ
สุขที่แท้จริง says (10:49 PM):

ค่ะ สติเริ่มทำงานทันมากขึ้น
felling says (10:50 PM):

แล้วก็เดินต่อไปได้ สักพักเอาอีกแล้ว
สุขที่แท้จริง says (10:50 PM):

ค่ะ ธรรมดาค่ะ
says (10:50 PM):

ก็เป็นแบบนี้ค่ะ มีความอยาก
สุขที่แท้จริง says (10:50 PM):

ถ้าวันไหนสติมากพอแล้ว วันนั้นหมูจะบอกกับพี่น้ำว่า เดินจงกรม รู้ที่อริยาบท รู้ที่เท้ากระทบพื้น
ชัดมากๆ ส่วนสิ่งรอบๆตัวหรือความคิด มันมีจริง แต่เราไม่ไปรู้สึกอะไรกับมัน มันจะมีแค่นี้แหละค่ะ
ตอนนี้หมูยังฟุ้ง ไปหาข้อปลีกย่อยมา ตามแต่จะปรุง


felling says (10:52 PM):

แหมอ่านแล้ว มันกระเหี้ยนกระหือรือ แบบว่า จิตมันอัดที่จมูก ประมาณ จะอาวววว
ถ้าเป็นเด็ก มันคงนอนกลิ้งลงพื้นแล้วดิ้นปั๊ดๆ

สุขที่แท้จริง says (10:53 PM):

เข้าใจค่ะ นั่งล่ะคะ

felling says (10:53 PM):

ก็ วันนี้ รู้ตัวนะคะ คือตอนเริ่มนั่งหายใจลึก ก็รู้สึกถึงท้องพองยุบก่อน
แต่มันไม่ได้ชขัเจนว่าค่อยๆพอง ค่อยๆยุบ รู้แต่มีการพองยุบของท้อง
จังหวะมันจะสั้นๆ เบาๆนิดจากนั้น มันก็ไปรู้กายเคลื่อนไหวแต่ไม่ได้เป็นแบบอกกระเพื่อม
คือรู้รูปกายช่วงบน ไหวๆนิดๆ มีทั้งตามแรงหายใจ และขยับๆนิด โดยี่ไม่เห็นว่าเกิดจากอะไร
และก็ จิตสลับไปที่เวทนา มีเวทนาเช่นขา ต้นขามันมีความรู้สึกไล่ขึ้นชฃ่วงสั้นๆ 2-3 ครั้ง ที่หัว
มีความรู้สึกเหมือนท้ายท้อย บีบเข้าและคลายเบาๆ ตามจังหวะของชีพจร แล้วก็เด๋วก็ไปที่กาย
เคลื่อนไหวเบาๆ แล้วก็ไปที่ช่วงตัก ตรงมือ เห็นว่ามันมีอยู่โฟกัสไปที่นั่น

สักพัก อยู่ๆมันก็เปลี่ยนสภาวะ จิตมันจ่อลงไป เหมือนตอนแรกเราดูกายมันดูกว้างๆ ห่างๆ
แต่อยู่ๆมันก้อโฟกัสไปใกล้ๆ ที่มืดขึ้น แล้วจิตก็เกิดความกลัว ก็ดูความกลัวต่อไป

ดูไปๆ มันก็เปลี่ยนอีก คราววนี้ก็มีเห็นความฟุ้ง หมายถึงเกิดขึ้นหลายสภาวะ จับจดน่ะค่ะ
เช่น เวทน ความคิดขยับเบาๆ อารมณ์โน่นนี่

ในขณะที่ยังคงรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของกายเป็นแบกกราว แต่ช่วงไหนไปที่อารมณ์หรือรู้อย่างอื่น
การเคลื่อนไหวที่รู้จะบางลงไป แต่ก็กลับมารู้ต่อได้ แล้วก็มีจิตไปคิด แต่มันคิดเบาๆ และก็รู้ว่าคิดอยู่

แล้วมันก็ปลี่ยนไปรู้อย่างอื่นอีก บางช่วงเหมือนจิตมันวูบ
แต่มันเบามากๆๆๆ คือวิบ นิดเดียวเท่านั้น ตอนหลังอยากลืมตา คิดว่าทำไมนาน
แล้วมานึกขึ้นได้ว่าลืมกำหนดความรู้สึกนี้ ก็เลยดูใหม่ แล้วก็ดูต่อไปไจนจบ

พอนาลิกาดัง ปกติจะสะดุ้ง อันนี้มันรู้แล้วไม่สะดุ้งค่ะ
หมดเวลามีช่วงไปกินโค้ก เพราะว่าอยากกิน ตั้งแต่เดิน เกือบเดินออกจาลู่แน่ะค่ะ
พอได้เวลาไปกินจริงๆ ดีเลี้ยวกลับทัน พอไปกินจริงๆ ไม่เห็นอร่อยเท่าที่อยากเลย
แถมตอนกิน ยังหลงไปคิดอีก กินเสร็จแล้ว รู้สึกโหย อยากได้รสในจินตนาการ
เพราะที่กินไปมันไม่เหมือนในจินตนาการ เนี่ยค่ะรอบนี้

สุขที่แท้จริง says (11:04 PM):

เมื่อกี้ไม่ได้เปิดเพลงใช่ไหมคะ

felling says (11:04 PM):
ไม่ได้เปิดค่ะ

สุขที่แท้จริง says (11:05 PM):

เหนื่อยมั๊ยตอนนี้ ถ้าไม่เหนื่อยไม่ต้องเปิด
felling says (11:05 PM):

ไม่เหนื่อยค่ะ ได้ค่ะพี่
สุขที่แท้จริง says (11:05 PM):

งั้นไม่เปิดค่ะ เดิน 60 นั่ง 45
felling says (1:03 AM):

เรียบร้อยค่ะพี่ เดินครั้งนี้ไม่เห็นอะไรละเอียดเท่ารอบที่แล้วค่ะ มีหลักๆ 3 อย่างคือหลงไปคิด
แล้วมารู้การเดิน แล้วอัดๆ ที่คอ กับไม่พอใจสภาวะ มีเวทนาบ้าง หลักๆมีเท่านี้น่ค่ะ ที่เหลือคือยิบย่อย
เช่น กำหนด สองครั้ง ครั้งที่ 3 จิตไม่ขึ้นคำกำหนด และ บางช่วเดินรู้เท่าแต่กำหนดไม่ได้
เพราะมันจะไม่ทันกันทั้งๆที่เดินไม่เร็ว แต่จิตมันจะดูเฉยๆ

ส่วนนั่งนะคะ ตอนนั่ง ครั้งนี้ก็เห็นไม่กี่อย่างค่ะไม่ยิบย่อย อย่างแรกคือนั่งเล้วตอนเริ่มปรับลม
เห็นการเคลื่อนไหวของกายตามการปรับลม จากนั้นเห็นพองยุบแต่ไม่ขัดขนาดขึ้นพองยุบ
และมาเห็นกายนั่งได้แป๊ปเดียว ไม่ค่อยเห็นการเคลื่อนไหวชัดเจนนัก แล้วหลงไปเลย
หลงไปจริงๆจัง คิดว่าเป็เรื่องจริงกับความคิด แล้วก็มารู้ตัว พอรู้ตัวก็มาหายใจยาวๆ
ดูการเคลื่อนไหวต่อ แล้วก็ไปรู้เวทนา เวทนาดับ จากนั้นหลงไปอีก

มีเหมือนมันเซ จิตมันเซหรือกายเซไม่รู้ค่ะ เอนนิดหนึ่งก็รู้ตัว ก็หายใจยาวๆ
แล้วก็รู้กายใหม่ได้ แต่แป๊ปเดียว ก็หลง คือสลับรู้กายสั้นๆ หลง รู้ตัว รู้เวทนา
ไปๆมาๆแบบนี้ แต่ไม่มีง่วงหรือเคลิ้มค่ะ เซ 2-3 ครั้ง มีมันหายใจไม่ออกด้วยค่ะ
สุขที่แท้จริง says (1:10 AM):

ค่ะ เราไปเกร็งมัน เห็นความแตกต่างมั๊ยคะ

felling says (1:11 AM):

คือมันหายใจไม่ออกเหมือนแน่นๆแต่มันวับเดียว แล้วหาย แล้วเข้ามาใหม่ แล้วหาย ค่ะ
สุขที่แท้จริง says (1:11 AM):

ไม่มีอะไรค่ะ หมูเห็นความแตกต่างของเดินจงกรมทั้งสองรอบไหม
Learn how to live with the felling says (1:11 AM):

เห็นชัดมากค่ะ
สุขที่แท้จริง says (1:11 AM):

รู้มั๊ยเพราะอะไร
felling says (1:12 AM):

หมูคิดว่าเกิดจากความคาดหหวังจากรอบแรก อ่าหรือเปล่าคะ

สุขที่แท้จริง says (1:13 AM):

ทีนี้ถามอีกนะคะ จากที่พี่พูดเรื่องความคิดให้หมูฟังเมื่อกี้ หมูได้อะไรจากตรงนั้นบ้างมั๊ยคะ

felling says (1:14 AM):

ก็หมูเข้าใจว่าความคิดมันไม่สำคัญอะค่ะเราห้ามมันไม่ได้ มีก็รู้ว่ามี ก็แค่นั้นอะค่ะ


สุขที่แท้จริง says (1:14 AM):

แล้วมีผลต่อการเดินจงกรมรอบต่อมาหรือเปล่าคะ

felling says (1:14 AM):

จริงด้วยค่ะ

สุขที่แท้จริง says (1:15 AM):

เห็นยัง
felling says (1:15 AM):

พอพูดเรื่องนี้ รอบหลังคิดอุตลุตเลย มีแวบขึ้นมานิดหนึ่งค่ะพี่ ตอนเดิน ว่า
ใจหมูไม่เท่าเทียม กับสภาวะ
สุขที่แท้จริง says (1:15 AM):

มันก็แค่ความคิด รอบสองนี่ พี่กำลังจะบอกว่า หมูเริ่มสรุปสภาวะได้ชัดเจนขึ้น
ไอ้พวกระยิบระยับหมูไม่สนใจมัน จะเอาแต่หลักๆ หมูเริ่มเข้าใจคำว่าสภาวะมากขึ้น
สติน่ะ หมูลองกลับไปดูนะ


felling says (1:17 AM):

อืมมม คือแบบว่า มันไม่เห็นพวกระยิบระยับอะคะ มันไม่เห็นพวกนั้น หมูเลยไม่รายงาน
มันเห็นเป็นกลุ่มๆ

สุขที่แท้จริง says (1:17 AM):

ค่ะ นี่แหละสภาวะ ถ้าจิตเราไหลนะ มันจะเห็นระยิบระยับ
felling says (1:18 AM):

อ้อ เพราะเราไหลเยอะ สภาวะมันก็เลยระยิบยับๆ ตามการไหล ใช่ไหมคะ
สุขที่แท้จริง says (1:19 AM):

ใช่ค่ะ สติหมูเริ่มดีขึ้น
felling says (1:19 AM):

อืมๆ ค่ะ หมูก็นึกว่าไม่ค่อยดีเลยไม่ค่อยเห้นอะไร หลงก็หลงไปเลยไม่มีรายละเอียด จริงๆแล้วไม่ใช่

สุขที่แท้จริง says (1:20 AM):

ถ้ามันไหลนะ ถ้ามันไหล เราจะเห็นรายละเอียดเยอะมากๆ

felling says (1:19 AM):
แต่ว่า มันก็ขึ้นๆลงไใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says (1:22 AM):

ไม่ค่ะ ขึ้นแล้วมันไปเองตามสภาวะ
felling says (1:23 AM):

หมายถึง สติมันก็เดินหน้าต่อไม่ถอยหลัง ต่อไป แล้วมันจะไม่ไหลง่ายถ้าเราเพียรเรื่อยๆ
สุขที่แท้จริง says (1:24 AM):

ใช่ค่ะ สติมันจะเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ
felling says (1:24 AM):

ค่ะพี่ วันนี้หมูทำบุญครบรอบวันตาย 100 วันของพ่อ
สุขที่แท้จริง says (1:25 AM):

โมทนาค่ะ
felling says (1:25 AM):

สาธุค่ะ หมูก็ไม่มีอะไรตอบแทนพ่อ ก็เลยปฎิบัติและอุทิศให้ท่าน
ปกติเวลากรวดน้ำถวายของพระ จะฟุ้งน่ะค่ะบางที่ก็คิดไม่ดี
แต่วันนี้จิตมันสงบ มีสมาธิ คำเพ้อเจ้อมันยิบๆ แต่ยังไม่ขึ้น

สุขที่แท้จริง says (1:26 AM):

ค่ะ สติดีขึ้น
felling says (1:26 AM):

มันก้สงของมันได้เอง เมื่อถึงเวลาเราไม่ต้องบังคับ
ขอบคุณพี่น้ำมากๆ นะคะ ช่วยหมูจนหมูสามารถ ทำได้ขนาดนี้ กราบขอบคุณจริงๆค่ะ

สุขที่แท้จริง says (1:27 AM):

คงจะเกิดจากปีติวันนี้น่ะ จิตหมูเลยสงบ สาธุค่ะ ผลของความเพียรต่อเนื่องด้วยน่ะ

felling says (1:28 AM):

หมูคิดในใจอยู่เลยค่ะ ว่า อ้าวถ้าพรุ่งนี้ไม่ปิติละช้าาน มิน่าเขาถึงให้ทำบุญบ่อยๆ
สุขที่แท้จริง says (1:28 AM):

หมูทำเอง ย่อมได้ผลเอง มันไม่แน่นอนค่ะ ดีมั่ง ไม่ดีมั่ง อย่าไปยึดติด
การสวดมนต์ ก่อนนั่งสมาธิ บางคนชอบทำเพราะเหตุนี้ จิตมันเกิดกุศล

felling says (1:29 AM):

ค่ะช่วยได้ หมูก็รู้สึกสงบขึ้น ถ้าขอขมา และสวดมนต์ก่อน
สุขที่แท้จริง says (1:29 AM):

หมูจะสวดมนต์ก่อนปฏิบัติก็ได้นะ
felling says (1:29 AM):

ปกติทำอยู่ค่ะ ยกเว้นลืม

สุขที่แท้จริง says (1:30 AM):

พี่รอได้ไม่เป็นไร ไม่ต้องสวดยาวนัก

felling says (1:30 AM):

เจ้าวาเขาแนะนำมาค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 77 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร