ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ค ว า ม เ ป็ น ธ ร ร ม http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=22776 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | กุหลาบสีชา [ 03 มิ.ย. 2009, 15:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | ค ว า ม เ ป็ น ธ ร ร ม |
![]() [พระพิชิตมาร] ค ว า ม เ ป็ น ธ ร ร ม มนุษย์มีความเสมอภาคกันด้วยดวงธรรมญาณ เพราะเวลาทิ้งกายสังขารไม่ว่ารวยล้นฟ้า ก็มิได้เขียนเช็คติดมือไปเลย ยาจกเห็นใจตายก็มิได้ถือกะลาติดมือไปด้วย ต่างต้องลงไปตัดสินความดี ความชั่ว กันในนรกเยี่ยงเดียวกัน แต่มนุษย์มาเหยียดหยามแบ่งแยกชนชั้นกัน ด้วยสิ่งจอมปลอมนอกกายทั้งสิ้น ใครมีเงินมากกว่าถือว่าดีกว่า ใครมีความรู้มากถือว่าเก่งกว่า ความรู้ในโลกมิอาจช่วยให้ตัวเองพ้นไปจากนรกได้เลย เพราะฉะนั้นความรู้จึงเป็นเพียงสัญญา ที่หลงมัวติดยึดเอามาแบ่งแยกเหยียดหยามกันเท่านั้นเอง ผู้ที่ปฏิบัติธรรมจึงมองเห็นทุกคนเสมอกัน โดยมีทุกข์ร่วมกันเพราะฉะนั้นจึงมีเมตตาต่อกันได้ และความเป็นธรรมที่แท้จริงปรากฎขึ้น พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงได้กล่าวโศลกเอาไว้ว่า "สำหรับหลักของความเป็นธรรมนั้น ผู้ยิ่งใหญ่กับผู้ต่ำต้อย ยืนเคียงข้างอาศัยซึ่งกันและกันได้ในยามคับขัน" เมื่อถึงภาวะที่ไม่อาจช่วยตัวเองได้เพราะตกอยู่ในภัยพิบัติ ความรู้สึกของการแบ่งแยกเหยียดหยามย่อมมลายไป เพราะต่างปรารถนาหาหนทางรอดพ้นจากความตายเหมือนกัน เพราะฉะนั้นผู้บำเพ็ญปฏิบัติที่รู้ความเป็นจริงแห่งสัจธรรม ย่อมไม่แบ่งแยกชนชั้น แต่บรรดาผู้ที่ตั้งตัวเป็นอาจารย์ด้วยสำคัญตนว่า เป็นผู้ที่เหนือกว่าชนทั้งหลาย ล้วนแต่ไม่เคยปฏิบัติความเป็นธรรมให้เป็นจริงขึ้นมาได้เลย ผู้ที่รู้ธรรมญาณเท่านั้นจึงเห็นมนุษย์มีความเท่าเทียมกัน สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเล็งญาณ ไปพบหญิงชราผู้ยากจนอยู่ในกระท่อมใกล้ถึงกาลมรณะแล้ว พระพุทธองค์ทรงเมตตา จึงเสด็จไปหน้ากระท่อมของหญิงชราแล้วตรัสว่า "เธอจงทำบุญกับตถาคตแล้วสุคติจักเป็นที่หมาย" "ข้าพระองค์ยากจนเข็ญใจนักไม่มีสิ่งใดจักถวายแด่พระสมณะได้เลย" "เธอมีน้ำมิใช่หรือ จึงตักน้ำใส่บาตรตถาคตเถิด" หญิงชรานั้นมีความศรัทธาปสาทะในกุศลผลบุญครั้งนี้ยิ่งนัก เมื่อตักน้ำถวายพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วก็ถึงกาลมรณะ จึงได้ไปบังเกิดเป็นเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ พระพุทธองค์ทรงยืนเคียงข้างเวไนยสัตว์ ด้วยเมตตาพร้อมฉุดช่วยให้พ้นไปจากอบายภูมิ แต่บัดนี้การบำเพ็ญของเหล่าศากยบุตรล้วนผิดแผก และหลงติดอยู่ในความจอมปลอมของนอกกายทั้งสิ้น ใครเป็นเศรษฐีมีโอกาสได้ใกล้ชิด ส่วนคนยากจนเข็ญใจไม่มีโอกาสได้รับเมตตาเลย เพราะฉะนั้นนับวันศาสนาก็กลายเป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง ที่เรียกร้องต้องการเงินมากกว่าการแจกจ่ายพระธรรมคำสอน เพื่อให้ชนทั้งปวงพ้นทุกข์ บางวัดจึงตั้งเป้าของการหาเงินเข้าวัดเป็นร้อยล้านพันล้าน เพียงเพื่อเสริมสร้างฐานะยกย่องตนเองอยู่สูงส่ง จนขาดความเป็นธรรม เพราะมิได้ยืนอยู่เคียงข้างศาสนิกชนอีกต่อไป แต่ยืนเคียงข้างคนรวยเพียงพวกเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นการเผยแพร่ศาสนาบางแห่ง จึงขาดความปรารถนาดีต่อศาสนิกชนของตน เลือกที่รักมักที่ชังจนเห็นกันชัดเจน พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงจึงกล่าวโศลกว่า "สำหรับหลักแห่งการปรารถนาดีต่อกัน ผู้อาวุโสกับผู้อ่อนอาวุโสต้องสมัครสมานกัน" ในวงการของผู้ปฏิบัติธรรม ย่อมมีผู้อาวุโสและอ่อนอาวุโส ซึ่งในทางธรรมย่อมไม่เพ่งเล็งที่อายุ แต่อาศัยการเป็นผู้ปฏิบัติก่อนรู้ก่อนย่อมเป็นผู้อาวุโส และทั้งสองฝ่ายสามารถสมัครสมานกัน ด้วยคุณธรรมของทั้งสองฝ่ายคือ อาวุโสต้องเมตตาต่อผู้อ่อนอาวุโส ส่วนผู้อ่อนอาวุโสต้องอ่อนน้อมถ่อมตนและเคารพผู้อาวุโส การสมัครสมานจึงเป็นสิ่งที่ปฏิบัติให้เป็นจริงได้ และทั้งสองฝ่ายย่อมต้องอดทนซึ่งกันและกัน พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงกล่าวโศลกเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "สำหรับหลักของขันติ เราไม่ให้มีการทะเลาะกัน แม้อยู่ท่ามกลางของหมู่ศัตรูอั้นกักขฬะ" ในหมู่ของผู้ปฏิบัติธรรมซึ่งยังไม่พบธรรมญาณ ย่อมต้องอาศัยขันติคือ ความอดทนเป็นที่ตั้ง แต่สำหรับผู้ที่พบธรรมญาณ ความอดทนย่อมเป็นสิ่งว่างเปล่า เพราะเขาเห็นทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็น อนัตตา แม้ตัวตนของตนก็ว่างเปล่า เพราะฉะนั้นแม้ตกอยู่ท่ามกลางศัตรูอันหยาบช้า นักปฏิบัติธรรมก็ไม่จำเป็นต้องทะเลาะแบะแว้งกับใคร ผู้เข้าถึงธรรมญาณ สภาวะแห่งความเป็นฟ้าอันกว้างใหญ่หาขอบเขตมิได้ย่อมปรากฏขึ้น เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันกับใครเลย ดังคำกล่าวที่ว่า "แม้เราแหงนหน้าด่าฟ้าอย่างไร ฟ้าก็มิเคยตอบโต้เลย" แต่เมื่อใดความไม่เป็นธรรมปรากฏ เมื่อนั้น ลมพายุร้ายย่อมเป็นสาเหตุสำคัญของภัยพิบัติทั้งปวง เฉกเช่นเดียวกับจิตใจที่ปรวนแปรนั่นแล ![]() ![]() ![]() ที่มา : คุณ Jib โพสต์ไว้เมื่อ 28/08/2007 เวลา 11:50 ใน http://board.dserver.org/g/gaytiplokvil/00000858.html |
เจ้าของ: | คนไร้สาระ [ 03 มิ.ย. 2009, 15:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ค ว า ม เ ป็ น ธ ร ร ม |
![]() ![]() ![]() อนุโมทนาสาธุค่ะ คุณกุหลาบสีชา |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 04 มิ.ย. 2009, 11:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ค ว า ม เ ป็ น ธ ร ร ม |
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ ขอบคุณธรรมะดีดีที่คุณกุหลาบสีชา...ที่หมั่นนำมาฝากกัลยาณมิตรเสมอ ธรรมะสวัสดีค่ะ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 04 มิ.ย. 2009, 12:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ค ว า ม เ ป็ น ธ ร ร ม |
![]() ![]() ![]() ร่วมอนุโมทนาสาธุกันคุณกุหลาบสีชาด้วยคนครับ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | มิตรตัวน้อย [ 04 มิ.ย. 2009, 15:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ค ว า ม เ ป็ น ธ ร ร ม |
โมทนาด้วยจ้า..สาธุ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | O.wan [ 04 มิ.ย. 2009, 21:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ค ว า ม เ ป็ น ธ ร ร ม |
![]() อ่านแล้วคิดได้เลยค่ะว่าชีวิตก็มีอยู่เท่านี้ ![]() เพราะเวลาทิ้งกายสังขารไม่ว่ารวยล้นฟ้า ก็มิได้เขียนเช็คติดมือไปเลย ยาจกเห็นใจตายก็มิได้ถือกะลาติดมือไปด้วย ต่างต้องลงไปตัดสินความดี ความชั่ว กันในนรกเยี่ยงเดียวกัน ![]() ![]() |
เจ้าของ: | อมิตาพุทธ [ 04 มิ.ย. 2009, 21:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ค ว า ม เ ป็ น ธ ร ร ม |
อนุโมทนา สาธุ ครับ คุณ กุหลาบสีชา ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |