ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
บันได 5 ขั้น สู่ชีวิตใหม่ ที่มีค่าและเป็นสุข http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=20757 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | บุญชัย [ 24 ก.พ. 2009, 09:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | บันได 5 ขั้น สู่ชีวิตใหม่ ที่มีค่าและเป็นสุข |
บันไดขั้นที่ 1 มองตัวเองว่าดีและมีค่าทุกวัน ในแต่ละวันให้นึก ถึงความดี และความโชคดีของตนเอง เริ่มต้นด้วยการ …….. 1. ตื่นนอนตอนเช้า ให้ยิ้มกับตัวเอง และนึกว่าโชคดีที่ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว 2. ให้ นึกถึงความดีของตนเอง ที่เคยทำมาแล้วในอดีต (ที่สามารถนึกได้ง่ายๆ) เช่น เคยทำบุญ เคยช่วยคนที่อ่อนแอกว่า เคยสงเคราะห์สัตว์ ฯลฯ คิดว่าตัวเองดี และมีคุณค่าที่ได้เคยทำสิ่งดีๆ และให้นึกซ้ำๆ จะได้เกิดความเชื่อตามที่นึกนั้น คุณก็จะเกิดความอิ่มเอิบใจ และเชื่อว่าตัวเองมีความดี ความเก่ง ตามความเป็นจริงในขณะนั้นด้วย คุณจะเกิดความอยากมีชีวิตอยู่ และสร้างสิ่งที่ดีๆ ให้กับชีวิตต่อไป และ 3. ต้องอวยพรตัวเองเสมอๆ อย่าแช่ง หรือตำหนิตัวเอง และอย่ารอให้คนอื่นมาชื่นชมคุณ ซึ่งมักจะไม่ได้ดั่งใจ หรือได้มาก็ไม่สมใจ บันไดขั้นที่ 2 มองคนอื่นดี มองโลกในแง่ดี ขั้นนี้คุณจะต้องมองว่า ….. 1. ทุกๆ คน มีขีดจำกัดของความสามารถ ความดี ความเก่งกันทุกคน ตามความเป็นจริงของเขา ซึ่งไม่เท่ากัน และไม่เหมือนกันเลย 2. ส่วนความไม่ดี หรือไม่เก่งของเขา (ซึ่งมีกันทุกคน) ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาไป ให้มองเฉพาะส่วนที่ดีของเขาเท่านั้น ถ้าคุณทำได้เช่นนี้ คุณก็จะเป็นคนที่มองอนาคต และชีวิตดี มีความหวังที่ดีในชีวิตตลอดเวลา สองสิ่งนี้ ถ้าคุณทำเป็นนิสัย คุณจะพบว่า โลกนี้มีสิ่งที่ดีๆ และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆ และท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นสุขนิยมทั้งชีวิต บันไดขั้นที่ 3 ทำวันนี้ให้ดีที่สุด คือ ….. 1. การ อยู่กับปัจจุบัน ทำกิจกรรมในวันนี้และเวลานี้ให้ดีที่สุด ทำได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ไม่ทุกข์ร้อน หรือคาดหวังกับผลลัพธ์ของมัน ไม่ว่าจะสมใจ หรือไม่สมใจก็ตาม 2. จงชื่นชมในความตั้งใจ ทำเต็มความสามารถของตนเอง และคิดต่อว่า ในอนาคตจะต้องทำให้ดีกว่านี้ นอกจากนั้น 3. คุณต้อง เลิกจดจำ หรือนึกถึงเรื่องที่ไม่ดีที่เกิดกับคุณในอดีต เพราะการจดจำเรื่องราวที่ไม่ดีในอดีต เท่ากับคุณไปสะกิดแผลในใจ และจะทำให้คุณเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น จนส่งผลให้ปัจจุบันคุณไม่มีความสุข และกลัวว่าอนาคตจะเกิดสิ่งที่ไม่ดีซ้ำๆ อีก บันไดขั้นที่ 4 มีความหวังและเชื่อว่าอนาคตจะดีเสมอ ความหวัง ความเชื่อ เกิดจากความคิดถึงบ่อยๆ หรือได้ยินบ่อยๆ 1. จงนึกและบอกกับตัวเองเสมอว่า อนาคตจะดีขึ้นอีกเรื่อยๆ จะส่งผลให้เกิดกำลังใจมากขึ้น อยากพบเห็นสิ่งต่างๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตโดยไม่กลัว 2. มีอารมณ์ขัน และไม่จริงจังกับชีวิตมากนัก แต่จะมีความหวังที่ดีๆ ( Good Hope) อยู่เสมอ แต่อย่ามีความคาดหวัง ( Expectation) กับชีวิต เพราะถ้าคาดหวังกับชีวิต เรามักจะกลัว หรือกังวลว่าจะไม่ได้ผลลัพธ์ดังความคาดหวัง หรือเมื่อได้มาแล้วก็มักไม่พอใจ จึงอาจทำให้เกิดทุกข์ได้ บันได้ขั้นที่ 5 ปรับปรุงตัวเองเสมอ โดยปรับปรุง 4 ส่วนที่มีความสำคัญต่อชีวิต คือ 1. การงาน ให้มีความขยัน อดทน หมั่นหาความรู้ใส่ตัว และกล้าลงมือปฏิบัติในสิ่งที่ควรทำ จะทำให้มีการลงมือทำสิ่งใหม่ๆ ในชีวิตได้เรื่อยๆ และปรากฏเป็นผลงานที่ชัดเจน 2. ครอบครัว จะต้องยึดหลักที่เป็นมงคลต่อกันคือ ไม่อิจฉา ไม่ระแวง ไม่แข่งขัน ไม่นอกใจ รู้จักการให้และการอภัย มีน้ำใจ และรู้จักเกรงใจกัน 3. สังคม หมั่นสร้างมิตรเสมอ มีการให้ความสำคัญกัน ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และพูดจากันแบบปิยะวาจา 4. ตนเอง ต้องมีการพัฒนาตนเองเสมอ มีความภูมิใจตนเองตามความเป็นจริง สามารถให้กำลังใจตัวเองได้ และมีกำลังใจที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้น |
เจ้าของ: | พี่สาวคนโต [ 02 มี.ค. 2009, 09:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บันได 5 ขั้น สู่ชีวิตใหม่ ที่มีค่าและเป็นสุข |
![]() พยายามที่จะฝึกใจของตัวเองให้เข้มแข็ง และมั่นคง..อ่านแล้วรู้สึกดีจังเลยค่ะ.. |
เจ้าของ: | บุญชัย [ 02 มี.ค. 2009, 10:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บันได 5 ขั้น สู่ชีวิตใหม่ ที่มีค่าและเป็นสุข |
ครับสู้ๆๆๆต่อไปครับเป็นกำลังใจให้ครับ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | พี่สาวคนโต [ 02 มี.ค. 2009, 17:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บันได 5 ขั้น สู่ชีวิตใหม่ ที่มีค่าและเป็นสุข |
วันนี้รู้สึกแย่ๆๆ ทั้งวัน แต่พอได้เข้ามาอ่าน มันทำให้ใจสบายขึ้นมากค่ะ จะพยามฝึกให้คิดในแง่บวก คิดในทางที่ดี..คิดในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับตัวเรา ![]() ![]() |
เจ้าของ: | บุญชัย [ 03 มี.ค. 2009, 16:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บันได 5 ขั้น สู่ชีวิตใหม่ ที่มีค่าและเป็นสุข |
เราต้อง สร้างกำลังใจให้ตนเอง ทุกๆครั้ง ในจิตเราว่า วันนี้เราทำได้ๆๆๆๆ เราเก่งๆๆๆๆๆๆ เราไม่เคยแพ้โชค ชะตา เหมือน หนังเรื่องถ้า ฟ้า ลิขิต สู้ๆจนชนะโชคชะตา....โลกนี้ สมมุต มาทั้งสิ้นๆอย่าไปสนใจอะไรๆในนี้ ให้รู้อยู่ตลอดๆว่าเมื่อเราละโลกนี้ อะไรๆๆก็จบหมด ดังนั้นเรายังมีอยู่ต้องทำ ให้ดีสุดๆๆๆๆๆไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นก็ ตอบตนเองว่า มันต้องมี ดี ไม่ดีมั้งในชีวิตไม่งั้นไม่สนุก เกมส์ ชีวิตนี้จึงมันส์ครับท่าน ลองฝึกนี้ ควบคู่กับทำ บุญ สมาธิ ศีล ทาน ปัญญาครับ เยี่ยมๆจริงๆๆจะบอกให้ เอกสารประกอบการบรรยาย AUTOGENIC TRAINING AUTOGENIC TRAINING เปนศาสตรซึ่งประยุกตมาจากหลักการสะกดจิตซึ่ง Dr.Schultz ไดพัฒนาขึ้นมาตั้งแตป ค.ศ. 1932 และเปนที่นิยมแพรหลายในยุโรปมากกวา 50 ป ในปจจุบันได มีการนํามาดัดแปลงเพื่อทําใหประสิทธิภาพในการนําไปใชประโยชนตางๆ ไดดีขึ้น จากการ ประเมินผลและการศึกษาวิจัยของสถาบันเพื่อการพัฒนาจิตและกายพบวา AUTOGENIC TRAINING เมื่อใชควบคูหลักการสมาธิและการพัฒนาสุขภาพรางกายใหแข็งแรงจะมีประโยชนใน กรณีตางๆ ดังตอไปนี้คือ 1. ทําใหสมาธิและความจําดีขึ้น 2. เพิ่มความเชื่อมั่นในตนเอง 3. เพิ่มประสิทธิภาพในการทํางาน 4. ชวยทําใหคุณภาพชีวิตในภาพรวมดีขึ้น 5. ชวยระงับอารมณเศราโศกเสียใจจากการสูญเสียสิ่งที่รัก 6. เพิ่มแรงจูงใจและความกระตือรือรน 7. แกปญหาเรื่องนอนไมหลับ 8. ชวยบรรเทาอาการปวด 9. ขจัดความวิตกกังวลและความรูสึกซึมเศรา 10. บรรเทาอาการปวดศีรษะ ไมเกรน และอาการปวดเรื้อรังตางๆ 11. บรรเทาอาการภูมิแพ 12. ขจัดนิสัยที่ไมดีออกไป 13. เลิกบุหรี่ 14. ควบคุมน้ําหนักตัว 15. เปนคนอารมณดีอยูเสมอ สดชื่นแจมใส และสามารถปรับเปลี่ยนขอมูลใหกับจิตใต สํานึกไดดวยตนเอง ________________________________________ Page 2 AUTOGENIC TRAINING การศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตรเกี่ยวกับ AUTOGENIC TRAINING ในการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตรเกี่ยวกับ AUTOGENIC TRAINING ไดมีการ คิดขบวนการโดยหลายขบวนการดังตอไปนี้ 1. การศึกษาคลื่นสมอง และ IMAGING TECHNIQUES การตรวจวัดคลื่นสมองหรือที่เรียกวา EEG (Electroencephalogram) ไดมีการนํามาใชวัด การเปลี่ยนแปลงในชวงที่จิตอยูในภวังค (trance) และถูกสะกดจิต (hypnosis) หลักของ EEG เครื่องวัดความแตกตางในศักยภาพของกระแสไฟฟา (potential differences) ในบริเวณหนังศีรษะ ซึ่งเกิดจากการไหลเวียนของกระแสไฟฟาในสมอง โดยใชชวงอิเล็คโทรนิคในบริเวณหนังศีรษะ และ สามารใชบันทึกสภาวะทางจิตใจไดวาอยูในภาวะตื่นตัวหรือหลับ และกําหนดชวงความถี่ของคลื่น ตามอักษรกรีกเปน alpha, beta, delta และ theta ในภาวะที่จิตอยูในภวังคหรือถูกคลื่นสมองจะ อยูในชวง alpha waves หรือ theta waves ซึ่งจะบงบอกถึงภาวะที่ผอนคลายมากกวาในชวงของ การนอนหลับปกติ กลามเนื้อจะมีการผอนคลายอยางเต็มที่ และการทํางานของระบบประสาท อัตโนมัติจะมีประสิทธิภาพสูง รวมทั้งการทํางานของระบบประสาทซิมพาเทติกและพาราซิมพาเท ติกจะทํางานกันอยางสมดุลย ในระยะหลังไดมีการนําเอาเทคนิค MAGNETIC RESONANCE IMAGING (MRI) และ POSITRON EMISSION TOMOGRAPHY (PET) scans มาใชในการวัดการเผาผลาญพลังงาน และการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีของเซลลสมอง ผลการวิจัยแสดงใหเห็นอยางชัดเจน ในชวงที่จิต อยูในภวังคจะมีการลดการทํางานของสมองซีกซายในขณะที่การทํางานของสมองซีกขวาเพิ่มขึ้น อยางชัดเจน ซึ่งก็ตรงกับขอมูลที่มีการเสนอแนะวาการทํางานของจิตสํานึกเกี่ยวกับสมองซีกซาย และจิตใตสํานึกเกี่ยวกับสมองซีกขวา ดังนั้นการที่จะสื่อกับจิตใตสํานึกตองกระทําในขณะที่ จิตสํานึกทํางานนอยลงกอน นอกจากนั้นยังพบวาสมองสวน LIMBIC SYSTEM ที่เกี่ยวของกับ อารมณจะถูกกระตุนใหทํางานมากขึ้นในภาวะการสะกดจิต และเปนขอยืนยันวาจะทําใหเขาใจถึง สภาวะทางอารมณไดอยางชัดเจนขึ้นเมื่อจิตอยูในภวังค สิ่งที่นาสนใจคือการทํางานของสมองใน หลายชวงไมวาจะเปนการควบคุมการมองเห็น การไดยิน และการวาดจินตนาการจะทํางานได อยางมีประสิทธิภาพขึ้นดวย ________________________________________ Page 3 2. การศึกษาดาน PSYCHONEURO IMMUNOLOGY ในการศึกษาการทํางานของสมองและระบบภูมิคุมกันโรคพบวา การทํา autogenic training จะมีการกระตุนใหเซลลเม็ดเลือดขาวชนิด T cells มีประสิทธิภาพในการทําลายเชื้อโรค และเซลลมะเร็งมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีผลตอ hypothalamus ตอมใตสมองและการทํางานของ ตอมไรทอชนิดตาง ๆ ใหมีประสิทธิภาพขึ้น ซึ่งจะเปนผลใหประสิทธิภาพในดานสุขภาพมากมาย หลายประการ 3. การศึกษาดาน ENERGY MEDICINE ENERGY MEDICINE เปนการศึกษาวิจัยที่วาดวยปรากฎการณพลังงานแมเหล็กไฟฟาที่ จีนเรียกวาชี่ และการแพทยแผนไทยและอินเดียเรียกวาพลังปราณ ซึ่งพลังดังกลาวเกิดจากการ สั่นสะเทือนของอิเล็คตรอน รอบนิวเคลียรของอะตอม ในปจจุบันเทคนิคภาพถายออรา KERLIAN PHOTOGRAPHY ทําใหสามารถถายภาพออราของมนุษยไดและเมื่อเปรียบเทียบกอน และหลังการฝก autogenic training จะพบวาพลังออราเรียงเปนระเบียบและมีพลังงานมากขึ้น ขั้นตอนในการฝก AUTOGENIC TRAINING การฝก AUTOGENIC TRAINING จะมีขั้นตอนตามแนวทางการสะกดจิตเพียงแตผูฝกจะ เปนผูกําหนดใหใหเกิดสภาวะตางๆดวยตนเอง และไมตองใหผูอื่นมาทําหนาที่สะกดจิตตน 1. การชักนํา(INDUCTION) ขั้นตอนนี้เปนขบวนการทําใหรางกายและจิตใจผอนคลาย โดย RELAXATION TECHNIQUES อาทิเชน การฝกการหายใจอยางถูกวิธีการผอนคลายกลามเนื้อเปนขั้นตอน (PROGRESSIVE MUSCLE RELAXATION) 2. ทําใหจิตอยูในภวังค(Trance) ในขั้นตอนนี้จะเปนชวงที่สมองอยูในชวงคลื่นALPHA WAVE และจะอาศัยขบวนการวาด จินตนาการ (VISUALIZATION) โดยเฉพาะอยางยิ่งการวาดภาพการลงจากที่สูง เชน จาก ลิฟท ขั้นที่20 และคอย ๆลงตอจนถึงชั้นลางสุด ซึ่งการทําเชนนี้จะทําใหจิตอยูในภวังคไดงาย ________________________________________ Page 4 3. การปอนโปรแกรมจิตใตสํานึก(POST-HYPNOTIC SUGGESTIONS) ในขึ้นตอนนี้ผูฝกจะสามารถปอนโปรแกรมใหจิตใตสํานึกทํางาน เพื่อพัฒนาตนเองและ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหเหมาะสมยิ่งขึ้นซึ่งหากกระทําไดอยางเหมาะสมจะสามารถพัฒนาตนเอง ไดภายในชวงระยะเวลา 21-28 วัน 4. การยุติโปรแกรม(TERMINATION) เมื่อจะเลิกโปรแกรม AUTOGENIC TRAINING จะเริ่มตนดวยการนับเลขยอนกลับนํา จาก 1 – 10 และทําใหรางกายทุกสวนตื่นตัว ซึ่งเมื่อสิ้นสุดโปรแกรมจะมีความรูสึกสดชื่น แข็งแรงโดยทันที คําถามเกี่ยวกับAUTOGENIC TRAINING เนื่องจากขบวนการ AUTOGENIC TRAINING เปนขบวนการสะกดจิตตนเองจึงมักจะมี คําถามบอยๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ซึ่งตอไปนี้จะไดรวบรวมคําถามที่วิทยากรของสถาบันฯ มักจะถูก ถามอยูเสมอ คําถามที่ 1 การฝก AUTOGENIC TRAINING มีอันตรายหรือไม? การสะกดจิตตนเองโดยอาศัยวิธี AUTOGENIC TRAINING เปนวิธีที่มีความปลอดภัยสูง มากขึ้นทั้งนี้เพราะจะใชกลไกที่ปกติรางกายจะมีเกิดขึ้นอยูแลว ดังที่ไดกลาวมาแลวขางตนวาใน การที่จะฝกไดผล สมองจะตองอยูภายใตการทํางานในระดับคลื่นอัลฟา ซึ่งภาวะนี้จะเกิดขึ้นเปน ปกติเมื่อเรานอนหลับทุกวันและในยามที่ฝนกลางวัน ในขบวนการฝกในหลักสูตรกลยุทธสูความสุข ความสําเร็จ ทางสถาบันฯ ยังไดใชเครื่อง MIND MONITOR คอยประเมินวา ผูรับการอบรมจะเกิด สัมฤทธิ์ในการฝกหรือไมและวิทยากรจะคอยใหคําแนะนําเพื่อใหผูเขารับการอบรมทุกคนปฏิบัติได อยางถูกตอง ในภาวะของการสะกดจิตตนเองจะไมมีผูใดที่ประสงคจะกระทําในสิ่งที่ตนเองไม ตองการนอกจากนี้ขบวนการ AUTOGENIC TRAINING ยังเปนศาสตรที่มีการใชกันอยาง แพรหลายและมีผูเคยผานการอบรมในลักษณะเชนนี้มาแลวหลายลานคนทั่วโลก จึงเปนการยืนยัน ถึงความปลอดภัยไดดีเปนอยางยิ่ง ________________________________________ Page 5 คําถามที่ 2 การฝก AUTOGENIC TRAINING ดวยตนเองจะมีประสิทธิภาพเหมือนกับถูกสะกด จิตโดยบุคคลอื่นหรือไม? การฝก AUTOGENIC TRAINING จะมีประสิทธิภาพใกลเคียงกับการถูกสะกดจิตโดย ผูเชี่ยวชาญ ถึงแมวาการถูกสะกดจิตโดยผูที่มีประสบการณและความเชี่ยวชาญอยางแทจริงใน บางกรณีอาจจะไดผลดีกวา แตพึงระลึกไวดวยวาการปลอยใหถูกสะกดจิตโดยบุคคลอื่นที่ไมมี ความเชี่ยวชาญอยางแทจริงอาจกอใหเกิดอันตรายและผลขางเคียงได นอกจากนี้การฝก AUTOGENIC TRAINING ดวยตนเองยังสามารถฝกปฏิบัติไดโดยไมตองพึ่งพาผูอื่น และยังไม จําเปนตองจายคาตอบแทนแกนักวิชาชีพสะกดจิตในบางครั้ง คําถามที่ 3 การฝก AUTOGENIC TRAINING เปนประจําจะทําใหเปนคนที่ถูกชักจูงไดงายจริง หรือไม ? เนื่องจากการฝก AUTOGENIC TRAINING เปนการตอบสนองตอการชักนําของตนเอง ดังนั้นจึงเปนสิ่งที่ดีสําหรับตนเองที่จะเรียนรูการควบคุมตนเองใหอยูในทิศทางที่ถูกตองใน ขณะเดียวกันยังจะชวยใหมีแรงตานที่จะถูกผูอื่นชักจูงไปในทิศทางที่เหมาะสม อยางไรก็ตามเมื่อ ผานการอบรมหลักสูตรนี้แลวผูเขารับการอบรมควรจะตองมีความสนใจและรักที่จะฝกตอเนื่อง อยางสม่ําเสมอวันละอยางนอย2-3 ครั้ง โดยใชเวลาเพียงครั้งละประมาณ 5 นาทีเทานั้น คําถามที่ 4 ในชวงฝก AUTOGENIC TRAINING จะหมดสติหรือไม? ในชวงฝกปฏิบัติแมวาบางคนดูเสมือนวาจะหลับไปแตอันที่จริงแลวยังมีสํานึกรับรูอยูและ จิตใตสํานึกยังทํางานไดโดยอัตโนมัติ เชนเดียวกับเวลาที่เราขับรถจิตใตสํานึกจะคอยสั่งการใหเรา ถือพวงมาลัยเหยียบคันเรงหรือเหยียบเบรคตามเสนทางของถนนอยางเหมาะสม คําถามที่ 5 จะมีโอกาสไหมที่ภายหลังการเสร็จสิ้นการฝกแลวจะไมสามารถตื่นขึ้นมาได ? เปนไปไมไดเลยที่จะมีผูใดถูกสะกดจิตใหหลับตอเนื่องไปโดยตลอด เราตองใชความ พยายามอยางมากในการที่จะเขาสูภวังคหรือทําใหสมองอยูในระดับ อัลฟา แตเปนเรื่องที่งายมาก ที่จะปลอยใหภาวะจิตกลับมาสูระดับปกติ อยางมากที่สุดในบางคนอาจจะทําใหเกิดภาวะที่สูการ นอนหลับปกติและในที่สุดก็จะตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับเชนเดียวกัน คําถามที่ 6 ผูที่ฝก AUTOGENIC TRAINING จะประสบความสําเร็จหรือไม? จากประสบการณการฝกอบรมของวิทยากรพบวาทุกคนที่ผานการฝกอบรม AUTOGENIC TRAINING จะสามารถสื่อกับจิตใตสํานึกได ซึ่งเครื่องมือ MIND MONITOR จะ ชวยในการประเมินวาผูเขารับการอบรมจะสามารถฝกจิตไดประสบความสําเร็จหรือไม โดยสรุป อาจกลาวไดวาทุกคนภายใตการควบคุมของวิทยากรจะประสบความสําเร็จได เพียงแตบางคนจะ ไดผลเร็วหรือชาตางกันเทานั้น ________________________________________ Page 6 คําถามที่ 7 การสะกดจิตตนเองและการฝกสมาธิแตกตางกันหรือไม? มีความแตกตางกันบางทั้งนี้เพราะการฝกสมาธิคือ การทําใหจิตรวมเปนหนึ่งเดียวกันแต การสะกดจิตตนเองแบบ AUTOGENIC TRAINING จะสงผลใหจิตใตสํานึกมีภารกิจที่จะตอง กระทํา นอกจากนี้การตรวจคลื่นสมองในภาวะการสะกดจิตตนเองและการฝกสมาธิ ที่สถาบันฯ ได ทําการศึกษาวิจัยปรากฎวามีความแตกตางกันทั้งในรายละเอียดอยางไรก็ตามในหลักสูตรนี้ผูเขา รับการอบรมยังไดประโยชนจากการฝกสมาธิควบคูไปกับการฝก AUTOGENIC TRAINING ดวย คําถามที่ 8 ในการที่ฝก AUTOGENIC TRAINING จะกระทําไดเฉพาะผูที่มีความเชื่อเทานั้น หรือไม? ไมจําเปนทั้งนี้เพราะการประสบความสําเร็จในการสื่อกับจิตใตสํานึกไมมีความสัมพันธแต ประการใดเกี่ยวกับระดับความเชื่อของบุคคลนั้นๆ ปรากฏวามีบุคคลจํานวนมากที่ฝกไดสําเร็จ อยางงายดายทั้งๆ ที่ไมมีความเชื่อถือในเรื่องการสะกดจิตเลยแมแตนอย คําถามที่ 9 ตองใชเวลามากนอยแคไหนจึงจะประสบความสําเร็จและไดประโยชนจากการฝก AUTOGENIC TRAINING? การฝกฝนเพื่อใหเกิดความชํานาญจะตองกระทําอยางสม่ําเสมอ หากผูเขารับการอบรม นําเทคนิคที่ไดรับการแนะนําไปฝกปฏิบัติอยางสม่ําเสมอจะทําใหมีความชํานาญและจะใช ระยะเวลาในแตละวันสั้นลงเรื่อยๆ โดยทั่วไปหากหวังผลที่จะเกิดขึ้นจากการฝกมักจะประสบ ความสําเร็จชัดเจนภายในระยะเวลา 21 วันเมื่อปฏิบัติตอเนื่อง คําถามที่ 10 หากมีปญหาพรอมๆ กันหลายเรื่องจะแกไขโดยการฝก AUTOGENIC TRAINING ไดผลในทุกๆ เรื่องหรือไม? ในกรณีที่มีปญหาพรอมกันหลายๆ เรื่องโดยทั่วไปควรทําการแกไขปญหาทีละเรื่องโดยเริ่ม จากปญหาที่งายที่สุดใหหมดไปทีละเรื่องจะไดผลดีกวา ________________________________________ Page 7 การฝก AUTOGENIC TRAINING ในการฝก AUTOGENIC TRAINING ตองอาศัยเทคนิคและขั้นตอน 5 ประการคือ การ เตรียมการ การฝกผอนคลาย การเขาสูภวังคลึก การปอนขอมูลจิต และการยุติขบวนการฝก ซึ่งจะ ไดกลาวถึงในรายละเอียดตอไป 1. การเตรียมการ ในการฝก AUTOGENIC TRAINING ควรมีการวางแผน และวิจัยในการฝกฝนอยางที่ สามารถจะกระทําไดอยางตอเนื่อง ควรเริ่มตนโดยการเลือกเวลาที่เหมาะสมในการปฏิบัติ ควร เลือกชวงเวลาที่ดีที่สุดในแตละวันที่จะไมออนเพลียมากเกินไป และควรมีความตื่นตัวพอสมควรใน การฝกปฏิบัติ หากชวงเชาเปนเวลาที่สะดวก อาจจะเริ่มฝกเมื่อตอนตื่นนอนใหมๆ กอนลุกจากที่ นอน หรือหากเวลากอนนอนเหมาะสมอาจใชเวลาสั้นเพื่อชวยใหหลับสบายดีขึ้น อยางไรก็ตามควร เลือกเวลาที่ปราศจากการรบกวนจากบุคคลอื่นและสิ่งแวดลอมภายนอกจะดีที่สุด ทาที่ใชในการ ฝกอาจเปนทานั่งหรือทานอนในอิริยาบทที่สบายก็ได และหากมีเสียงรบกวนอาจใชอุปกรณปดหู เพื่อใหเกิดความสงบมากขึ้นก็ได นอกจากนี้การใชเสียงเพลงที่เหมาะสมและการใหกลิ่นหอมบาง ชนิดอาจมีผลชวยทําใหการฝกปฏิบัติงายขึ้น 2. การฝกผอนคลาย เปนขั้นตอนที่สองซึ่งตองฝกปฏิบัติเพื่อใหเกิดการผอนคลายของทุกสวนของรางกายและ ขจัดความเครียดออกไป โดยปกติจะเริ่มฝกโดยการฝกหายใจเขาออกลึกๆ 2-3 ครั้ง ซึ่งในหลักสูตร นี้จะไดมีการฝกฝนตามแนวหัตธาโยคะ (Hatha Yoga) ทุกครั้งที่หายใจออกใหวาดจินตนาการวา ความเครียดกําลังถูกขจัดออกไปทุกลมหายใจออกในการผอนคลายกลามเนื้อ ทุกสวนของรางกาย จะเริ่มจากบริเวณศีรษะลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงปลายแขนและเทา การเกร็งกําลังกลามเนื้อและ คลายออกเปนวิธีหนึ่งที่จะชวยใหเกิดการผอนคลายไดเร็วขึ้น ขั้นตอนนี้มีความสําคัญในการฝก AUTOGENIC TRAINING อยางมากและบางคนอาจใชเวลาแตกตางกันขึ้นอยูกับประสบการณ และความชํานาญ ซึ่งบางครั้งก็ใชเวลานานถึงครึ่งชั่วโมง ในขณะที่บางคนใชเวลาเพียง 2-3 วินาทีเทานั้น ________________________________________ Page 8 3. การเขาสูภวังคลึก เปนขบวนการที่จะเกิดขึ้นหลังจากการฝกผอนคลายแลว จิตจะเขาสูภวังคลึกพรอมรับการ ปอนขอมูล ในการฝกขึ้นตอนนี้การนับจํานวนเลขจากมากมาหานอยจะเปนวิธีการที่ไดรับความ นิยมมากที่สุดการวาดจินตภาพที่ดีจะทําใหจิตเขาสูภวังคไดดีขึ้น การวาดภาพลงจากลิฟทหรือลง จากบันไดจะเปนเทคนิคที่ชวยเขาสูภวังคไดเร็ว ในหลักสูตรนี้วิทยากรจะไดแนะนําเทคนิคที่ชวยชัก นําใหผูเขารับการอบรมใหเขาสูภวังคไดลึกพอเพียง 4. การปอนขอมูลจิต เปนขบวนการที่จะกระทําไดตอเมื่อสมองอยูในระดับอัลฟาและอยูในภวังคลึกพอที่จะปอน ขอมูลใหจิตใตสํานึกไดงาย ขอความที่ใชควรเปนขอความที่กระทัดรัดเขาใจไดงายและจดจําไดไม ยากนัก ควรเปนขอความที่ระบุสรรพนามของตนเองและกําหนดใหอยูในปจจุบันและไมใชขอความ ในเชิงปฏิเสธ การเลือกขอความมีความสําคัญที่จะทําใหเห็นผลเร็ว และถาหากใชขอความ ดังกลาวแลวไมเห็นผลควรจะเปลี่ยนมาใชความใหมแทน ในหลักสูตรนี้วิทยากรผูเชี่ยวชาญจะให คําปรึกษาในการหาขอความที่เหมาะสมสําหรับปญหาแตละบุคคล นอกจากนี้การใชจินตภาพหรือ การคิดเปนภาพก็เปนการปอนขอมูลใหประทับลงสูจิตใตสํานึกไดอยางแนนแฟนและไดผลดี เชนกัน ซึ่งการปอนขอมูลในแตละครั้งควรมีทั้งขอความและจินตภาพพรอมกันจะไดผลดีที่สุด 5. การยุติขบวนการฝกจิต ซึ่งควรจะทําเปนขั้นตอนสุดทายในการฝก AUTOGENIC TRAINING ไมควรเพียงแตจะ เปดตาและลุกไปเลย การยุติขบวนการฝก เปนขั้นตอนจะทําใหสามารถแยกแยะระดับของจิตที่อยู ในภวังค กับภาวะที่มีสติสัมปชัญญะไดอยางชัดเจน ซึ่งอาจเรียกวาเปนการปลุกใหตื่นจาก ภวังคนั่นเองในกรณีที่ฝก AUTOGENIC TRAINING กอนนอนและหลับตอจากนั้นก็ยังควรที่จะ แยกใหออกจากภาวะการสะกดจิตแลวเขาสูภาวะนอนหลับตามธรรมชาติ การทําเชนนี้จะชวย หลีกเลี่ยงไมใหเกิดการนอนหลับเปนนิสัยเมื่อฝก โดยทั่วไปเมื่อเสร็จสิ้นการฝกควรกําหนดจิตวาจะ ตื่นตัวเต็มที่เมื่อนับขึ้นจาก 1 ถึง 5 หรือ10 ยกเวนในยามนอนอาจกําหนดใหเขาสูภาวะการนอน หลับเปนธรรมชาติเมื่อสิ้นสุดการนับก็ได ________________________________________ Page 9 ขั้นตอนการฝก AUTOGENIC TRAINING 1. ฝกปราณ 2. เกร็งกําลัง 3. ผอนคลาย 4. จินตนาการวากําลังลงจากที่สูงโดยนับถอยหลังจาก 20-0 5. ปอนขอมูลใหจิตใตสํานึก(ในสิ่งที่ทานปรารถนา) 6. ปลุกใหตื่น 1-2-3 แขนขามีกําลังกลับคืนมา 4-5-6 ทั่วทั้งรางกายมีกําลังกลับคืนมา 7-8-9 สมองสดชื่นแจมใส จิตใจเบิกบาน เมื่อไดยินเสียงนับ10 ใหตื่นลืมตาขึ้นสมอง สดชื่นแจมใส กฎ 10 ประการ สําหรับปอนขอมูลใหจิตใตสํานึก 1. ใชคําสั่งที่เปนปจจุบันกาล(ไมใชคําวา“จะ”) 2. ตองเปนคําสั่งเชิงบวก (ไมใชคําวา“ไม”) 3. ควรปอนขอมูลใหกับจิตฯครั้งละ 1 ไมเกิน3 คําสั่ง 4. มีรายละเอียดบางตามสมควร มีความหมายตรงๆ 5. ใชคําพูดงายๆไมกํากวม 6. ใชคําพูดที่ตื่นเตน มีชีวิตชีวาและประทับใจ 7. ขอมูลที่ปอนใหกับจิตใตสํานึก ควรมีความเปนไปได 8. การปอนขอมูลตองปอนใหกับตนเอง และคนใกลชิดเทานั้น 9. ขอมูลที่ปอนตองประกอบดวยสัมผัสทั้ง 5 (รูปรสกลิ่นเสียง สัมผัส) จะไดผลเร็ว 10. ควรปอนขอมูลขณะที่ฝกAUTOGENIC TRAININGในขั้นตอนที่ 5ขณะที่อยูในอัลฟา |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |