ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
มีข้อความดีๆ มาฝากครับ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=23439 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | muansudjai [ 03 ก.ค. 2009, 18:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | มีข้อความดีๆ มาฝากครับ |
พุทธทาส ๏คำว่าความโลภ ความโกรธ ความหลงนี้ที่จริงแล้วเป็นเรื่องของคนทุกคนจะต้องรู้ ถ้าไม่รู้จักและควบคุมมันไม่ได้ก็ต้องเป็นทุกข์เพราะความโลภ โกรธ หลงนั่นเอง ๏เมื่อเกิดความอยาก ก็ต้องสนองตามความอยากนั้น และเมื่อไม่ได้ตามความอยากก็โกรธจนเกิดไฟเผาลนจิตใจ ทีนี้ถ้าไม่รู้ว่าจะแก้มันอย่างไรก็คือโมหะความหลง นี่กิเลสมันวนเวียนเนื่องกันอยู่อย่างนี้ ๏กิเลสมันเกิดได้ง่ายๆถ้าเราปล่อยให้มันเกิดขึ้นบ่อยๆ เช่น เมื่อโลภครั้งหนึ่งมันก็เก็บไว้หน่วยหนึ่ง เมื่อสะสมมากเข้ามันก็เคยชิน ที่จะแสดงความโลภออกมาได้ง่าย ความโกรธกับความหลงก็เช่นเดียวกัน ๏พระพุทธเจ้าตรัสว่าบิดามารดาเป็นปุพพาจารย์ คือเป็นอาจารย์คนแรกของบุตร ถ้าสอนดีอบรมดี มันก็ง่ายที่เด็กคนนั้นจะเติบโตขึ้นมาเป็นคนดี เพราะมีพื้นฐานของจิตใจมาในทางที่ดี ๏ขอให้สนใจเรื่องของจิตใจที่ควรเป็นไปในความถูกต้องที่เรียกว่าบุญ อย่าให้เป็นไปในความผิดพลาดที่เรียกว่าบาป เด็กสมัยนี้หัวเราะเยาะคำว่าบุญว่าบาป ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ๏ธรรมะ คือระบบการปฏิบัติที่ถูกต้องแก่ความรอดทั้งทางกายและทางจิต ในทุกขั้นตอนตามวิวัฒนาการของชีวิตทั้งเพื่อตนเองและผู้อื่น ๏พวกเราที่อยู่กันที่นี่เราพูดว่าการทำงานก็เพื่อเอาเหงื่อมาล้างความเห็นแก่ตัว การทำงานเป็นการปฏิบัติธรรมและมันจะทำลายความเห็นแก่ตัวได้เอง ๏การศึกษาถ้าไม่ลงมือทำไม่เป็นการศึกษาหรอก ให้เรียนจบมหาวิทยาลัย แต่ถ้าความรู้เหล่านั้นไม่มาเปลี่ยนเป็นการกระทำแล้ว นั่นยังไม่ใช่การศึกษา ๏พระพุทธเจ้าท่านบูชาหน้าที่มาก แม้จะอยู่ที่ไหนท่านก็ทำหน้าที่ของท่านครบวงจรในแต่ละวัน คือตั้งแต่หัวรุ่งเช้าไปโปรดสัตว์ให้ได้รับธรรมะ จนถึงดึกดื่นเที่ยงคืนกว่าจะพักผ่อน ๏คำว่าบุญหมายถึงสิ่งซึ่งเป็นเครื่องชำระชะล้างบาป การทำบุญหวังให้สวยให้รวยให้ได้สวรรค์วิมานที่เต็มไปด้วยกามารมณ์เหล่านี้ มันเป็นการชำระชะล้างบาปหรือเปล่า? ป.อ.ปยุตโต ๏พุทธศาสนาสอนให้เราเป็นสุขและให้รู้ทันความทุกข์ ฉะนั้นพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งความสุขไม่ใช่ศาสนาแห่งความทุกข์ แต่เผชิญหน้ากับความทุกข์ด้วยปัญญา ๏ศาสนาพราหมณ์ถือว่าเทพเจ้านั้นสูงสุดเป็นผู้บันดาลทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นไปตามอำนาจ พุทธศาสนาสอนใหม่บอกว่าชาวพุทธถือธรรมะเป็นใหญ่ มนุษย์กับเทวดาจะชนะกันก็ที่ธรรมะ ๏คนเราควรใช้ชีวิตด้วยปัญญาแม้แต่เรื่องการกินก็ควรรู้ว่าเรากินเพื่ออะไร วัตถุประสงค์ที่แท้นี่เรากินเพื่ออะไรต้องตอบให้ได้นะ ถ้าตอบไม่ได้ท่านเรียกว่ากินด้วยโมหะ ๏พุทธศาสนาไม่ได้สอนให้คนหวังพึ่งพิงฤทธิปาฏิหาริย์ แต่สอนให้พยายามทำให้ได้ด้วยตนเอง คือพยายามพัฒนาตนเองจนพึ่งพาตนเองได้ ๏พุทธศาสนาถือธรรมเป็นใหญ่ ซึ่งตรงข้ามกับลัทธิที่มีมาก่อนพระพุทธเจ้าเกิดขึ้น ลัทธิเหล่านั้นถือเทพเป็นใหญ่จึงต้องเซ่นบวงสรวงคอยแต่จะให้เทวดามาช่วย ๏มีภาษิตว่า ความเพียรของมนุษย์เทวดาก็กีดกันไม่ได้ ก็หมายความว่า พุทธศาสนาไม่ให้ยอมแพ้แก่โชคชะตา ให้ใช้ความเพียรพยายามด้วยปัญญา แล้วจะเอาชนะโชคชะตาได้ ๏เราต้องการผลก็ต้องทำเหตุ จะให้อะไรๆมันลอยเข้ามาเองได้อย่างไร เหมือนกับเราอยากสอบได้แต่ไม่เคยดูหนังสือ ได้แต่ไปอ้อนวอนอย่างเดียวเชื่อได้ว่าไม่มีทางสอบได้ ๏ความอดทนมีคุณลักษณะเปรียบเหมือนผืนแผ่นดินที่มีความหนักแน่น รับได้ทั้งของดีและของเสีย และเหมือนช้างศึกที่ฝ่าฟันไปในสนามรบ ไม่หวาดหวั่นจนบรรลุถึงจุดหมายที่ต้องการได้ ๏เงินทองนี่เป็นสิ่งสมมติ ที่มนุษย์มีความฉลาดในการบัญญัติมันขึ้นมา ให้รับรู้ร่วมกันว่ามันมีค่าเท่าไร แต่มนุษย์ไม่ควรมาติดอยู่แต่สมมตินี้มากเกินไป จนทำให้เข้าไม่ถึงความจริงของธรรมะ ๏การแสดงความเห็นมันต้องมาคู่กับการหาความรู้ ถ้าไม่มีความรู้ก็จะแสดงไปตามความชอบใจหรือไม่ชอบใจของตัว มันก็จะไม่ใช่ความคิดเห็นที่เกิดจากความรู้ความเข้าใจ ว.วชิรเมธี ๏ชีวิตคนต้องไปให้ถึงสามสิ่งนี้คือ รู้ ตื่น เบิกบาน รู้คือรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ตื่นคือตื่นจากโลภโกรธหลง พอออกจากโลภโกรธหลงได้ชีวิตมันก็เบิกบานมีชีวิตชีวา ๏ธรรมะนั้นเป็นของบริสุทธิ์ เราต้องทำตัวเองให้สะอาดบริสุทธิ์พร้อมที่จะรองรับธรรมะ ทำใจให้สงบให้นิ่ง เปิดใจให้สว่างเบาสบาย แล้วสติปัญญาก็จะเกิดตามมาเอง ๏ธรรมทุกข้อเหมือนดอกไม้ที่ร้อยในพวงมาลัยเดียวกัน เราแตะดอกไหนจะสะเทือนไปทุกดอก ปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน เมื่อเราปฏิบัติให้ถูกต้องแล้ว ธรรมทุกข้อจะเชื่อมโยงถึงกันหมด ๏มีสักกี่คนในโลกนี้ที่ดำเนินชีวิตด้วยปัญญา ไม่วิ่งตามยุคสมัย ไม่วิ่งตามแฟชั่น ไม่เห่อตามสิ่งไร้สาระ เหมือนเช่นในหลวงของเรา ๏การบริโภคแบบคุณค่าแท้คือบริโภคที่ประโยชน์ของมันตรงๆ และบริโภคแบบหลงในคุณค่าเทียมในแบรนด์เนม เมืองไทยเราตอนนี้หลงใหลกันอยู่กับคุณค่าเทียมมากกว่าคุณค่าแท้ ๏การคิดให้ดีคือคิดแล้วกุศลธรรมเจริญ อกุศลธรรมเสื่อม หมายความว่าคิดแล้วความดีงามเพิ่มขึ้น ฉลาดขึ้น คิดแล้วเอาไปใช้งานได้จริง เป็นประโยชน์ทั้งกับตัวเองและผู้อื่น ๏เราไม่ต้องรอให้เป็นคนที่พร้อมทุกสิ่งทุกอย่างหรอก แต่ขอให้เราสร้างสภาพแวดล้อมให้ตัวเราเองเป็นสภาพแวดล้อมแห่งธรรมะเถิด ๏เวลาเราจะทำความดีอะไรสักอย่างเราจะมีเหตุผลอยู่ชุดหนึ่งเพื่อเราจะได้ไม่ต้องทำ คือคำว่าปุถุชนก็เป็นอย่างนี้แหละ ไม่ต้องอะไรมากมายหรอก ๏อบายมุข คือประตูแห่งความเสื่อมของชีวิตคนเรา ทั้งๆที่รู้ว่าทางนี้คือทางแห่งความเสื่อม แต่คนก็ยังแห่กันไปมากมาย ๏คำว่า เอาเถอะใครๆ เขาก็ทำกันไม่ต้องคิดมากหรอก นี่แหละเป็นเหตุผลของฝ่ายมารที่จะชักชวนเราไปในทางเสื่อมระวังให้ดีๆ ข้อความทั้งหมดจากบริการ ธรรมะใกล้มือ เดือนมิถุนายน 2552 ครับ ถ้าอยากได้ขอความดีๆ แบบนี้ทุกเช้า สามารถสมัครรับเป็น sms ได้ที่หมายเลข *292*278# แล้วกดโทรออก เฉพาะผู้ใช้ AIS เท่านั้นครับ (ฟรีแบบไม่มีเงื่อนไข) และสามารถ download เสียง และสมัครรับในรูปแบบ e-mail ได้ที่ http://www.dhamma4u.com/ ครับ |
เจ้าของ: | น้องนุ่น [ 03 ก.ค. 2009, 21:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มีข้อความดีๆ มาฝากครับ |
สาธุๆๆๆๆๆๆ |
เจ้าของ: | damjao [ 07 ก.ค. 2009, 07:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มีข้อความดีๆ มาฝากครับ |
ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ............... |
เจ้าของ: | ปิยาภา [ 08 ก.ค. 2009, 09:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มีข้อความดีๆ มาฝากครับ |
อนุโมทนาสาธุ ค่ะ |
เจ้าของ: | ariyachon [ 08 ก.ค. 2009, 09:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มีข้อความดีๆ มาฝากครับ |
๏พุทธศาสนาไม่ได้สอนให้คนหวังพึ่งพิงฤทธิปาฏิหาริย์ แต่สอนให้พยายามทำให้ได้ด้วยตนเอง คือพยายามพัฒนาตนเองจนพึ่งพาตนเองได้ ๏เวลาเราจะทำความดีอะไรสักอย่างเราจะมีเหตุผลอยู่ชุดหนึ่งเพื่อเราจะได้ไม่ต้องทำ คือคำว่าปุถุชนก็เป็นอย่างนี้แหละ ไม่ต้องอะไรมากมายหรอก อนุโมทนาด้วยครับ ธรรมะสวัสดีครับ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |