ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
เป็นอนัตตา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=25726 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | รสมน [ 20 ก.ย. 2009, 12:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | เป็นอนัตตา |
ธรรมเป็นอนัตตา เป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่อยากไปก็ได้ไป มีเหตุปัจจัยก็ไปในที่ อโคจร การเกิดขึ้นของกุศลจิตและอกุศลจิตก็เป็นอนัตตาด้วย แต่การอบรมปัญญา เป็นการรู้สภาพธรรที่มีจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ไม่ว่าที่ไหนปัญญาก็สามารถ เกิดขึ้นได้เพราะมีสภาพธรรมให้รู้ หากไปแล้วมีธรรมที่มีจริงให้รู้ไหม ธรรมทั้งหลายที่มี จริงนี่แหละครับ เป็นที่ที่สติสามารถรู้เป็นโคจรของสติ สติปัฏฐานสามารถเกิดระลึกรู้ ลักษณะของสภาพธรรมว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราได้ เป็นโคจรประเภทหนึ่งที่เรียกว่า อุป นิพันธโคจร คือ สิ่งที่ผูกไว้เป็นที่เที่ยวไปของบุคคลต่างๆคือสติปัฏฐาน 4 นั่นเอง ซึ่งสามารถอบรมได้ในทุกสถานที่เพราะธรรมมีอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน สติปัฏฐานจึง เป็นโคจรของบุคคลต่างๆ(อุปนิพันธโคจร) ดังนั้นโคจรจึงมีหลายนัย อันจะนำมาสู่ความเข้าใจในการอบรมปัญญา อีกนัยหนึ่ง โคจร มี 3 อย่างคือ อุปนิสัยโคจร คือ การเข้าไปอาศัยกัลยาณมิตรผู้มีคุณธรรมมีปัญญาแล้วทำให้ตัวเอง เจริญในคุณธรรมและปัญญา เข้าใจถูกในหนทางดับกิเลส เป็นต้น อารักขโคจร คือ ภิกษุเป็นผู้สำรวมกาย วาจา เมื่อบิณฑบาต มีจักษุทอดลงต่ำ ไม่แล ดูสิ่งไม่ควร ไม่วอกแวก เป็นต้น อุปนิพันธโคจร คือ สิ่งที่ผูกไว้เป็นที่เที่ยวไปของภิกษุคือสติปัฏฐาน 4 นั่นเองครับ ซึ่งสามารถอบรมได้ในทุกสถานที่เพราะธรรมมีอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน สติปัฏฐานจึง เป็นโคจรของภิกษุ(อุปนิพันธโคจร) สามารถอ่านเพิ่มเติมในเรื่องอาจารและโคจรที่นี่ครับ พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 394 หรือในวิสุทธิมรรค เรื่อง ศีลนิเทส ทุคติ แปลว่า ที่ไปอันชั่ว ทีอยู่อันชั่ว ภพอันเป็นที่ไปของสัตว์อันชั่ว พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 770 ชื่อว่า ทุคติ เพราะเป็นภูมิเป็นที่ไป คือ เป็นที่พำนักอาศัยแห่งทุกข์.อีกอย่าง หนึ่ง ชื่อว่า ทุคติ เพราะเป็นภูมิเป็นที่ไป อันเกิดด้วยกรรมชั่ว เหตุมากไปด้วยโทสะ โดยศัพท์แล้วไม่เกี่ยวข้องกับอคติ แต่ผู้ที่อคติ(ลำเอียง)แล้วทำชั่วย่อมไปสู่ทุคติได้ คำว่าอคติ หมายถึง ฐานะอันไม่พึงถึง,ทางความประพฤติที่ผิด, ความลำเอียง มี ๔ คือ ๑. ฉันทาคติ ลำเอียงเพราะรัก ๒. โทสาคติ ลำเอียงเพราะชัง ๓. โมหาคติ ลำเอียงเพราะเขลา ๔. ภยาคติ ลำเอียงเพราะกลัว |
เจ้าของ: | damjao [ 23 ก.ย. 2009, 12:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เป็นอนัตตา |
ผู้ใดไม่มีกิเลสเป็นเหตุคอยกังวลว่า นี้ของเรา นี้ของคนอื่น ผู้นั้นไม่ต้องเผชิญกับเจ้าตัว "ของข้า" จึงไม่เศร้าโศกว่า ของเราไม่มี เขาไม่กระวนกระวาย ไม่ติดข้อง ไม่หวั่นไหว เป็นผู้สมำเสมอในที่ทั้งปวง เมื่อเขาไม่หวั่นไหว มีความรู้แจ้งชัด จึงปราศจากความรู้สึกปรุงแต่งใดๆ เขาเลิกรำพึงรำพันหมดแล้ว จึงมองเห็นแต่ความปลอดโปร่งในที่ทุกสถาน ยอดของความรู้ที่ควรรู้ ก็คือ การรู้เท่าทันต่อสิ่งที่เคยหลงว่าเป็นตัวตน ว่าไม่เป็นตัวตน หรือมีตัวตนนั่นเอง เปลี่ยนจากความโง่หลงว่า มีอัตตา มาเป็นความเห็นอย่างรอบรู้และแจ่มแจ้งว่า ไม่มีอัตตา ดังนี้ ความรู้นี้เกิดขึ้น ความไม่รู้(อวิชชา) ก็หายไป ราคะ โทสะ โมหะ ซึ่งเกิดขึ้นจากความไม่รู้เป็นมูลฐาน ก็พลอยถูกโค่นทำลายสาปสูญไปด้วย จึงไม่มีการหลงผิดเป็นถูก ไม่หลงใหลมัวเมา ความรู้สึกว่า "อัตตา" ซึ่งเป็นเสมือนต้อกระจกในนัยน์ตา ถูกลอกออกอย่างเกลี้ยงเกลา ญาณทัสนะ หรือดวงตาที่แจ่มใส ก็ทำหน้าที่เห็นได้อย่างถูกต้องตามที่เป็นจริง รู้จักโลก โดยประการที่มันไม่อาจยำยีจิตใจให้ทุกข์ทนหม่นไหม้ได้อีกตลอดกาลาวสาน นั่นคือแสงสว่างชนิดที่อาจส่องลงไปได้ถึงที่ๆแสงอาทิตย์ ซึ่งเรารับรองกันว่าไม่มีแสงอะไรยิ่งกว่าส่องไปไม่ถึง! ความโง่ถูกเพิกถอน กวาดทิ้งหมดไปจากดวงจิต ความฉลาดแผ่รังสีออก สร้างความเยือกเย็น เย็นโดยไม่ต้องรดนำแต่เย็นกว่ารดนำ ขอกราบอนุโมทนาบุญ สาธุ................. ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |