คำถาม ๑ (พระบุญตา ปสนฺนจิตฺโต)

เรื่องของธรรมะเป็นของมีอยู่ประจำในตัวของแต่ละบุคคล
จะสูงจะต่ำหยาบหรือละเอียดก็ดี
ทำไมคนเราจึงมองไม่เห็นธรรมนั้น เพราะเหตุใด


คำตอบ ๑ (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)

เรื่องธรรมะเป็นของเห็นได้ยากเหมือนกัน

ธรรมะมีประจำไม่ใช่เฉพาะบุคคลเท่านั้น
แท้จริงธรรมะเป็นของมีอยู่ทั่วหมดในโลกอันนี้
ที่ท่านเรียกว่ารูปธรรม นามธรรมนั่นเอง

ที่คนมองเห็นได้ยากก็เพราะพื้นฐานภูมิของใจมันยังมืดอยู่ด้วยกิเลส
ซึ่งไม่สามารถจะรับรองหรือรับเอาธรรมะนั้นมาไว้คิดพิจารณาค้นคว้า
ได้แก่ใจยังไม่สงบ

ความสงบของใจเป็นพื้นฐานที่ตั้งของธรรมะ ธรรมะเป็นความสงบ

คือคนเราโดยมากหาธรรมะ มีแต่คิดส่งส่ายออกไปภายนอก ถึงรู้ก็ตามเถิด

รู้ตามปริยัติที่บัญญัติไว้ในตำรา
หรือว่าพิสูจน์ตามหลักฐานคือศัพท์หรือคำบาลีนั้น
ยังไม่ใช่ตัวธรรมะที่แท้จริง

เป็นแต่รู้ตามตำรา
จะเอามาใช้ให้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริงยังไม่ได้ก่อน

ต่อเมื่อรู้ด้วยปัจจัตตังเฉพาะตนเท่านั้น
จึงจะนำเอามาใช้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่

ฉะนั้นจึงเป็นของเห็นได้ยาก


จาก - http://www.thewayofdhamma.org/page4_3/bunta.html

สาธุครับ

คำถาม ๑ (พระบุญตา ปสนฺนจิตฺโต)

เรื่องของธรรมะเป็นของมีอยู่ประจำในตัวของแต่ละบุคคล
จะสูงจะต่ำหยาบหรือละเอียดก็ดี
ทำไมคนเราจึงมองไม่เห็นธรรมนั้น เพราะเหตุใด




Buddha.......ให้คำชึ้แจง และถวายให้ความรู้ ต่อพระสงฆ์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะครองสีมา อรัญวาสี หรือ คามวาสี พึงได้ทำความเข้าใจไว้ว่า
ท่านทั้งหลาย ข้อคิดเห็นของข้าพเจ้านี้ ไม่ใช่ข้อคัดค้าน แต่เป็นการอธิบายเพิ่มเติม และอธิบายเพื่อให้ท่านทั้งหลายที่เป็นพุทธศาสนิกชนได้เกิดความเข้าใจ ในหลักการทางพุทธศาสนา
สิ่งที่เป็นคำตอบของพระสงฆ์ด้านบนนั้น เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับหลักธรรมทางพุทธศาสนา
หากท่านทั้งหลายได้ศึกษา พระไตรปิฎก แม้ไม่มากนัก (ข้าพเจ้าเองก็มีเวลาน้อยในการอ่านพระไตรปิฎก จึงยังไม่รู้ความในพระไตรปิฎกได้หมด ต้องรอ) ก็สามารถเกิดความเข้าใจในหลักการทางศาสนาพุทธได้ว่า

หลักการทางพุทธศาสนานั้น เป็นหลักแห่งความจริง ในตัวมนุษย์ทุกคน ทุกเชื้อชาติ เพียงแต่ในพระไตรปิฎกบางส่วน จะใช้สำหรับพระสงฆ์โดยเฉพาะ และไม่ได้สอนให้พระสงฆ์ มองฆราวาส เหมือนกับมองการครองเรือนของตัวพระสงฆ์เอง
คือให้มองคนละอย่างกัน ตามสภาพการครองเรือน

ในตัวมนุษย์ มีหลักธรรม ตามหลักพุทธศาสนาทุกคน แต่การใช้หลักธรรมในตัวมนุษย์นั้น แตกต่างกันไป เช่นบ้างก็ใช้หลักธรรมที่เป็น อกุศล บ้างก็ใช้หลักธรรมที่เป็น กุศล
ทุกคน มองเห็นธรรมในตัวด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น แต่การมองเห็นหลักธรรม และประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรมที่มีอยู่ในตัวเขาเหล่านั้น จะเป็นไปในทางใด เพื่อใคร ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
หากมนุษย์ทั้งหลายเหล่านั้น มีความคิด หรือได้รับการขัดเกลาไปในทางที่เป็น อกุศลธรรม มามาก พฤติกรรม ทั้งทางด้าน กาย (วาจา) ใจ ก็ย่อมเป็นไปในทางอกุศลธรรม
หากมนุษย์ทั้งหลายเหล่านั้น มีความคิด หรือได้รับการขัดเกลา ไปในทางที่เป็น กุศลธรรม จนไปถึงระดับ โลกุตรธรรม อันได้แก่ มรรค ๔ ผล ๔ พฤติกรรม ทั้งทางด้าน กาย (วาจา) ใจ ก็ย่อมเ็นไปในทาง กุศลธรรม ฯ
ซึ่ง ก็ย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยสิ่งแวดล้อมอื่นๆด้วย
ดังนั้น ธรรมทั้งหลายทางพุทธศาสนา ที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว จึงไม่ใช่สิ่งที่เห็นได้ยาก
แต่เป็นสิ่งทีเห็นได้ง่าย แต่จะเห็นธรรมเหล่านั้น ไปในทาง อกุศลธรรม หรือ ไปในทาง กุศลธรรม หรือไปในทาง โลกุตตรธรรม
ขอให้พระสงฆ์ ทั้งหลาย ได้คิดพิจารณา ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ อย่างถ่องแท้
อนึ่ง หากผู้ใด มีศรัทธาต่อพุทธศาสนา อยากเห็นพระสงฆ์ มีความรู้ ความเข้าใจ หลักการทางพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง และมีทุนทรัพย์อย่างพอเพียง เหลือมาก
ก็ขอได้ ช่วยนำเอา คำชี้แจงของข้าพเจ้า พิมพ์ ออกแจกจ่ายไปทุกวัด ทุกสำนักสงฆ์ ก็คงจะเป็นบุญกุศลเป็นอย่างยิ่ง ต่อพระพุทธศาสนา
ข้าพเจ้ามีความรู้ และกำลังเท่านี้แหละขอรับ