ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ชีวิตคล้ายหนังสือเล่มหนึ่ง http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=23056 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | อิกคิว [ 16 มิ.ย. 2009, 11:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | ชีวิตคล้ายหนังสือเล่มหนึ่ง |
ชีวิตคล้ายหนังสือเล่มหนึ่ง ![]() ณ โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง หลังจากสอบกลางภาคเสร็จใหม่ๆ อาจารย์วนารักษ์เดินผ่านบริเวณที่นั่งริมสวนหย่อม เห็นเด็กชายป๋องลูกศิษย์คนสนิท นั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว เกิดความสงสัยจึงเดินตรงเข้าไปถาม อาจารย์ “แหมขยันจังเลยนะ สอบเสร็จไม่ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนเหรอ ทำไมจึงมานั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว?” ศิษย์ยกมือไหว้ พร้อมกล่าวว่า “สวัสดีครับ อาจารย์ อ๋อ! ป๋องเผอิญอ่านหนังสือค้างไว้ตั้งแต่ก่อนสอบ สอบเสร็จแล้วจึงมานั่งอ่านต่อ กำลังสนุกเลยครับ” อาจารย์ “ตัวครูเองก็ชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน เอาไว้วันหลังครูจะเอาหนังสือดีๆ มาให้เธออ่านบ้าง เอแต่เธอเคยคิดไหมว่า ชีวิตเราก็คล้ายกับหนังสือเล่มหนึ่งเหมือนกันนะ” ศิษย์ “อย่างไรหรือครับ?” อาจารย์ “ก็คือว่า หนังสือชีวิตของเรา ชีวิตเราเป็นเสมือนกระดาษเปล่าที่เราต้องใช้ประสบการณ์ในชีวิตของเราเป็นเนื้อหาของหนังสือน่ะซิ ชีวิตที่จริงแล้วก็เป็นเพียงหน้ากระดาษของเวลาอันว่างเปล่า เราต้องใช้ความคิดของเราเพื่อสรรสร้างสาระขึ้นมา ไม่มีใครเขียนแทนให้เราได้ เราเป็นผู้เขียน เป็นผู้อ่านเองทุกวัน สุขใจและทุกข์ใจเอง ทุกวัน เราอาจโกหกคนอื่นได้แต่เราโกหกใจของตัวเองไม่ได้เลย ถ้าเราทำดีแล้วได้สิ่งที่ตัวเองต้องการเราก็จะบันทึกเรื่องที่ดีๆไว้ในใจเราก็มีความสุข ถ้าเราทำชั่วหรือไม่ได้ตามสิ่งที่ต้องการเราก็มีความทุกข์ เราก็บันทึกเรื่องราวต่างๆไว้ในความทรงจำของเราเสมอ” ศิษย์ “เหมือนจดไดอารี่ใช่ไหมครับ” อาจารย์ “คล้ายๆ อย่างนั้น แต่นอกจากนั้นก็คือ เราเป็นผู้กำหนดเรื่องราวของชีวิตตัวเองด้วย ทั้งความสำเร็จและล้มเหลว ไม่ใช่แค่บันทึกเรื่องราวๆ ต่างๆ อย่างเดียว” ศิษย์ “ไม่เข้าใจครับ เราจะเลือกเป็นอะไรได้ตามใจเราหรือครับ ส่วนใหญ่ ผมว่าเราถูกสภาพแวดล้อมกำหนดมากกว่า เช่น มีคนมาทำให้พอใจไม่พอใจ บางทีก็มีโชคชะตำกำหนดให้โชคดีโชคร้ายสลับกันไป” อาจารย์ “เธอยังไม่เข้าใจ เรานี่แหละกำหนดชะตาชีวิตของเราเอง ในศาสนาพุทธเราไม่เคยพูดว่าชะตาชีวิตเราถูกกำหนดไว้แล้ว มีแต่เพียงกรรมที่เราสร้างไว้ในอดีตและปัจจุบันที่กำหนดตั้งแต่ตัวเราเอง ให้มีรูปร่างหน้าตา สติปัญญา นิสัยใจคอ เป็นเช่นไร แล้วเราจึงกำหนดการกระทำด้วยเจตนาที่ดีและชั่วเป็นกรรมต่อไปในชาตินี้และชาติต่อไป อาจมีบางครั้งที่กรรมในอดีตมาให้ผลบ้างเช่น ประสบอุบัติเหตุ ประสบชะตากรรมที่ไม่ดี มีโรคประจำตัว มีโรคร้ายแรง หรือ มีศํตรูคู่เวรมารังควาญ ก็เป็นเพียงฉากหนึ่งให้เราเลือกแสดงกรรมเท่านั้น ผู้ไม่รู้ก็คิดว่าเป็นโชคชะตา ผู้รู้ก็จะทำใจได้ว่าเป็นผลของกรรมเก่าและกรรมไม่ดีในบัจจุบันมาร่วมกันส่งผลแค่นั้นเอง เราก็ทำกรรมใหม่ประคับประคองไปได้ โดยไม่ต้องปล่อยใจให้ทุกข์จนเกินไป เพราะทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตนของใครเลย สรุปก็คือ เรานี่แหละเป็นคนเขียนหนังสือกำหนดอุปนิสัย บทบาทของตัวละคร และเป็นตัวแสดงเสียเอง เมื่อแสดงไปนานๆ ก็จำไม่ได้ว่าเรากำหนดอะไรไว้ ทำอะไรไว้ อาจเป็นเพราะบทบาทที่เราต้องเลือกแสดงในแต่ละวันเหมือนไม่มีใครกำหนดหรือบังคับ พอเกิดเรื่องอะไรไม่ดีก็โทษโชคชะตา โทษกรรม แล้วใครเล่าจะเป็นคนกำหนดโชคชะตาหรือกรรม ถ้าไม่ใช่ตัวเอง ล้วนเป็นสิ่งที่เราทำไว้แล้วเป็นต้นทุนทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้รอเพียงเวลา สถานการณ์ และโอกาสที่จะให้ผลแค่นั้นเอง” ศิษย์ “แต่เราไม่รู้ว่าเราทำกรรมไม่ดีอะไรมาบ้าง อย่างนี้เราก็แย่ซิ มิต้องรอให้กรรมเก่ามาคอยให้ผลอยู่ร่ำไป อย่างไม่มีทางสู้อย่างนั้นหรือครับ?” อาจารย์ “ป๋องถามได้ดีมาก กรรมเก่าเขามีหน้าที่ให้ผล แต่กรรมใหม่ที่เราสร้าง ย่อมมีผลด้วยเช่นกัน และเราทำดีได้ทุกวัน เหมือนหนี้เก่าและเงินที่เราหาได้ใหม่ทุกวัน ถ้าเราทำกรรมดีมากๆ เราก็จะมีบุญสะสมไว้มาก เวลาเราใช้หนี้กรรมเก่า อาจผ่อนหนักเป็นเบา หรือถ้ามีกรรมดีมากๆ กรรมชั่วเบาๆก็อาจส่งผลไม่ทันก็ได้ สิ่งสำคัญก็คือในแต่ละวัน เราต้องทำดีให้มากกว่าทำชั่ว พยายามเอาชนะกิเลสที่จะพาให้เราทำชั่ว ถ้ากรรมชั่วเหมือนเกลือ กรรมดีเหมือนน้ำ เกลือขนาดหนึ่งช้อนโต๊ะใส่ในน้ำหนึ่งแก้ว ย่อมเค็มดื่มไม่ได้ แต่ถ้า เราเติมน้ำมากขึ้นทุกวัน จนน้ำเพิ่มขึ้นเป็นน้ำหนึ่งโอ่ง แต่เกลือเท่าเดิม เราก็ดื่มได้โดยไม่รู้สึกเค็มแต่ประการใดเลย” ศิษย์ “แต่ผมว่ามันยากอยู่นะครับ เพราะแต่ละวันเราก็มักจะทำอะไรตามใจไปเรื่อย ตามนิสัย ความเคยชิน ตามความอยากโน่น อยากนี่ แล้วเมื่อไหร่น้ำสะอาด จะเต็มโอ่งได้หล่ะครับ แถมยังเติมเกลือเข้าไปอีก” ป๋องอมยิ้มไปด้วยขณะพูด อาจารย์ “นั่นแหละทุกวันนี้เราถึงได้มีปัญหาต่างๆ มากมาย ไม่มีใครคิดว่า ตัวเองจะได้รับผลของกรรมที่ตัวเองก่อ ต่างกอบโกย มุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตัว การทำผิดทั้งหลายก็เกิดจากความคิดและการเข้าใจที่ผิดพลาดทั้งนั้น นี่แหละเป็นสิ่งที่ชาวพุทธเรา ควรจะศึกษาและเชื่อเรื่องกรรมกันไว้ อย่างน้อยก็เพื่อให้สังคมและบ้านเมืองมีความสงบร่มเย็น ป๋องจงจำไว้นะว่าเราเป็นชาวพุทธ ความเชื่อเรื่องกรรมเป็นเรื่องของสัมมาทิฏฐิเป็นความเห็นที่ถูกต้อง ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าไม่มีโทษใคจะร้ายแรงเท่าการมองเห็นไม่ถูกตรงเลย เสมือนคนต้องการไปทิศเหนือ แต่ตัวเองไปทิศใต้ด้วยความเห็นผิด นับวันก็ยิ่งถลำตัวสู่ความชั่วต่างๆนาๆ ในชั่วชีวิตหนึ่งของเราไม่ยาวมากนัก วัยหนุ่มสาวก็แค่ช่วงสั้นๆ ขอให้เราคิดดี ทำดีแก่ตัวเองและผู้อื่น ก่อนที่จะแย่จนแก้ไม่ได้เสมือนการดัดไม้นั้นเมื่อไม้มีกิ่งก้านที่ยังอ่อนอยู่ ย่อมง่ายกว่ามาดัดไม้เมื่อไม้นั้นแข็งเสียแล้ว เมื่อดัดเข้าก็จะมีแต่หักแค่นั้นเอง ขอให้ป๋องจำคำของครูไว้ เราเป็นผู้กุมชะตาชีวิตของตัวเอง จงละเว้นความชั่ว ทำแต่ความดี เป็นคนที่ดีคิดดีทำดีทุกๆ วัน เธอจะสร้างชีวิตของเธอได้ เสมือนคนที่รู้ว่าทิศแห่งความสุขความสำเร็จอยู่ที่ไหน และจงเดินไปอย่างมั่นคง ชีวิตของเธอจะเป็นชีวิตที่มีค่า เสมือนหนังสือที่เขียนบทสรุปท้ายไว้ด้วยความสุขและความสำเร็จ เธอเป็นผู้สร้างงานเขียนชนิดที่จะสร้างความประทับใจให้แก่ผู้อ่านไม่รู้ลืมเลือนทีเดียว” ศิษย์ “แหมอาจารย์พูดได้ดีจังเลย ถึงแม้ว่าสมัยนี้คนจะไม่เชื่อเรื่องเวรเรื่องกรรมก็ตาม แต่ทุกครั้งที่ผมคิดดีทำดี ก็มีความสุขใจอยู่เสมอๆ ไม่ต้องให้ใครมาบอกว่าถูกหรือผิด เพราะว่ารู้อยู่ในใจเราเอง ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่ได้ผลลัพท์ที่ดีตอบแทน แต่ผมว่า การทำความดีก็เป็นหน้าที่ของคนดีทุกคน ผมเชื่ออาจารย์และจะปฏิบัติตามคำสอนของอาจารย์ครับ” อาจารย์ “นั่น ต้องอย่างนั้น อาจารย์มั่นใจว่า เธอต้องทำได้ เธอต้องมีอนาคตที่ดีแน่นอน เดี๋ยวอาจารย์ขอตัวก่อนนะ” อาจารย์ยิ้มพร้อมลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ ศิษย์ “ขอบพระคุณมากครับ อาจารย์” ป๋องกล่าวสวัสดีพร้อมประนมมือไหว้อย่างอ่อนน้อม |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 16 มิ.ย. 2009, 12:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชีวิตคล้ายหนังสือเล่มหนึ่ง |
![]() อย่างนี้เราก็แย่ซิ มิต้องรอให้กรรมเก่ามาคอยให้ผลอยู่ร่ำไป อย่างไม่มีทางสู้อย่างนั้นหรือครับ ?” อาจารย์ “ป๋องถามได้ดีมาก กรรมเก่าเขามีหน้าที่ให้ผล แต่ กรรมใหม่ที่เราสร้าง ย่อมมีผลด้วยเช่นกัน และเราทำดีได้ทุกวัน เหมือนหนี้เก่าและเงินที่เราหาได้ใหม่ทุกวัน ถ้าเราทำกรรมดีมากๆ เราก็จะมีบุญสะสมไว้มาก เวลาเราใช้หนี้กรรมเก่า อาจผ่อนหนักเป็นเบา หรือถ้ามีกรรมดีมากๆ กรรมชั่วเบาๆก็อาจส่งผลไม่ทันก็ได้ สิ่งสำคัญก็ คือในแต่ละวัน เราต้องทำดีให้มากกว่าทำชั่ว พยายามเอาชนะกิเลสที่จะพาให้เราทำชั่ว ถ้ากรรมชั่วเหมือนเกลือ กรรมดีเหมือนน้ำ เกลือขนาดหนึ่งช้อนโต๊ะใส่ในน้ำหนึ่งแก้ว ย่อมเค็มดื่มไม่ได้ แต่ถ้า เราเติมน้ำมากขึ้นทุกวัน จนน้ำเพิ่มขึ้นเป็นน้ำหนึ่งโอ่ง แต่เกลือเท่าเดิม เราก็ดื่มได้โดยไม่รู้สึกเค็มแต่ประการใดเลย” ![]() จงละเว้นความชั่ว ทำแต่ความดี เป็นคนที่ดีคิดดีทำดีทุกๆวัน เธอจะสร้างชีวิตของเธอได้ เสมือนคนที่รู้ว่าทิศแห่งความสุขความสำเร็จอยู่ที่ไหน และจงเดินไปอย่างมั่นคง ชีวิตของเธอจะเป็นชีวิตที่มีค่า เสมือนหนังสือที่เขียนบทสรุปท้ายไว้ ด้วยความสุขและความสำเร็จ เธอเป็นผู้สร้างงานเขียน ชนิดที่จะสร้างความประทับใจให้แก่ผู้อ่านไม่รู้ลืมเลือนทีเดียว” สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...คุณอิกคิว นำเรื่องดีดี น่ารักน่ารัก ได้ข้อคิดแบบง่ายๆสบายๆ...ประทับใจค่ะ ธรรมะสวัสดีค่ะ ![]() |
เจ้าของ: | น้ำฝน โกเฮง [ 16 มิ.ย. 2009, 12:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชีวิตคล้ายหนังสือเล่มหนึ่ง |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กุหลาบสีชา [ 16 มิ.ย. 2009, 15:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชีวิตคล้ายหนังสือเล่มหนึ่ง |
"ชีวิตที่จริงแล้วก็เป็นเพียงหน้ากระดาษของเวลาอันว่างเปล่า เราต้องใช้ความคิดของเราเพื่อสรรสร้างสาระขึ้นมา ไม่มีใครเขียนแทนให้เราได้ เราเป็นผู้เขียน เป็นผู้อ่านเองทุกวัน สุขใจและทุกข์ใจเอง ทุกวัน เราอาจโกหกคนอื่นได้แต่เราโกหกใจของตัวเองไม่ได้เลย" ![]() ![]() ![]() หนังสือในร้านหนังสือ มีให้เลือกมากมาย บางล่มก็ปกสวย แต่เนื้อในไร้สาระ บางเล่มก็ให้แต่ความบันเทิง บางเล่มก็ให้สาระประโยชน์ บางเล่มก็ให้ทั้งความบันเทิง และสาระโยชน์ แต่จะมีสักกี่เล่มที่ควรค่าแก่การซื้อหามาเก็บไว้ในฐานะ หนังสือหายาก เพราะถ่ายทอดอย่างสร้างสรรค์ ให้ทั้งข้อคิด แรงบันดาลใจ และสัจธรรมของชีวิต ไปพร้อมกัน ![]() ![]() ![]() อนุโมทนาสาธุกับ คุณอิกคิว(ซัง) ด้วยนะคะ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | อมิตาพุทธ [ 16 มิ.ย. 2009, 17:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชีวิตคล้ายหนังสือเล่มหนึ่ง |
อนุโมทนา ด้วยครับ คุณ อิกคิว สาธุ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | อิกคิว [ 17 มิ.ย. 2009, 11:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ชีวิตคล้ายหนังสือเล่มหนึ่ง |
ขอบคุณ คุณลูกโป่งที่ให้กำลังใจนะครับ ผมว่าถ้าเป็นเรื่องอ่านแบบนิทาน แล้วจะแฝงข้อคิดดีๆแบบไกลตัวหน่อย ใจจะรับได้ง่ายขึ้นครับ ![]() ขอบคุณ คุณน้ำฝน โกเฮง คุณอมิตาพุทธ ที่แวะเข้ามาอ่านครับ ![]() ขอบคุณคุณกุหลาบสีชา ที่ฝากข้อความดีๆไว้ด้วย เป็นแง่คิดที่ดีมากๆครับ แต่น่าเสียดายที่หนังสือที่ดีบางเล่มไม่มีคนอ่านเลย ![]() กว่าที่เราจะเห็นคุณค่าของเขา กาลเวลาก็เนิ่นนานจนเราไม่อาจจะหวนอดีต ไปแก้ไขได้ ถ้าเราได้อ่านหรือได้ความรู้จากหนังสือเล่มนั้นมาก่อนอะไรๆคงดี มากกว่านี้ครับ ![]() ขอให้เจริญธรรมทุกๆท่านนะครับ ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |