ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

เชื่ออย่างไร จึงได้ปัญญา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=23106
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  kritsadakorn [ 18 มิ.ย. 2009, 11:59 ]
หัวข้อกระทู้:  เชื่ออย่างไร จึงได้ปัญญา

รูปภาพ

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

บางคนก็ว่านึกถึงความตายบ่อยๆเข้า กลัวอายุมันจะสั้น มันจะตายเร็ว
ผู้ที่ยุยงส่งเสริมอย่างนั้นก็มี คนหูเบา คนปัญญาอ่อน
ก็ไปเชื่อเอาเลย ไม่อยากนึกถึงความตาย กลัวจะอายุสั้น
แท้ที่จริงหาเป็นอย่างนั้นไม่

ถ้าเป็นเช่นนั้น พระศาสดาไม่ได้ทรงสอนให้เราไปนึกถึงความตายหรอก
ความจริงน่ะ เพราะว่าชีวิตนี้ อัตภาพร่างกายอันนี้มันมีบุญและบาปเป็นเครื่องรักษาอยู่
บุญบาปที่บุคคลทำมาแต่ชาติก่อนหนหลัง มันตามมารักษาไว้อยู่
ถ้าบุญกรรมนั้นยังไม่หมด ตราบใดแล้ว
ต่อเมื่อผู้นั้นจะนึกถึงความตาย วันละร้อยวันละพันครั้ง มันก็ไม่ตาย
อายุมันก็ไม่สั้นหรอก ด้วยเหตุผลกลใดเล่า
เพราะว่ามันมีหลักฐานอยู่ มันมีหลักฐานยืนยันอยู่แล้ว

เพราะฉะนั้นคนเราต้องศึกษาให้เข้าใจ ให้เห็นตามเป็นจริง
อย่าไปเชื่อปรัมปรา คนที่เห็นผิดมีอยู่มากในโลกนี้
ตนเห็นผิดแล้วยังไปหลอกลวงคนอื่นให้ตามไปด้วย อย่างนี้มีอยู่ถมไป

บางคนตนเห็นผิดก็ไม่รู้หรอกว่าตนเห็นผิด ยังเข้าใจว่าตนเห็นถูกอยู่อย่างนั้นแหละ
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าได้ทรงสอนไว้ บุคคลไม่ควรเชื่อในอาการ ๑๑ อย่าง
ที่ท่านแสดงไว้ในกาลามสูตร

ข้อหนึ่งนั้นว่า ไม่ควรเชื่อโดยสำคัญว่า ผู้นี้เคยเป็นครูเป็นอาจารย์ของตนมา
พระศาสดาทรงสอนถึงขั้นนั้น ถึงแม้ผู้นั้นเป็นครูอาจารย์เคยสอนตนมาอยู่บ่อยๆก็ช่างนะ
ถ้าหากว่าตนยังวินิจฉัยคำสอนที่ท่านแนะนำนั้น
ยังไม่เห็นแจ่มแจ้งขึ้นมา ก็ไม่ควรที่จะไปเชื่อไปเลยทีเดียว
พระองค์เจ้าหมายเอาอย่างนั้น

ต้องค้นคว้า ต้องพิจารณาคำสอนที่ท่านแนะนำมานั้น มันเป็นความจริงหรือไม่
ถ้าตนคิดไม่ออกก็นำไปถามท่านผู้รู้ทั้งหลายดู
ถ้าท่านผู้รู้ท่านรู้จริง ท่านจะได้แสดง ท่านจะได้ชี้แจงให้ฟังพร้อมด้วยเหตุด้วยผล
จนเจ้าของปัญหาหายสงสัย นั่นแหละจึงค่อยเชื่อ
หายสงสัยว่า ครูอาจารย์ที่ท่านแนะนำสั่งสอนมานี้ท่านสอนถูกทางจริงๆ
เป็นทางพ้นทุกข์จริงไม่ผิด เพราะว่าตนก็พิจารณาเห็นแจ้งด้วยตนเองขึ้นมาแล้ว

ไม่ว่าเรื่องใดๆ เมื่อเราได้ยินได้ฟังมา
ก็ควรที่จะน้อมเข้าไปวินิจฉัยให้มันเห็นแจ้งประจักษ์ด้วยตนเองทุกอย่าง
ถ้าไม่สามารถเห็นแจ้งด้วยตนเองก็ไปเรียนถามท่านผู้รู้ทั้งหลาย

อย่างว่านั้นแหละ ให้ท่านชี้แจงแนะนำให้เข้าใจ
อันนี้ได้ชื่อว่าเป็น บ่อเกิดแห่งปัญญาอย่างหนึ่ง
ไม่มีเขาไม่มีเราอยู่ในขันธ์ห้านี้เลย
เมื่อมันเห็นว่างจากสัตว์จากบุคคล ตัวตน เรา เขา ไปอย่างนี้
การที่มันจะไปสร้างกรรมดีกรรมชั่ว พาตัวให้ไปเกิดอีกนั้นไม่เอาแล้ว
ทำความดีก็ทำเพื่อขจัดกิเลสตัณหาออกจากจิตใจเท่านั้น
ไม่ได้ทำความดีเพื่ออะไร

สำหรับท่านผู้รู้ทั้งหลายนะ ท่านย่อมน้อมใจลงอย่างนี้


ที่มา: http://www.dlitemag.com/index.php?optio ... t&Itemid=1

เจ้าของ:  ลูกโป่ง [ 18 มิ.ย. 2009, 12:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เชื่ออย่างไร จึงได้ปัญญา

บางคนตนเห็นผิดก็ไม่รู้หรอกว่าตนเห็นผิด
ยังเข้าใจว่าตนเห็นถูกอยู่อย่างนั้นแหละ
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าได้ทรงสอนไว้
บุคคลไม่ควรเชื่อในอาการ ๑๑ อย่าง
ที่ท่านแสดงไว้ในกาลามสูตร


สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...คุณkritsadakorn

ธรรมะสวัสดีค่ะ

รูปภาพ

เจ้าของ:  มิตรตัวน้อย [ 18 มิ.ย. 2009, 15:45 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เชื่ออย่างไร จึงได้ปัญญา

สาธุ.. :b8:
กาลามสูตร เข้าใจว่ามี ๑๐ อย่างนะครับ คุณลูกโป่ง
หรือว่าผมจำผิด

:b8: :b11:

เจ้าของ:  วรานนท์ [ 18 มิ.ย. 2009, 15:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เชื่ออย่างไร จึงได้ปัญญา

:b8: :b8: :b8:

อนุโมทนาสาธุด้วยครับ

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  อมิตาพุทธ [ 18 มิ.ย. 2009, 16:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เชื่ออย่างไร จึงได้ปัญญา

กาลามสูตร คือ พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ
หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล (เรียกว่า เกสปุตสูตร ก็มี)
กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน
ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณา
ให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ มีอยู่ 10 ประการคือ


1.อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
2.อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
3.อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
4.อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
5.อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
6.อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
7.อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
8.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
9.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
10.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน


เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล
ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข
เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่


สาธุด้วยครับ
:b8: :b8: :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/