วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 04:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2009, 19:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว




1180576857.gif
1180576857.gif [ 86.34 KiB | เปิดดู 2865 ครั้ง ]
:b8: ขออนุโมทนาสาธุค่ะ พระราชปุจฉาที่อัญเชิญมาและบทความต่างๆ มีค่ามากมายยิ่งกว่าทองคำ :b8:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




1159361991.jpg
1159361991.jpg [ 38.06 KiB | เปิดดู 2853 ครั้ง ]
1159362033.jpg
1159362033.jpg [ 27.22 KiB | เปิดดู 2851 ครั้ง ]
1159362086.jpg
1159362086.jpg [ 44.77 KiB | เปิดดู 2850 ครั้ง ]
1159362148.jpg
1159362148.jpg [ 46.46 KiB | เปิดดู 2849 ครั้ง ]
1159362193.jpg
1159362193.jpg [ 33.18 KiB | เปิดดู 2848 ครั้ง ]
1159362250.jpg
1159362250.jpg [ 34.48 KiB | เปิดดู 2844 ครั้ง ]
1159362322.jpg
1159362322.jpg [ 35.21 KiB | เปิดดู 2843 ครั้ง ]
1159362378.jpg
1159362378.jpg [ 31.06 KiB | เปิดดู 2842 ครั้ง ]
11593625571.jpg
11593625571.jpg [ 40.46 KiB | เปิดดู 2840 ครั้ง ]
1159362645.jpg
1159362645.jpg [ 37.21 KiB | เปิดดู 2840 ครั้ง ]
ชีวิตคืออะไร??

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 21:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ค. 2009, 20:44
โพสต์: 341

ที่อยู่: ภาคตระวันออก

 ข้อมูลส่วนตัว




คำอธิบาย: นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

buddha003~1.jpg
buddha003~1.jpg [ 20.91 KiB | เปิดดู 2830 ครั้ง ]
สาธุการจะเป็นผ้าขี้ริ้วนั้นไม่ใช่เรื่องยากครับผ้าขี้ริ้วห่อทองมีเยอะนะกัลญาณมิตรครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตด้วยครับ

เทพบุตร

.....................................................
การให้ธรรมะเป็นทานชนะการให้ท้งปวง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 21:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
สาธุการจะเป็นผ้าขี้ริ้วนั้นไม่ใช่เรื่องยากครับผ้าขี้ริ้วห่อทองมีเยอะนะกัลญาณมิตรครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตด้วยครับ

เทพบุตร


ลงท้ายด้วย เทพบุตร ทุกครั้ง
เทพบุตร มีที่มายังไงขอรับ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 21:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอบแทนมั๊ยคะ คุณอาทิสมานกาย :b32:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2009, 00:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




post-5994-1203230069.jpg
post-5994-1203230069.jpg [ 182.44 KiB | เปิดดู 2792 ครั้ง ]
เรื่องเล่า คำด่า

เพื่อนเอ๋ย......

ไม่ทราบว่า แกเคยได้ยินคำพูดนี้มาก่อนหรือไม่ ?
“คนที่สมบูรณ์พร้อมทุกอย่างนั้นหายากยิ่งนัก”
เพราะความสมบูรณ์พร้อมทุกอย่างหาได้ยากยิ่งนี่แหละ ในชีวิตคนเราจึงถูกคนอื่น ตำหนิ ด่าว่า อยู่เรื่อยๆ
บางทีเราก็โกรธคนที่ด่าว่าเรา บางครั้งเราก็รับได้
บางทีก็ถึงกับเกลียดคนที่ด่าแบบข้ามเดือนข้ามปีไปเลย
ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะคนเรามีธรรมชาติอย่างหนึ่งคือ
“ไม่ต้องการให้ใครมาทำร้ายความรู้สึก”

ฉันไม่ทราบว่า แกเคยนั่งคิดถึง “คำด่า” บ้างไหมว่า ไอ้เจ้าคำด่านี่ มีประโยชน์หรือไม่หนอ ?
สำหรับฉัน ฉันคิดนะ ที่คิดเพราะว่า
ฉันอ่านพบในหนังสือและได้ฟังนักวิชาการหลายท่าน พูดถึง แง่ดีแง่งามของคำด่า
แรกๆ ฉันก็คิดว่า คำด่า มันจะมีประโยชน์อะไรเล่า นอกจากทำร้ายจิตใจคนที่ถูกด่าเท่านั้นเอง
มาวันนี้ ฉันคิดผิดถนัด เพราะฉันเริ่มมองเห็นแล้วว่า
แท้จริงแล้ว คำด่ามันมีประโยชน์อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว บางทีอาจจะมีคุณค่าและมีประโยชน์มากกว่า “คำชม” เสียด้วยซ้ำไป
นักปราชญ์บางท่านถึงกับเห็นคำด่าเ ป็นนอกไม้เลยยทีเดียว และนี่แหละที่ทำให้ฉันตั้งหัวข้อจดหมายว่า “ดอกไม้แห่งคำด่า”

คนส่วนใหญ่โดยทั่วไปมักเห็นคำด่าเป็น “ก้อนอิฐ” และเห็นคำชมเป็น “ดอกไม้”
แต่นี่นักปราชญ์บางท่านกลับเห็นตรงกันข้ามว่า “คำด่า” ต่างหากที่เป็น “ดอกไม้”
ไม่แน่ว่า บางทีท่านอาจเห็น “คำชม” เป็นเหมือนยาพิษเคลือบน้ำตาล
เพราะมันอาจจะทำให้คนเหลิงหลงจนเสียคนไปเลย ดั่งที่พวกเราเคยได้ยินสำนวนไทยที่ว่า “กิ้งก่าได้ทอง” หรือ “คางคกขึ้นวอ” อะไรประมาณนั้น

แกอาจจะสงสัยว่า นักปราชญ์ที่เห็นคำด่าเป็นดอกไม้นั้น ท่านมีเหตุผลอย่างไร ?
ประเด็นนี้ ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เท่าที่คิดดูนะ บางทีท่านอาจเห็นแบบที่ฉันกำลังจะพูดต่อไปนี้ มีเหตุผลเพียงพอหรือไม่ ก็วานแกช่วยฉันคิดด้วยก็แล้วกัน

ที่ว่า “คำด่า” เป็น “ดอกไม้” เพราะว่า

๑. คนที่ถูกด่ามากๆ ถ้ารู้จักคิดหาแง่ดีแง่งามจากคำด่า เขาจะนำคำด่านั่นแหละมา
พิจารณาดูตัวเขาเองว่า ตัวเองเป็นเหมือนที่คนอื่นด่าว่าหรือเปล่า ถ้าเป็นเหมือนที่ด่าก็ถือโอกาสปรับปรุงใหม่ซะให้ดีขึ้น แต่ถ้าไม่จริง ก็ฟังไว้เตือนสติตัวเองว่า อย่าประพฤติผิดพลาดให้เขาด่าว่าได้นะ

๒. คนที่ถูกด่าแล้ว นำคำด่ามาปรับปรุงชีวิตของตัวเอง ก็เหมือน พระหล่อด้วยทองคำหรือทองแดงที่ถูกตะไบหรือกระดาษทรายขัดแล้วขัดอีก ผลสุดท้ายเป็นไงล่ะ ตัวตะไบหรือตัวองค์พระกันแน่ล่ะที่ดูงดงามขึ้น องค์พระใช่ไหม ? หรือ อุปมาเหมือน ตัวดาบตัวกระบี่ กว่าจะเป็นกระบี่หรือดาบที่คมกริบได้ ก็เพราะถูกช่างตีแล้วตีอีก ตีจนพอใจนั่นแหละ คนที่ถูกด่าก็เช่นกัน ถ้ายอมรับคำด่าของคนอื่นได้ แล้วยินดีปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรมของตนเอง เขาจะงดงามได้ มีคุณค่าได้ เหมือนดาบหรือกระบี่

๓. ระหว่างคำด่ากับคำชมนั้น คำด่า คือ สิ่งที่ทำให้คนเราดีขึ้นได้ง่ายมากกว่าคำชม คำชมอาจให้กำลังใจได้ แต่ก็เสี่ยงต่อการทำให้คนเหลิงและหลงตัวเองได้ง่าย แต่คำด่านั้น ไม่มีทางที่จะทำให้คนเหลิงและหลงตัวเองเด็ดขาด มีแต่ทำให้คนเกิดความมุมานะ พยายามมากขึ้น เพื่อรบรอยคำสบประมาทที่คนอื่นด่าว่าดูถูกเหยียดหยามเอาไว้ ดั่งเช่น กรณีชีวิตการเป็นจิตรกรของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เป็นตัวอย่าง กว่าที่อาจารย์ท่านจะมีวันนี้ได้ วันที่ไปสอบเข้าเรียนต่อนั้น ท่านถูกคนด่าว่าสบประมาทไว้เยอะ ส่วนจะว่าอย่างไรบ้างนั้น ฉันคิดว่า แกคงสามารถหาอ่านได้ในงานเขียนที่พูดถึงประวัติของอาจารย์เฉลิมชัย เช่นงานเขียนเรื่อง “ไม่ธรรมดาฯ” ของคุณ ยุพา (ถ้าฉันจำผิด ก็ขอโทษแกด้วยละกัน) คำด่าสร้างคนได้นะ ฉันว่า มันน่าจะคล้ายๆกับ “ไม้เรียวสร้างคน”


ด้วยเหตุผลดังว่ามานี้ ชีวิตที่ถูกคนอื่นด่าว่าบ่อยๆ ถ้าเขาคิดฝึกฝนตัวเองเพื่อลบรอยดูถูกของคนด่า สักวันเขาจะได้ดี ซึ่งก็เหมือนว่า คำที่คนอื่นด่าไว้มากๆนั้น เขาเก็บมาเรียงร้อยเป็น “พวงดอกไม้” ครอบชีวิตของเขาเอง ด้วยการมองในแง่บวก แล้วพัฒนาปรับปรุงชีวิตให้ดีงาม งดงามยิ่งขึ้น แต่ถ้าไม่คิดแบบดังกล่าว ชีวิตก็มีทางล่มจมได้เหมือนกัน เพราะเห็นตนเองไร้ค่า ด้อยค่า ทำอะไรก็ถูกด่าหมด

ฉันอาจจะชวนแกคิดเรื่องอะไรที่มันหนักสมองไปหน่อย แต่ฉันคิดว่า ในฐานะเพื่อนฉันต้องการเห็นเพื่อนของฉันทุกคน มีจิตใจที่งดงาม เปี่ยมด้วยไมตรี รู้จักมองแม้แต่สิ่งที่คนอื่นเห็นว่า “ไม่ดี” ให้เห็นว่า “ดี” ได้ และใช้การมองโลกแบบนี้แหละ ฝึกฝนพัฒนาชีวิต(ในด้านจิตใจ)ของตนเอง

เพื่อเป็นการผ่อนคลาย ฉันมีเรื่องเล่าประกอบให้แกฟัง

นายช่างแกะสลักหินคนหนึ่ง แกได้หินก้อนใหญ่มาสองก้อน สมมติว่าชื่อ หิน กับ หิน ข ก็แล้วกัน เจ้าหิน ก. เป็นก้อนหินที่ช่างลงมือตอกเหล็กแกะก่อน แต่ปรากฏว่า พอถูกช่างลงมือตอกเหล็กแกะไปได้นิดหน่อย หิน ก. ก็ร้องโอดโอย ขอหยุด ไม่ขอเป็นอะไรตามที่ช่างต้องการจะแกะให้เป็นแล้ว ช่างก็ไม่ว่าอะไร ตามใจ จัดการให้คนเอาหิน ก. ไปทุบและบดให้ละเอียด แล้วเอาไปโรยที่ถนนหน้าโรงแกะสลักหินนั่นเอง

จากนั้นก็เคลื่อนหิน ข. มาแกะ ปรากฏว่า หิน ข. นี้อดทนมาก ยินยอมตัวเองให้ ช่างแกะสลัก จนเสร็จสิ้น ปรากฏว่า พอช่างแกะเสร็จ กลายเป็นพระพุทธรูปหินสวยงามองค์หนี่ง ใครที่ผ่านไปผ่านมาเห็นเข้าก็ยกมือไหว้ท่วมหัว ฝ่ายเจ้าหิน ก. เห็นดังนั้น ก็อดคันปากไม่ได้ จึงเอ่ยปากถามหิน ข. ว่า

“เออ..นี่ เจ้า ข. แกกับข้ามันก็เป็นหินเหมือนกันนี่ แต่ทำไม ผู้คนเขายกมือไหว้แก แต่กลับเดืนเหยียบข้าล่ะ แกมีดีอะไร เขาถึงไหว้แก ?” หิน ข. ได้ฟังจึงตอบว่า

“แกฟังนะ เจ้า ก. ที่แกถูกผู้คนเดินเหยียบย่ำติดดินอย่างทุกวันนี้ ก็เพราะแกขาดความอดทน แกทนให้นายช่างแกะสลักแกไม่ไหว สุดท้ายชีวิตของแกถึงเป็นแบบนี้ไงล่ะ ส่วนฉัน ฉันอดทน ยอมให้ช่างแกะสลักจนเสร็จ ดังนั้น ฉันจึงได้กลายเป็นพระพุทธรูปหินที่ผู้คนเห็นแล้วต่างก็ให้ความเคารพไงล่ะ”

เพื่อนเอ๋ย...... ฉันเล่าเรื่องนี่เพื่อต้องการจะบอกว่า

เหล็กที่ช่างแกะสลักตอกลงบนเนื้อหิน ก็เปรียบเสมือนคำด่าของคนอื่นนั่นแหละ ถ้าเราไม่อดทน ไม่รู้จักมองให้เห็นคุณค่าเสียแล้ว ชีวิตเราก็จะเหมือนกับหิน ก. ที่ตลอดชีวิต ถูกมนุษย์เหยียบย่ำไปมา เป็นได้แค่ “หินรองบาทา” เขาเท่านั้น ส่วนคนที่เขาอดทนได้และรู้จักใช้ประโยชน์จากคำด่านั้น ชีวิตก็จะเหมือนกับหิน ข. ที่ตลอดชีวิตกลายเป็น “หินศักดิ์สิทธิ์” ที่ใครเห็นแล้วก็ยกมือไหว้ด้วยศรัทธา ไม่ต้องกลายเป็นหินรองบาทของใครเขา

ฉันคิดว่า ฉันเขียนมากพอสมควรแล้ว

หวังว่า เนื้อความในจดหมายของฉันฉบับนี้จะไม่ทำให้แกเบื่อหรือรำคารญนะปิยมิตรของฉัน....แต่ถ้าแกอ่านแล้วรู้สึกเห็นแย้ง หรือ ไม่พอใจ ก็ลอง “ด่า” ฉันสักคำสองคำก็ได้ เผื่อว่า บางทีฉันอาจได้ประโยชน์จากคำด่าของแก พอจะทำให้ได้ใช้ปรับปรุงชีวิตที่เป็นอยู่ในขณะนี้ให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้

ฉันขอจบจดหมายฉบับนี้ด้วยบทกลอนต่อไปนี้ก็แล้วกัน ซึ่งฉันจำไม่ได้แล้วว่า ใครเป็นคนประพันธ์ไว้ แต่ว่า อ่านแล้ว ทำให้ใจเย็นขึ้นเป็นกอง

เขาว่าเรา เราไม่โกรธ ลงโทษเขา
ในเมื่อเรา ไม่ได้เป็น เช่นเขาว่า
หากเราเป็น จริงจัง ดั่งวาจา
เมื่อเขาว่า อย่าโกรธเขา เราเป็นจริง

หวังว่า แกและครอบครัวจะสบายดีทั้งกายและใจ

คิดถึงแกเสมอ

ชนสุรินทร์

๒๙ ม.ค. ๕๑



แบบว่าอ่านแล้วชอบเลยนำมาแบ่งปันกัน เจอในเนตค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2009, 00:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




t__1110880701.jpg
t__1110880701.jpg [ 75.3 KiB | เปิดดู 2789 ครั้ง ]
เรื่องเล่า เกี่ยวกับพ่อ

. หลังวาเลนไทน์ วันที่ 14 กุมภาพันธ์

ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เหมือนคนทั่วไป

“กุหลาบ ช็อคโกแลต คำบอกรัก"

สามสิ่งนี้ต้องเวียนเข้ามาหาชีวิตผม

เพื่อให้คนคนหนึ่งใน ทุก ๆ ปีของวันนี้
. . . ก่อนวันที่ 14 กุมภาพันธ์
ผมเดินออกจากบ้าน

ในมือมีผ้าเช็ดหน้าสีชมพูที่ต้องการเอาให้แฟนของผม

เธอเป็นหญิงสวยมาก เป็นดาวคณะของมหาลัยของเรา
ก่อนผมจะออกไปพบเธอ เธอโทรมาหาผม

ผมจึงวางผ้าเช็ดหน้าที่ผมบรรจงพับไว้บนโต๊ะ
หลังจากการพร่ำบอกรักกันด้วยถ้อยคำหวานหูเป็นเวลานานทีเดียว

ผมปรี่ออกจากบ้านไปหาเธอ

โดยไม่ลืมผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น
แต่แล้ว!!

ผมก็เห็นพ่อของผมถือมันออกมา ในผ้าผืนนั้นมีรอยเลือด

"พ่อ ทำอะไรหนะ" ผมโพล่งถามด้วยความโมโห
พ่อหน้าซีดทันที

"เหมียวหนะ มันโดนกัด พ่อเลยเอาผ้าไปเช็ดเลือด"

"พ่อรู้ไหม ผมกำลังจะเอาไปให้แฟน"
พ่อเงียบ . . . ผมเกลียดจริงๆ เวลาพ่อเงียบเมื่อจนกับปัญหา

ความโหโหสั่งผมให้ทำได้แม้กระทั่งจะตบหน้าพ่อ
พ่อเบือนหน้า

"พ่อขอโทษ มานี่ . . . " พ่อยื่นมือมารับผ้าเช็ดหน้า

"พ่อจะเอาไปซักให้เอง"
ผมงอนพ่อถึงกับไม่ยอมคุยกับพ่อเป็นเวลานานพอควร

ไม่ยอมลงจากบ้าน

เป็นเวลาเกือบทั้งสองวันที่ผมไม่เจอหน้าใคร

หมกตัวอยู่กับห้อง มีเพียงแม่เท่านั้นที่คอยส่งข้าวให้ผม
ยามเมื่อผมมองตาแม่ครั้งใดทุกครั้ง ดวงตาแม่จะแดงปรี่ด้วยน้ำตา

ผมเริ่มรู้สึกว่า บางทีผมอาจจะทำเกินไป
. . . 14 กุมภาพันธ์
ตั้งแต่ครั้งที่ผมเห็นแม่เสียใจ

ผมก็รู้สึกว่าผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า

ผมยอมออกมาจากห้อง
ผมไม่เห็นพ่อ
เดินออกมาที่บริเวณลานซักผ้า กาละมังยังมีผ้าที่ยังไม่ซักหลายผืน

ข้างๆ มีกองเลือดอยู่ และที่ราวตากผ้ามี ผ้าเช็ดหน้าของผม

ถึงจะล้างรอยเลือดไม่หมด ก็ยังดีที่พ่อยังห่วงใยผม ยังแคร์ผมอยู่
"พ่อ ผมอยากขอโทษครับ"

พอผมหันหน้าจะกลับเข้าบ้าน ก็พบกับแม่ แม่ร้องไห้มาแต่ไกล

แม่วิ่งมากอดผม "พ่อเสียแล้วนะ"

ผมอึ้ง!!
แม่ลำดับเหตุการณ์ และทำให้ผมทราบว่า

พ่อป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจติดเชื้อ

รอยเลือดที่เห็นนั้นคือเลือดที่พ่อจามออกมา พ่อมองไม่เห็น

"พ่อกำชับแม่มาตอนที่ลูกโกรธว่า อย่าบอกลูกเด็ดขาดว่าพ่อป่วย "

"ทำไมล่ะครับ"

"พ่อกลัวเราจะเสียใจ แล้วไม่ได้ออกไปเที่ยวกับแฟน"
ผมอึ้งเป็นครั้งที่สอง!

"พ่อบอกแม่ด้วยว่า ถ้าพ่อเสียวันนี้ อย่าเพิ่งบอกลูก

ให้ลูกไปเที่ยวกับแฟนก่อน

พ่อไม่อยากให้ลูกเป็นทุกข์ พลาดโอกาสอย่างนี้เพราะพ่อคนเดียว

พ่อบอกด้วยว่าพ่อซักผ้าเช็ดหน้าให้แล้ว มันไม่สะอาดหรอก

แต่พ่อบอกว่าพ่อของลูกทำดีที่สุดแล้ว"
ผมกอดแม่ ร้องไห้

วันนี้จะเป็นวันวาเลนไทน์ที่อยู่ในความทรงจำตลอดไป
"พ่อครับ ผมขอโทษ . . . "



อ่านแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างคะ ... นำรูปปู่เย็นมาประกอบค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2009, 00:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




untitled41.bmp
untitled41.bmp [ 198.69 KiB | เปิดดู 2776 ครั้ง ]
untitled40.bmp
untitled40.bmp [ 197.81 KiB | เปิดดู 2775 ครั้ง ]
untitled41.bmp
untitled41.bmp [ 198.69 KiB | เปิดดู 2773 ครั้ง ]
untitled40.bmp
untitled40.bmp [ 196.93 KiB | เปิดดู 2772 ครั้ง ]
untitled41.bmp
untitled41.bmp [ 197.81 KiB | เปิดดู 2771 ครั้ง ]
untitled40.bmp
untitled40.bmp [ 198.69 KiB | เปิดดู 2770 ครั้ง ]
ก้าวต่อไป…

ชีวิตของเราบางครั้งก็คงเหมือนกับหอยทากตัวนี้


บางครั้งก็เจออุปสรรคปัญหาที่จะต้องพยายามผ่านพ้นไปให้ได้


แม้ว่าจะยากลำบากสักเพียงใด


เห็นภาพนี้แล้วก็รู้สึกขอบใจหอยทากตัวนี้


ที่ทำให้รู้สึกว่าชีวิตของเรายังต้อง


เจออะไรอีกมากมาย และเรายังต้องสู้ต่อไป อย่ายอมแพ้!


…..


ขอเพียงใจอย่ายอมแพ้


อย่าอ่อนแอแม้สิ้นหวัง


จุดประกายแห่งพลัง


สร้างความหวังแล้วก้าวไป

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2009, 19:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มิ.ย. 2009, 15:39
โพสต์: 90


 ข้อมูลส่วนตัว


๐๐๐ s007 ๐๐๐


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 23:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




untitled5.bmp
untitled5.bmp [ 78.98 KiB | เปิดดู 2751 ครั้ง ]
ท้องฟ้า แผ่นดิน และผืนน้ำ

เมื่อก่อนนี้ ท้องฟ้า แผ่นดิน และผืนน้ำ เป็นเพื่อนรักกัน
ทั้งสามอยู่ใกล้ชิดติดกัน จนกระทั่งโลกได้กำเนิดพืชและสัตว์ขึ้น
แผ่นดินและผืนน้ำก็มัวแต่ดูแลเอาใจใส่พืชและสัตว์ จนละเลยและไม่สนใจท้องฟ้า
ท้องฟ้าก็เริ่มรู้สึกน้อยใจ และถอยตัวห่างออกไป ห่างออกไปทุกที ทุกที

จนถึงวันที่มีนกตัวแรกออกโบยบิน แผ่นดินและผืนน้ำจึงได้รู้ว่าท้องฟ้าได้จากไปไกลแสนไกล
แผ่นดินและผืนน้ำพยายามส่งเสียงเรียกท้องฟ้า แต่ท้องฟ้าอยู่ไกลมาก เลยไม่ได้ยิน

นกตัวนั้นจึงอาสาที่จะไปบอกกับท้องฟ้า นกก็บินขึ้นสูง สูงขึ้น สูงขึ้น และส่งเสียงเรียก
แต่เสียงนกนั้นเบาเกินไป ไปไม่ถึงท้องฟ้า แต่นกก็สัญญาว่า ต่อไปนี้นกทุกตัวจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
เพื่อนำข่าวจากแผ่นดินและผืนน้ำไปบอก

ผืนน้ำและแผ่นดินรู้สึกเศร้าใจที่เพื่อนได้ห่างออกไปไกล และคิดถึงเพื่อนเหลือเกิน
ผืนน้ำพยายามที่จะม้วนตัวเป็นเกลียวคลื่นครั้งแล้วครั้งเล่า แผ่นดินพยายามยกตัวสูงจนตั้งตระหง่าน
แต่นั่นก็ยังสูงไม่พอ ยังไม่ใกล้ท้องฟ้า

พระอาทิตย์ซึ่งเฝ้ามองดูเหตุการณ์มาโดยตลอด ก็บอกกับทั้งสองว่า "เราอาจจะช่วยพวกเจ้าได้"
พระอาทิตย์จึงอาสาช่วย โดยการส่องแสงลงมายังผืนน้ำและแผ่นดิน ทำให้ระเหยกลายเป็นไอ
ลอยไปรวมตัวกันเป็นก้อนเมฆ ลอยขึ้นไปบอกข่าวแก่ท้องฟ้า เล่าเรื่องราวต่างๆเป็นรูปตามที่
แผ่นดินและผืนน้ำได้พบเจอมา และบอกว่าแผ่นดินและผืนน้ำคิดถึงมาก
อยากให้ท้องฟ้าลงมาสนิทแนบชิดเหมือนเมื่อก่อน

ท้องฟ้าได้รับรู้เรื่องราว ก็รู้สึกเสียใจ แต่ก็กลับลงไปไม่ได้

"ฉันกลับลงไปไม่ได้หรอก เพราะฉันเติบโตขึ้น และอยู่สูงเกินไป ลงไปไม่ได้แล้ว
ฉันได้แผ่ขยายตัวเองจนกว้างขวาง ที่ฉันทำได้ก็เพียงแต่เฝ้ามองดูอยู่ไกลๆ และโอบกอดแผ่นดิน
และผืนน้ำไว้อย่างอ่อนโยนเท่านั้น และถึงแม้จะมีนกบินมาส่งข่าว แต่ฉันก็ยังคิดถึงแผ่นดิน
และผืนน้ำ และอยากจะบอกกับทั้งสองว่า ฉันเองคิดถึงเพื่อนมากมายเพียงใด"

ก้อนเมฆก็ตอบว่า "อยู่บนนี้นานๆก็เหงาเหมือนกัน บางทีก็อยากกลับลงไปข้างล่างบ้าง"

ท้องฟ้าเลยบอกว่า "ฉันก็เหงาเหมือนกัน แต่ว่าฉันกลับลงไปไม่ได้ แต่เจ้าลงไปได้นี่ ถ้าอย่างนั้น
ฉันจะส่งเจ้ากลับลงไป และความคิดถึงของฉันก็หนักมากพอที่จะส่งพวกเจ้าลงไปหมดทั้งท้องฟ้า"

จากนั้นก้อนเมฆทั้งหมดก็รวมตัวกัน และรวมเข้ากับความคิดถึงอันมากมายของท้องฟ้า
แล้วตกลงมาเป็นหยาดฝน ส่งผ่านความรัก ความคิดถึงมายังแผ่นดินและผืนน้ำ

จึงไม่แปลก ถ้าเมื่อใดที่ฝนตก แล้วเราจะรู้สึกคิดถึงคนที่เรารัก
คนที่เราผูกพัน และบางครั้ง ท้องฟ้าก็ส่งความเหงาลงมาด้วย

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2009, 11:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


น่ารักจังค่ะ...คุณน้ำ

ขอบคุณนะคะ...ที่นำเรื่องราวดีดีมาฝากกัน
ทำให้สดใสดีจัง

ธรรมะสวัสดีค่ะ

รูปภาพ

รูปภาพ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 160 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร