วันเวลาปัจจุบัน 27 ส.ค. 2025, 15:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 63, 64, 65, 66, 67, 68, 69 ... 102  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 03:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. ปริมาณและความถี่ในการทำบุญอย่างไหนจะมีน้ำหนักมากกว่ากันครับ เช่น ทำบุญผ้าป่า 1 วัด 300 บาท กับทำบุญผ้าป่า 3 วัด วัดละ 100 บาทจะให้อนิสงค์เท่ากันหรือไม่ หรือการใส่บาตรพระ1รูปเป็นเวลา 3 วัน เทียบกับการใส่บาตรพระ3รูปในวันเดียวกันครับ

2. การบูชาพระภูมิที่บ้านที่ถูกต้องและได้ผลตรงควรทำอย่างไรครับ ศาลพระภูมิที่บ้านมีอายุราวสามสิบกว่าปีแล้วเริ่มชำรุดแตกหักบ้าง ท่านจะว่าอะไรไหมครับ

3. ที่อาจารย์เคยกล่าวว่า การเลี้ยงพระ7วันเป็นมหาทาน นั้นหมายความว่าอย่างไรครับ จะทำโดยการใส่บาตรอาหารให้พระหนึ่งรูปทุกวันรวมเจ็ดวันจะเป็นมหาทานตามความ หมายของอาจารย์หรือไม่ หรือว่าต้องไปเลี้ยงพระที่วัดและต้องเลี้ยงกี่รูปครับจึงจะได้อานิสงค์ ของมหาทานนี้

ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงครับ

คำตอบ
(๑) อานิสงส์ของบุญจะเกิดขึ้นมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความศรัทธา (ก่อนทำบุญ) ความตั้งใจ (ขณะทำบุญ) ความสบายใจ (หลังทำบุญ)
ตัวอย่างเช่น ข้อ ก. ทำบุญผ้าป่าหนึ่งวัด ๓๐๐ บาท
ข้อ ข. ทำบุญผ้าป่าสามวัดๆละ ๑๐๐ บาท
หากปัจจัยทั้งสามในการทำบุญตามข้อ ก. มีกำลังมากกว่า การทำบุญผ้าป่าตามข้อ ก. ย่อมได้บุญมากกว่า หากปัจจัยทั้งสามในการทำบุญตามข้อ ข. มีกำลังมากกว่า การทำบุญผ้าป่าตามข้อ ข. ย่อมได้บุญมากกว่า

(๒) คำว่า บูชา หมายถึง การแสดงความเคารพ , ยกย่องเทิดทูน ด้วยความนับถือ ฯลฯ การบูชาพระภูมิที่บ้าน คือ เคารพว่าเขาเป็นสัตว์ (เทวดา) ที่อยู่ในภพสูงกว่าภพที่เป็นมนุษย์ เทวดามีคุณธรรมสูงกว่ามนุษย์ ฉะนั้นควรเคารพหรือนับถึงพระภูมิเจ้าที่ในฐานะเป็นอมนุษย์ที่อยู่ในภพติดกัน กับภพมนุษย์ จึงควรปฏิบัติตนเหมือนเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน เคารพนับถือกัน เอื้ออาทรกัน สงเคราะห์ (อุทิศบุญ) กัน ฯลฯ

อนึ่ง ศาลพระภูมิที่ชำรุด แตกหัก หากซ่อมให้อยู่ในสภาพดี หรือเปลี่ยนศาลใหม่ที่ดีกว่าเดิมให้ เทวดาที่เป็นพระภูมิเจ้าที่ย่อมพอใจ ถือว่าเป็นการบูชาเจ้าที่ได้

(๓) ทำอาหารไปเลี้ยงพระทั้งวัด หรือถวายแก่หมู่สงฆ์นานเจ็ดวัน ถือว่าเป็นมหาทานได้ ตามความหมายของผู้ตอบปัญหา คำว่าหมู่สงฆ์นั้นต้องเป็นพระอริยสงฆ์ หรือถวายแด่พระพุทธเจ้าเพียงองค์เดียว ก็จัดว่าเป็นมหาทานได้ ดังตัวอย่างที่อดีตของพระพากุละ ได้ปรุงยาแก้โรคลมถวายพระพุทธเจ้าอโนมทัสสีเพียงองค์เดียว ก็ถือว่าเป็นมหาทานได้ ดังนั้นการนำอาหารไปใส่บาตรสมมุติสงฆ์เพียงหนึ่งองค์ทุกวัน นานเจ็ดวัน ไม่ถือว่าเป็นมหาทาน

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 03:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมฝันเห็นสิ่งที่ผม เดาว่าเป็นสัมภเวสี หรือจะเรียกว่าผี ผมไม่ทราบและไม่สามารถรู้ได้ว่าที่เห็นนั้นจริงหรือไม่ ผมเห็นกึ่งหลับกึ่งตื่น เป็นหญิงเดินใกล้ๆเตียงรุกรนไปมา และหันมาพูดกับผมในลักษณะโกรธว่าขอเตียงหรือแหวนคืน

๑. ท่านอาจารย์ครับ สิ่งที่ผมเห็น ผมไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ แต่หากจริงท่านอาจารย์ช่วยบอกเป็นวิทยาทานให้ผมด้วยครับว่าเราควรทำอย่างไร เมื่อเจอเหตุการณ์อย่างนี้ เพราะความจำในชาตินี้ ก็ไม่พบว่าได้ไปเป็นหนี้ท่านท่านนั้น (ผมได้ทำทานโดยการแจกหนังสือธรรมะเป็นสาธารณชนและอุทิศให้เขาแล้ว)

๒. ตัวผมเอง ศีลห้าก็ไม่ค่อยจะครบบริบูรณ์ แต่ทำไมบางครั้งวาจาที่เปล่งออกไป ส่งผลแปลกๆ บางทีสติขาดเผลอพูดปดเพื่อเอาตัวรอดโดยการยกข้ออ้างที่ยังไม่เป็นจริงในขณะ ที่พูด (แต่เป็นไปได้ในอนาคต) ก็พูดไปตามนั้น แต่หลังๆที่สังเกตคือ พูดทีไรเป็นตามนั้น บ่อยมาก และมีผลให้ตัวเองต้องรับวิบากในคำพูดนั้นไปด้วย ผมสงสัยครับ เนื่องจากศีลห้าผมก็ไม่สมบูรณ์ เพราะอะไร วาจาในขณะนั้นถึงส่งผลได้เร็ว บางครั้งส่งผลเร็วชนิด หลังจากพูดจบเลยก็มีครับ

กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมใดๆที่ผมได้ล่วงเกินท่านจะโดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ผมขอท่านโปรดอโหสิกรรม งดโทษให้กับผมด้วยครับ กุศลกรรมใดๆ อันเกิดจากการถามคำถาม เป็นธรรมทานแก่สาธารณชน ขอกุศลบุญนี้โปรดจงมีจงเกิดแต่ท่านท่านนั้น ขอโปรดอโหสิกรรมให้แก่กันและกัน นับแต่บัดนี้

ขอกราบเท้าท่านอาจารย์อีกครั้งครับ

คำตอบ
(๑) เห็นนั้นเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเห็นไม่จริง เมื่อเจอเหตุการณ์อย่างนี้ควรทำบุญ แล้วอุทิศผลบุญให้กับสิ่งที่ถูกเห็น อุทิศให้บ่อยๆจนกว่าจะเลิกเห็น

(๒) ศีลห้าไม่สมบูรณ์เพราะสติมีกำลังอ่อน อกุศลกรรมที่ทำให้เกิดผลเร็ว เป็นเพราะบุญที่ทำสั่งสมไว้มีน้อย จึงไม่อาจต้านทานพลังของบาปที่มีมากกว่า อกุศลวิบากจึงเกิดขึ้นเร็ว

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 03:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลักสูตรเกี่ยวกับการเรียนรู้เรื่อง พลังจิตใต้สำนึก ที่มีสอนอยู่ในปัจจุบันนี้ สามารถ
แก้ไขข้อบกพร่องของอาการทางจิตใจ ได้จริงหรือไม่คะ เนื่องจากปัญหา
ทางด้านจิตใจที่หนูมีอยู่นั้น หนูไม่สามารถควบคุมความคิดอกุศลจิตที่เกิดขึ้น
โดยใช้วิธีมีสติรู้เท่าทันได้ตลอดค่ะ หนูพยายามฝึกนั่งสมาธิ เดินจงกรม บ้าง พยายาม
สวดมนต์ไหว้พระ แต่จิตที่เป็นหากบางครั้งหากยิ่งอยู่ต่อหน้าพระพุทธรูป ก็ยิ่งควบคุมความคิด
อกุศลจิตไม่ได้ หากอดีตหนูเคยลบหลู่ดูหมิ่นผู้มีคุณธรรมสูงไว้ เท่ากับว่าหนูกรรมหนักไว้มากค่ะ
และติดตามหนูมาจนปัจจุบัน ทั้ง ๆ ที่หนูมิได้ยินดีกับความคิดที่แวบขึ้นมาดังกล่าวเลยค่ะ

หากหนูไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้โดยการสวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิ หนูจำเป็นต้อง
พบจิตแพทย์ เพื่อทานยา หรือ เรียนเกี่ยวกับหลักสูตรเกี่ยวกับพลังจิตใต้สำนึกหรือไม่คะ
เพราะอาการดังกล่าวของหนูทำให้หนูไม่สามารถพัฒนาจิตใจของตนเองให้สงบได้เลย ค่ะ
หนูก็อยากเป็นคนดี..มีจิตใจดี..มีความสุข..ปลื้มปิติขณะทำความดี..ขณะสวด มนต์ไหว้พระ
แต่ปัจจุบันกลับเป็นตรงกันข้าม..หนูกลับมีความทุกข์..ขณะไหว้พระสวด มนต์..เพราะจิตใจที่
ควบคุมไม่ได้ของตนเองค่ะ

ขอรบกวนอาจารย์ช่วยกรุณาแนะนำหนูอีกครั้งนะคะ



คำตอบ
การเรียนรู้ด้วยการรับฟังข้อมูลจากผู้ถ่ายทอด การเรียนรู้ข้อมูลจากการอ่านตำราเป็นสุตมยปัญญา และการเอาข้อมูลไปคิดพิจารณาวิเคราะห์วิจัยเป็นจินตมยปัญญา ทั้งสองเป็นการเรียนรู้ความจริง (เหตุผล) ที่ไม่จริงแท้ เพราะมีกาลเวลาเป็นตัวกำหนด เมื่อเวลาเปลี่ยนไป ความจริงที่เคยเป็น จะกลับมาเป็นความไม่จริง ความรู้หรือปัญญาประเภทนี้เรียกว่าอวิชชา ดังนั้นเมื่อเอาปัญญาที่รู้ไม่จริงมาแก้ปัญหา (อาการทางจิต) จึงแก้ได้เพียงชั่วคราว เมื่อกาลเวลาผ่านนานไป ปัญหาจะกลับมาเกิดได้อีก ด้วยเหตุนี้จึงแนะนำให้ผู้ถามปัญหาไปพัฒนาปัญญาสูงสุด (ภาวนามยปัญญา) เมื่อเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ให้นำปัญญาเห็นแจ้งมาดับที่ต้นเหตุ แล้วอาการทางจิตจะหายไป และไม่หวนกลับมาเกิดขึ้นได้อีก

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 03:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำชี้แนวทางที่ถูกต้อง ถูกตรงค่ะ หนูมีเรื่องเรียนปรึกษาท่านดังนี้ หนูได้พยายามปฏิบัติธรรมโดยใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งในการทำงานและที่บ้านค่ะ หาโอกาสเข้าปฏิบัติธรรมตามรูปแบบ มองตัวเองให้มากกว่าเผลอสนใจสิ่งกระทบภายนอก

พี่ชายทำงานระดับฝ่ายบริหารระดับจังหวัด ได้ย้ายไปปฏิบัติงานในจังหวัดใหม่ มีอาการป่วยและพบว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงโดยทานยาก็ยังไม่ลดลงค่ะ เบาหวาน ประกอบกับเกิดความเครียดที่พบว่าผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาซึ่งทำงานที่นั่นอยู่ ก่อนแล้วได้คอรัปชั่น ทำให้เกิดความเครียดในการแก้ปัญหา รวมทั้งย้ายเข้าบ้านพัก ปรากฎว่าเมื่อกลับมาบ้าน ภรรยาและลูกๆพบอาการผิดปกติ คือซูบผอม พูดจาเหมือนไม่มีสติ สีบหาสาเหตุพบว่า เมื่ออยู่บ้านพักหลังนั้น จะนอนไม่หลับ มีอาการหนาวสั่นทั้งที่ไม่ได้เจ็บไข้ ได้นำพี่ชายไปพบหลวงปู่ ท่านสามารถบอกลักษณะบ้านพัก รวมทั้งต้นมะขามต้นใหญ่ พบว่าโดนเจ้าที่ที่นั่นกระทำทั้งที่ได้จุดธูปไหว้พระเพื่อขออาศัยอยู่ก็ยัง โดนกระทำ หน้าตาหมองคล้ำ ตอนนี้ดีขึ้น แต่ยังคงเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ นอนไม่หลับ ถามก็ไม่ยอมตอบอะไร เราปรึกษากันในหมู่พี่น้องอยากให้ลาออกจากราชการ แต่ดูเหมือนพี่ชายยังกังวล บางครั้งก็พึมพำคนเดียว และมีอาการกลัวว่าจะโดนทิ้ง พี่ชายเป็นคนดีค่ะ ทำงานด้วยความสุจริตมาโดยตลอด ไม่ค่อยสังสรรค์ ดื่มสุรากับเพื่อน ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีเพื่อน การได้ตำแหน่งมาด้วยการสอบ ขยันทำงาน และรักครอบครัว ขอคำปรึกษาและคำแนะนำค่ะว่าหนูจะมีส่วนช่วยอะไรได้บ้างค่ะ

ขอขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
การช่วยเหลือทางโลกเป็นการช่วยที่ผิวเผิน ช่วยได้ชั่วครั้งคราว เช่น ช่วยหาอาหารให้รับประทาน ช่วยพาไปหาหมอ ช่วยพาออกจากแหล่งที่เป็นปัญหา ฯลฯ แต่หากพี่ชายช่วยตัวเอง ด้วยการพัฒนาจิตให้มีสติและปัญญาเห็นแจ้ง การนอนไม่หลับ การปล่อยวางปัญหาของผู้อื่นย่อมหมดไปได้

อนึ่ง หากตัวเองมีหน้าที่โดยตรงต้องแก้ปัญหาคอรัปชั่น ทำไมไม่ใช้อำนาจที่ตนมี สั่งให้ผู้ประพฤติคอรัปชั่นเปลี่ยนพฤติกรรม ด้วยการส่งไปอยู่วัดที่มีการฝึกอบรมจิตตภาวนาที่มีกฎระเบียบเคร่งครัด บางหน่วยงานได้ทำเช่นนี้แล้วประสบผลสำเร็จ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 03:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัจจุบันดิฉันและครอบครัวได้ตั้งใจที่จะเดินทางตามแนวทางที่ท่านได้โปรด เมตตาแนะนำและสั่งสอน อาชีพที่ทำอยู่นั้นคือ สำนักงานทนายความ ซึ่งเป็นอาชีพที่เสี่ยง ปัจจุบันนี้ครอบครัวของเราไม่ทำคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและคดีที่เกี่ยว ข้องกับการฆ่าเด็ดขาด (ซึ่งในคดีทางแพ่งเรายังต้องทำอยู่เพราะยังมีภาระทางโลกอยู่มากค่ะ ) ซึ่งพอเราหยุดทำคดีกลับกลายเป็นว่ามีคดีพวกนี้เข้ามาจำนวนหลายคดี (ซึ่งเป็นคดีที่ค่าแรงสูงมาก) ตามที่ครอบครัวเราคิดดูเหมือนว่าจะเป็นการทดลองจิตของดิฉันและครอบครัวว่าจะ หยุดทำคดีพวกนี้จริงหรือเปล่า เพราะดิฉันและครอบครัวตั้งใจว่าเมื่อภาระต่างๆ เบาบางลง บุญกุศลที่ครอบครัวของเราสั่งสมมาตามแนวทางที่ท่านอาจารย์ได้โปรดสั่งสอน คงจะได้มีอาชีพที่ถูกตรงตามแนวทางธรรมและ ถ้าเราดำเนินชีวิตตามธรรมะของพระพุทธองค์และมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ถึงแม้จะยังดีไม่พอก็คงทำให้ครอบครัวของเราคงมีความเจริญทั้งทางโลกและทาง ธรรมอยู่บ้าง และเดินทางไปสู่ภพภูมิที่ดียิ่งๆขึ้นไปถึงแม้จะยังไม่สู่นิพพาน ดิฉันและครอบครัวเห็นถูกรึเปล่าค่ะ

ท้ายนี้สิ่งใดที่ดิฉันและครอบครัวจงใจหรือประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินท่านอาจารย์ จะด้วยกาย วาจา ใจ ขอได้โปรดอโหสิกรรมให้แก่ดิฉันและครอบครัวด้วยค่ะ

กราบขอบพระคุณในความเมตตาท่านอาจารย์อย่าง

คำตอบ
สิ่งที่บอกเล่าไปเกิดจากปัญญาเห็นถูกเป็นเหตุ .... สาธุ หากปรารถนามีชีวิตหน้าไม่ตกต่ำไปกว่าการเป็นมนุษย์ ต้องประกันชีวิตด้วยทำตนให้เป็นผู้บำเพ็ญทานและรักษาศีล ๕ อยู่เสมอ หรือประพฤติศีล ๘ อยู่เสมอ หรือสวดมนต์ก่อนนอน แล้วตามด้วยการเจริญอานาปานสติอยู่เสมอ การประพฤติเช่นนี้เป็นเหตุเกิดในสวรรค์

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 03:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตัวผมเองอายุ 17 ปี ตอนนี่กำลังศึกษาอยู่ที่ประเทศสวิส ครับ หลังจากตัวผมเองได้มีโอกาศศึกษาธรรมะอย่างจริงจังจากการฟังเทปวีดีโอ ของท่านอาจารย์ แล้วก็อ่านหนังสือต่างๆๆเกี่ยวกับธรรมะในช่วงห้าเดือนที่ผ่านมาแล้วนี่

ผมเลยลองฝึกนั้งสมาธิจากการศึกษาตามหนังสือและวีดีโอเทปจากอาจารย์ต่างๆๆ ผมลองฝึกสมาธิหลายแบบจนรู้สึกว่า อานาปานสติ โดยการระลึกรู้ลมหายใจเฉยๆเหมาะสมที่สุด
หลังจากฝึกไปได้ประมาณ สี่เดือนครึ่งผมก็รู้สึกว่า เวลานั้ง จับลมหายใจได้ชัดเจน ว่ามีลมเข้าออกทางจมูก แล้วยังรู้สึกว่าตัวเล็กลง แล้วยังมีอาการตัวใหญ่ขึ่น แล้วความรู้สึกทางกายก็กลับหายไปเหมือนไม่มีขาไม่มีตัว แต่บ่างครั้งยังได้ยินเสียงที่อยู่รอบๆตัวอยู่
ผมอยากจะเรียนถามอาจารย์ว่า

- สิ่งที่ผมรู้สึกคืออะไร
- แล้วผมควรทำอย่างไรต่อไปครับ เพื่อที่จะเข้าสู่ความเป็นฌานได้
- แล้วสิ่งที่ผมปฏิบัติมาถูกต้องหรือไม่ ถ้าหากผิดผมควรจะทำอย่างไรครับ

ผมต้องขออภัยท่านอาจารย์ดร.สนอง ด้วยครับ เนื่องจากผมไม่ได้เขียนภาษาไทยมานานอาจจะเขียนผิดพลาดไปบ่าง
และขอขอบคุณท่านอาจารย์ที่เมตตาสละเวลามาตอบคำถามของผมครับ


คำตอบ
สิ่งที่รู้สึกเป็นผลที่เกิดจากจิตมีความตั้งมั่นเป็นสมาธิ หากประสงค์นำจิตเข้าสู่ความตั้งมั่นสูงสุด (ฌาน) ต้องกำจัดสิ่งที่รู้สึกให้หมดไป ทุกครั้งที่รู้สึกว่าตัวเล็กลง ต้องกำหนดว่า “ ตัวเล็กหนอ ๆๆๆ ” เมื่อรู้สึกว่าตัวใหญ่ขึ้น ต้องกำหนดว่า “ ตัวใหญ่หนอ ๆๆๆ ” กำหนดไปเรื่อยๆ จนกว่าความรู้สึกตัวเล็ก-ใหญ่หมดไป แล้วต้องดึงจิตกลับมาเจริญอานาปานสติต่อไปเช่นเดียวกัน เมื่อรู้สึกว่าไม่มีขา ต้องกำหนดว่า “ ไม่มีขา ๆๆๆ ” เมื่อรู้สึกว่าไม่มีตัว ต้องกำหนดว่า “ ไม่มีตัว ๆๆๆ ” ไปเรื่อยๆ จนกว่าความรู้สึกไม่มีขา-ไม่มีตัวหมดไป แล้วจึงดึงจิตกลับมาเจริญอานปานสติต่อไป การกระทำเช่นนี้เป็นการกำจัดสิ่งที่รู้สึกให้หมดไป แล้วความตั้งมั่นเป็นสมาธิของจิตจะละเอียดยิ่งขึ้น สิ่งที่ปฏิบัติดำเนินมาถูกทางแล้ว แต่มีสิ่งที่ต้องแก้ไขเล็กน้อย เมื่อผ่านปัญหานี้ไปได้แล้ว การฝึกอานาปานสติจะให้ผลก้าวหน้า และจะทำให้ความถี่ของคลื่นสมองเปลี่ยน ทำให้ความจำเพิ่ม ทำให้เรียนสำเร็จได้ง่าย ฯลฯ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 03:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อาจารย์เคยพูดในเทปการบรรยายว่า ตอนครั้งหนึ่งมีคนมาถามว่าสวดชินบัญชรไม่เคยจบและจะทำยังไงให้สวดจบ อาจารย์สนองตอบว่า "ทำขยะในตัวให้เป็นทอง แล้วจะสวดได้จบ" ผมอยากทราบว่า "ทำขยะให้เป็นทอง" ในที่นี้แปลว่าอะไรเหรอครับ รบกวนอาจารย์ด้วยครับ

ป.ล. ผมขออนุโมทนากับทีมงานและดร. สนองด้วยครับ ผมได้ฟังเทปบรรยายเกือบทั้งหมดซ้ำไปซ้ำมาหลาย ๆ รอบ เมื่อมีเวลาว่าง และได้ปฎิบัติตาม

1. ทุกวันนี้ผมมีความสุขกับชีวิตมากกว่าแต่ก่อน (แม้ความทุกข์ยังมีและอกุศลยังมีอยู่บ้างแต่พยายามทำให้น้อยลง)

2. มีสติมากขึ้น (ยิ่งเรื่องการพูด ทุกวันนี้จะพูดผมจะต้องนึกถึงว่า พูดนั้นจริงไหม มีประโยชน์ไหม เบียดเบียนคนอื่นไหม--จนเพื่อนบางคนคงมองผมแปลกๆ เพราะว่าเมื่อก่อนพูดไร้สาระ เพ้อเจ้อ) และ

3. ได้พิสูจน์คำบรรยายของอาจารย์แล้วในบางข้อว่าเป็นสัจจะจริง ๆ ครับ

ขอบคุณมากครับที่เป็นอาจารย์ในทางธรรมให้ผมครับ

คำตอบ
ขยะ หมายถึง สิ่งเศร้าหมอง (กิเลส) ทอง หมายถึง บุญ บารมี คุณความดี ฯลฯ

(๑) ความทุกข์และอกุศล ถือว่าเป็นขยะ หากกำจัดได้หมดไป ความสุขที่ละเอียด ประณีต ยืนยาว จะเป็นวิบากดีให้ผู้ที่กำจัดได้เสวย

(๒) เพื่อนบางคนมองคุณแปลกๆ หากแปลกแล้วเกิดผลดีกับตัวเอง จงแปลกต่อไป และทำให้แปลกมากยิ่งขึ้น และหากแปลกมากจนกระทั่งเพื่อนพูดว่า คุณเพี้ยนไปแล้ว เป็นการเพี้ยนที่ดี มีความสุขจากจิตสงบ มีความสุขจากจิตที่เป็นอิสระได้ .... สาธุ จงทำความเพี้ยนเช่นนี้ให้เกิดขึ้นเถิด

(๓) พิสูจน์ได้ในบางข้อว่าเป็นสัจจะ เมื่อใดผู้ถามปัญหาพิสูจน์ได้ในทุกข้อว่าเป็นสัจจะ นั่นเป็นตัวบ่งชี้ว่า ผู้พิสูจน์มีความเห็นถูกตามธรรม

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนที่หนูเป็นเด็กหนูเคยขโมยขนมที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง ตอนนี้หนูอยากจะเอาเงินค่าขนมไปคืนเขาและให้เขาอโหสิกรรมให้ แต่เขาไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้ว และไม่แน่ใจว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เพราะเขาก็อายุเยอะแล้ว มีวิธีที่จะชดใช้กรรมนี้ และให้เขาอโหสิกรรมให้หนูได้อย่างไรคะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ

คำตอบ
ขโมยขนมเป็นการทุศีลข้อสอง ให้ผลเป็นบาป เมื่อรู้ว่าบาปได้เกิดขึ้นแล้ว จงหยุดประพฤติบาปแล้วปฏิบัติตนให้เป็นผู้บำเพ็ญ ทาน รักษาศีล เจริญจิตตภาวนาอยู่เสมอ และการขโมยขนมในอดีต จะเป็นสิ่งที่ให้คุณกับผู้ถามปัญหาได้ ดูตัวอย่างของสิริมา โสเภณีแห่งแคว้นมคธ หยุดประกอบอาชีพทุศีล แล้วหันมาบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญจิตตภาวนา จนบรรลุโสดาบัน (ปิดอบายภูมิ) บัดนี้ไปเกิดเป็นนางฟ้าโสดาบันอยู่ในสวรรค์ชั้นสูงสุด

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อคืนนี้ผมได้นั่งสมาธิประมาณ 40 นาที ประมาณตี 1 แล้วนอนพัก นอนไม่หลับเลยครับ มีอะไรไม่ทราบมากวน ที่ผมเห็น ก็มีค้างคาว และผีเสื้อ ลอยอยู่เต็มเพดานเต็มไปหมดแต่ครั้งหลับครึ่งตืนนะครับ จากนั้นก็มีอะไรไม่รู้มากวนตลอดนอนไม่หลับเลยครับมีอะไรไม่รู้ (มาตีบ้าง กระโดนตามตัวบ้าง) พอผมใช้สมาธิก็ได้ท่องชินบรรชร สักพักก็มาอีกทำถึงสองครั้ง ผมเลยแผ่เมตตาจึงนอนพักได้ในคืนนั้น ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลยครับ ตั้งแต่นั้งสมาธิได้ดีขึ้น ผมบวชมาได้ครบรอบ 1 ปีแล้วครับ ช่วงปิดเทอมผมว่าจะไปบวชอีกเพื่อปฏิบัติธรรม ช่วงนี้กำลังเคลียร์เรื่องงานอยู่ครับไม่รู้จะมีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า ผมฝึกสมาธิทุกวันครับแต่เวลาไม่นานนักอยู่ประมาณ 30-1.30 ชั่วโมง ส่วนมากจะฟังบรรยายจากท่านอาจารย์แล้วนั้งถึงจะสามารถจดจำคำสอนของอาจารย์ ได้ แต่นั่งฟังโดยไม่ได้นั้งสมาธิกลับง่วงนอนไป บางทีฟังไม่รู้เรื่อง แต่พอนั้งสมาธิกลับจำได้ดีเลยครับ

ผมควรเริ่มอย่างไรต่อไป ท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยครับ

อีกเรื่องนึงที่จะขออนุญาติจากท่านอาจารย์ผมอยากทำ CD จากที่ผมได้ฟัง ทำออกเพื่อเผยแพร่ให้กับคนรอบข้าง และบุคคลทั่วไปได้ฟังเพื่อให้เขาได้รู้เท่าทั้นความจริงของชีวิตมนุษย์ที่ ควรรู้ (ผมยังไม่เชื่ออาจารย์) แต่ผมจะพิสูทธิ์ด้วยตัวเองให้ได้ครับ

อยากเป็นศิษย์อาจารย์ได้โปรดรับผมเป็นศิษย์ด้วย
สวัสดีครับ

คำตอบ
การเห็นภาพสัตว์ลอยอยู่บนพื้นเพดาน เป็นเรื่องปกติของผู้ที่เริ่มมีบุญเพิ่มจากบุญปกติ สัตว์ที่เห็นและสัตว์ที่มากระโดดอยู่ตามตัว เขามารอรับส่วนบุญเพราะผู้เห็นเป็นหนี้เขา ปัญหาเช่นนี้จะหมดไปได้ต้องอุทิศบุญที่เกิดจากการปฏิบัติจิตตภาวนาแล้วเสร็จ ต้องอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรไปเรื่อยๆ จนกว่าการเห็นและความรู้สึกว่ามีสัตว์กระโดดอยู่ตามตัวจะหมดไป แล้วการปฏิบัติจิตตภาวนาจะดำเนินไปก้าวหน้า

อนึ่ง ผู้ถามปัญหายังเข้าไม่ถึงความจริงที่พูดไว้ใน website จึงยังไม่ควรก๊อปปี้ซีดีเผยแพร่สู่คนรอบข้างและบุคคลทั่วไป และไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะก๊อปปี๊ซีดีเพื่อนำไปขาย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมจะช่วยลูกยังไงครับ
ผมมีลูกชายเป็นเด็กออทิสติก วิ่งสบัดมือ เดินปลายเท้า ใช้คางทิ่มหน้าพ่อ ไม่สื่อสารใดๆ ตอนนี้ผมดูแลลูกอยู่ที่บ้านเวลาผ่านไป1ปีแล้วครับแฟนไปทำงาน ผมมองดูลูกผมเหมือนมีอะไรบอกผมว่าเขาคือเจ้ากรรมนายเวรของผมครับ คือว่าตอนช่วงที่ผมเป็นวัยรุ่น ผมก็ยิงนกตกปลาไปเรื่อยได้ใช้ปืนยิงนกพิราบตัวหนึ่ง ก่อนตายผมกับนกได้จ้องหน้ากัน มีบางอย่างบอกกับผมว่าเขาแค้นผม ผ่านมา10ปีได้แล้วครับ แต่ในใจคิดใว้เสมอว่า เราต้องชดใช้กรรมที่ทำกับนกตัวนั้น คิดว่าเขาต้องมายิงหรือแทงร่างกายเราแน่ กระทั่งถึงวัยทำงานและแต่งงาน มีลูก ครับชีวิตได้เปลี่ยนไปตอนมีเขาได้1ปี เมื่อทราบว่าเขาเป็นออทิสติก ผมออกจากงานที่มีปัญหามาดูแลลูก ช่วงแรกคิดว่าเป็นอาการพิการทางสมองอย่างหนึ่ง พอได้มาฟังอาจารย์บรรยายเมื่อวาน(internet) ภาพนกตัวที่ผมได้ทำให้เสียชีวิตแวบมาที่หัวผม ผมได้วิเคราะห์ พฤติกรรมของลูกแล้วเหมือนนกเลยครับ วิ่งสบัดมือเหมือนกระพือปีก ใช้คางทิ่มเหมือนนกจิก ชอบให้ผมเล่นโยนสูงๆกลางอากาส ผมบอกเรื่องนี้กับภรรยาผมเขาก็ร้องไห้

คำถามครับ ผมจะช่วยลูกยังไงดีครับ ผมสงสารเขาที่เขาไม่พูดไม่สื่อสาร ผมตั้งใจพาเขาไปทำสังฆทานทุกอาทิตย์ดีไหมครับ

ด้วยความเคารพอย่างยิ่งครับ

คำตอบ
จากเรื่องที่บอกเล่าไป ผู้เป็นพ่อได้สร้างหนี้เวรกรรมด้วยตัวเอง และผู้เป็นแม่ได้ร่วมกระบวนอกุศลกรรมไว้แต่อดีต จึงต้องมีส่วนร่วมในการรับอกุศลวิบากอยู่ในปัจจุบัน เรื่องนี้แก้ปัญหาได้สองทาง คือพ่อและแม่ต้องประพฤติบุญใหญ่ (ปฏิบัติธรรม) แล้วร่วมกันอุทิศบุญใหญ่ให้เจ้ากรรมนายเวร และในทางที่สองให้ลูกได้อยู่ใกล้ชิด สัมผัสกับสัตว์เลี้ยงที่เป็นสัตว์มีปีกอยู่เสมอ เมื่อใดที่ผู้ผูกเวรยกเลิกจองเวร ความเจ็บป่วยที่เกิดกับลูกย่อมหายได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันอายุ 48 ปี มีลูก 2 คน สามีรับราชการระดับนายตำรวจ ดิฉันรู้สึกเครียดเกี่ยวกับเรื่องที่ทำงานค่ะ ดิฉันทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งมาเป็นเวลานาน 17 ปี เป็นพนักงานระดับล่างได้ 2 ปี ได้รู้จักกับพี่ระดับผู้บริหารคนหนึ่ง(เป็นผู้หญิง) พี่คนนี้ช่วยดึงมาอยู่ในแผนกที่ดีขึ้น(แผนกจัดซื้อ) พี่เค้าก็เป็นคนดี พูดจาไพเราะ น่าเชื่อถือ เขาเป็นน้องสาวของผู้อำนวยการคนเก่า เป็นคนที่พอมี power ในบริษัท พอย้ายแผนกมาเราก็เหมือนมาเป็นลูกน้องเค้าพักนึง ก่อนที่พี่เค้าจะไปรับผิดชอบงานอีกตำแหน่งนึง แต่ว่าดิฉันไม่ทราบมาก่อนว่าพอย้ายมาแล้วจะต้องทำงานนอกขอบเขตหน้าที่อีกมาก มาย

งานที่เพิ่มขึ้นมีตั้งแต่จัดงานเลี้ยง ยกเก้าอี้ ล้างจาน แม้ต่อมาดิฉันจะได้เป็นหัวหน้าแผนกแล้วก็ต้องทำ ลูกน้องดิฉันก็ต้องทำเหมือนกัน ทำไปร้องไห้ไป จนกระทั่งมีการจัดแม่บ้านมาช่วยล้างจาน แต่อย่างอื่นก็ต้องทำเหมือนเดิม จะมีงานเลี้ยงใด ๆ แม้กระทั่งนอกสถานที่ก็ต้องจัดถ้วย ยกชาม ขนหม้อ ฯลฯ(พนักงานแผนกอื่นก็มีมาช่วยบ้างแต่ว่าเขาก็เลือกทำแต่ในส่วนงานที่เบาๆ) จนมีระบบ ISO ทางบริษัทจึงจัดแผนกโดยตรงมารับผิดชอบงานพวกนี้ พวกเราจึงเริ่มจะไม่ยอมทำงานที่นอกเหนืออย่างนี้อีก โดยเริ่มๆจะถอยออกมา แต่ก็โดนพี่คนที่ช่วยดิฉันย้ายแผนกมาว่ากระแทกบ้าง ยิ่งต่อมาพี่คนนี้ไม่ชอบดิฉันจนไม่อยากมองหน้า เห็นหน้าดิฉันเขาจะว่าดิฉันแรง ๆ แต่บางทีพี่เขาก็พูดจาดี แสดงว่าเป็นห่วงเป็นใย จนดิฉันไม่ทราบว่าแบบไหนคือนิสัยของเขาที่แท้จริงกันแน่ แต่ในที่สุด พี่เค้าก็มีโรคประจำตัวอย่างแรงเกี่ยวกับไต ทำให้ทำงานไม่ได้เต็มที่ และบางครั้งเขาก็จงใจจะอู้งานด้วย เจ้านายจึงเริ่มใช้งานโดยตรงกับดิฉันมากขึ้น แต่บางครั้งพอดิฉันเตรียมหาข้อมูลงานไว้เรียบร้อย อยู่ดีๆพี่เขาก็เอางานที่เราเตรียมไว้ไปเสนอเจ้านายเอง ด้านเรื่องส่วนตัว พี่เค้าจะชอบใช้งาน ใช้ทุกวัน วันละนิดๆหน่อยๆ บางวันก็หลายรอบ เวลาใช้ให้เราซื้อของก็ต้องทวงเงินเขาทีหลังเพราะเขาจะไม่เคยคืนเงินเราเลย (มาทราบทีหลังว่าเขาก็ทำแบบนี้กับคนอื่นเหมือนกัน การว่ากระแทกเขาก็ว่ากับคนอื่นเหมือนกัน) ในปีๆหนึ่งดิฉันยื่นใบลาออกหลายครั้งสาเหตุจากพี่คนนี้และก็เรื่องงานหนัก มากด้วย แต่คงเป็นเพราะเป็นคนขยัน ซื่อสัตย์ อดทน ทำให้ผู้ใหญ่ในบริษัททักท้วงไม่ให้ออก เมื่อต้นปีมีหลายคนเห็นความดี ดิฉันได้รับรางวัลพนักงานมนุษยสัมพันธ์ดี ประจำปี 2552

ดิฉันอยากเรียนถามอาจารย์ว่า
1. ดิฉันมีกรรมเวรกับพี่เขาหรือไม่
2. ดิฉันควรทำงานอย่างไรให้มีความสุขในขณะที่ต้องทำงานกับพี่เขา
3. ลูกน้องในห้องคนอื่น ๆก็บ่น(เวลาถูกพี่เขาใช้ส่วนตัว) บางทีดิฉันต้องควักเนื้อให้ค่ารถลูกน้อง การที่เราต้องจ่ายให้เขาบ่อยๆทั้งที่เงินเดือนก็น้อยกว่า ดิฉันจะทำอย่างไรดี บางทีถ้าพูดกับพี่เขาตรงๆได้ไหมคะ
4. เคยแผ่ส่วนกุศลให้เค้าแต่ทำไมเหตุการณ์ยังไม่ดีขึ้น ต้องแผ่ให้เขานานเท่าไหร่คะ

อาจารย์เคยสอนให้มองข้อดีก็พยายามมองแล้วได้ดังนี้
1. เค้าให้ตำแหน่งหน้าที่ที่ดี
2. ให้โอกาสเจ้านายได้รู้จักเรา
3. สอนดี (แต่เค้าทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม)
4. ข้อสุดท้ายที่อดทนจนถึงทุกวันนี้ถือว่าตอบแทนบุญคุณได้หรือไม่คะ แต่ว่าบุญคุณแบบนี้ไม่อยากใช้กับคนไม่ดี อยากลาออกจากงานให้พ้นๆแต่ครอบครัวคงไม่สุขสบาย ขอคำแนะนำจากอาจารย์ด้วยค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
(๑) นี่คือหนี้เวรที่ผู้ถามปัญหาต้องชดใช้ให้หมดไป ดูให้ชัด ผู้ถามปัญหาเป็นผู้มีโชคดี ที่จะได้ใช้หนี้เวรกรรมให้หมดกันในชาตินี้ จะได้ไม่ต้องตามมาใช้ในชาติหน้า หากต้องโคจรมาพบกันอีก

(๒) แท้จริงเหตุเกิดจากผู้ถามปัญหามีความเห็นผิด ความทุกข์จึงเกิดขึ้น เมื่อใดพัฒนาจิตตัวเองให้เป็นผู้มีความเห็นถูก จะเห็นว่า แท้จริงแล้ว เรานั่นเองเป็นคนดี
การได้รับรางวัล พนักงานมนุษย์สัมพันธ์ดี นั่นเป็นเครื่องประกันความดีของตัวเอง ฉะนั้นหากต้องการให้ปัญหานี้หมดไป ต้องทำใจให้มีสัมมาทิฏฐิ แล้วจะเห็นว่า ความขยัน ความซื่อสัตย์ ความอดทน เป็นคุณธรรมที่หาไม่ได้ในคนที่ไม่มีความดีเช่นคุณ

(๓) คนอื่นพูดบ่นอย่างไรเป็นเรื่องของเขา ผู้พูดบ่นเป็นคนที่ไม่มีความอดทน แต่เขาเป็นครูที่ดีสอนใจเราว่า เราจะไม่ประพฤติตนเป็นคนขี้บ่นเช่นเขา แล้วเราจะไม่เป็นคนไม่ดีเช่นเขาไงล่ะ

อนึ่ง การควักเงินตัวเองให้ลูกน้องเป็นค่าโดยสารรถ เป็นการให้ทรัพย์ เป็นทานผู้ให้ได้บุญ ให้แล้วเสียดายเงิน ได้ทั้งบุญได้ทั้งบาป ฉะนั้นไม่ควรควักเงินให้ลูกน้องจนต้องเบียดเบียนตัวเอง จะไปพูดกับพี่เขาให้ทำบุญกับลูกน้องย่อมพูดได้ แต่เขาจะควักเงินหรือไม่ควักเป็นเรื่องของเขา

(๔) อุทิศกุศลเล็กๆน้อยๆ กว่าเหตุการณ์จะดีขึ้นต้องใช้เวลายาวนาน ทำไมไม่ทำบุญใหญ่ (ปฏิบัติธรรม) แล้วอุทิศบุญให้พี่เขา หนี้เวรกรรมจะได้หมดเร็วขึ้น

อนึ่ง ผู้ตอบปัญหาเคยสอนให้มองแต่ในแง่ดีของคนอื่น แล้วทำตาม สอนให้มองในแง่ไม่ดีของคนอื่น แล้วไม่ทำตาม คุณมองในแง่ดีแล้วทำตามแบบอย่างดีให้ถึงที่สุด จึงจะเกิดผลดีกับตัวเองแน่นอน ฉะนั้นจงมองต่อไป และจะบอกว่าไม่มีใครหนีใจตัวเองได้พ้น มีแต่คนโง่เท่านั้นที่หาทางออกให้กับชีวิตด้วยการลาออกจากงาน เขาเป็นครูทำให้เราได้สร้างบารมี แล้วยังคิดปฏิเสธอีกหรือ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมจะขอรบกวนอาจารย์ กรุณาแนะนำวัดหรือสถานปฏิบัติธรรม ในเชียงรายที่อาจารย์จะสามารถแนะนำได้ เพราะผมมีแผนการจะไปที่นั่น และอยากจะใช้เวลาในการปฏิบัติประมาณ ๓ วัน ปกติผมอยู่ที่นครสวรรค์ และเคยไปพบอาจารย์ที่ ม.ธรรมศาสตร์ปีที่แล้ว ผมสวดมนต์ปฏิบัติธรรม แนวพุทโธ แบบอานาปานาสติ มาได้ประมาณ ๒ ปีแล้วครับ ผมขอรบกวนเวลาของอาจารย์เท่านี้นะครับ

ด้วยความนับถือและเคารพ

คำตอบ
แนะนำ วัดใหม่ศรีร่มเย็น อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมสงสัยมานานแล้วว่า อานิสงค์ที่เราทำทานหรือเลี้ยงดูแก่บิดามารดา เสมือนให้แก่พระอรหันต์ อานิสงค์หมื่นล้านเท่า แต่ผมสงสัยว่า หากบิดามารดาที่ไม่ได้ให้กำเนิดเราเช่นป้าเลี้ยงเรามาตั้งแต่เล็ก ขอถามครับ

1.อย่างนี้เราเลี้ยงท่านเราได้บุญกี่เท่า เคยมีคนตอบให้ผมฟัง บ้างก็บอกว่าเท่ามารดาจริงๆ บางท่านบอกครึ่งนึงของผู้ให้กำเนิด หรือเสมือนให้ผู้คนทั่วไป

2.หากเราไม่เลี้ยงเราบาปหรือไม่ เพราะตอนหลังเรามาเจอมารดาผู้ให้กำเนิด หากเราอยากเลี้ยงแต่มารดาผู้ให้กำเนิดผู้เดียว เรื่องมีอยู่ว่าป้าผมเคยเลี้ยงน้องผม และเก็บเด็กอีกคนมาเลี้ยง ตอนหลังหนีไปหมด เพราะความเจ้าอารมร้อนของป้า เหลือผมคนเดียว ผมก็อดทนไม่อยากให้ถูกด่าตาหน้าว่าอกตัญญู แต่เพราะมีหนี้สินจากทำธุรกิจ แต่ใจจริงที่เสาะหาทำธุรกิจเพราะอยากให้ป้าสบาย ตอนนี้ก็อายุ60 ก็ยังทำงานอยู่ โดยท่านทำทุกเสาร์อาทิตย์ ผมให้เงินท่านตอนเรียนจบ2,000บาท ท่านบอกว่าเป็นเศษเงิน แต่เราไปให้แม่น้ำตาคลอ(ลืมบอกไปครับ ผมไม่ได้อยู่กับแม่) ที่ท่านบอกเป็นเศษเงินเพราะท่านชอบเอาผมไปเปรียบกับลูกบ้านอื่น แต่ไม่เข้าใจว่าเราเป็นหนี้มาก ก็อยากมีเงินนะครับ แต่พลาดจากการทำธุรกิจครั้งเดียว มีหนี้หลายแสน 4-5แสน

#ทุกวันนี้ป้าผมชอบทำบุญ แต่หน้าตาหมองคล้ำ เพราะเครียด ป้าเคยเลี้ยงน้าและแม่ผม แต่2ท่านก็ต้องหนีไปหมด ป้าตัดพี่น้อง ไม่เหลือใครแม้ลูกหลาน พี่น้อง เราก็อยากหนีเหมือนกันครับ

#ผมกลับบ้านทีไร เครียดทุกที เพราะป้าชอบเล่าเรื่องอดีตที่ขมขื่นของบรรดาพี่น้องลูกหลาน ท่านอมทุกข์ไว้เต็มอก

#ป้าชอบทำทานแต่ไม่ศึกษาธรรม ผมพยายามนำพระธรรมไปเสนอพูดคุย มักไม่สนใจ บอกคำเดียวว่าถ้าอยากให้ท่านหายเครียดต้องมีเงินไปกองให้ท่าน ผมก็ยิ่งเครียดเพราะไม่มีเงิน ให้น้อยก็หาว่าเป็นเศษเงินท่านเหมือนทำบุญเพื่อหวังผล

3.ผมควรทำเช่นไรครับ เพราะจะทำอย่างไรท่านก็ต้องการเงินเท่านั้น ติดในวัตถุ และอาจเพราะเลี้ยงผมเพื่อผลประโยชน์ตอนผมเรียนจบ หรือหวังผล

ขอบพระคุณอาจารย์ล่วงหน้าที่ตอบนะครับ

คำตอบ
(๑) ใครจะตอบเช่นไรก็เป็นเรื่องถูกของผู้ตอบ บิดามารดามีคุณด้วยเป็นผู้ให้กำเนิดรูปนาม และเลี้ยงดูมาในระยะแรกเกิดจากครรภ์มารดา ส่วนป้ามีอุปการคุณด้วยเลี้ยงดูชีวิตให้เติบใหญ่ ดังนั้นการทำทานแก่บิดามารดาย่อมได้อานิสงค์มากกว่าผู้เป็นป้า ซึ่งให้การเลี้ยงดูเพียงอย่างเดียว

(๒) เมื่อใดที่ผลของบาปแสดงออก ความเครียด คำพูดที่เป็นอกุศล ความมีหน้าตาหมองคล้ำ ฯลฯ ย่อมเกิดขึ้นส่งผลให้ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ เขาจึงต้องจากไปอย่างที่เห็นแล้ว

ผู้ใดมีจิตเป็นทาสของเงิน ให้ขนเงินมากองอยู่ต่อหน้าก็ไม่สามารถเติมเต็มความอยากของเขาได้ ฉะนั้นผู้ใดทำบุญเอาหน้า แต่ใจมีแต่ความอยากได้ ย่อมได้รับอานิสงค์แห่งบุญน้อย แต่ได้รับอานิสงค์ของบาปมาก จงดูเขาเป็นครู แล้วเลือกทางชีวิตด้วยตัวเองว่าจะดำเนินไปแบบไหน

(๓) ชีวิตเป็นของตนเอง จะนำพาชีวิตไปทางไหนต้องเลือกด้วยตัวเอง ใช้เงินเป็นสิ่งตอบแทนกับผู้มีจิตอยากได้เงิน แล้วทำให้เขาอยากได้มากขึ้น ผู้ให้เงินเป็นจำเลยบาปที่หนึ่ง ผู้รับเงินเป็นจำเลยบาปที่สอง ผู้เห็นดีด้วยเป็นจำเลยบาปที่สาม

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การกำหนดจิตให้มีสติอยู่กับอิริยาบทต่างๆนั้น มีวิธีทำอย่างไรคะ ถ้าเรากำหนดรู้แค่ลมหายใจเข้า-ออก อย่างเดียว โดยที่ไม่ต้องกำหนดรู้อิริยาบทอื่นๆ จะทำให้จิตมีสติและเกิดสมาธิได้หรือไม่คะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ

คำตอบ
การกำหนดลมหายใจเข้าออก ต้องกำหนดขณะจิตว่างจากไม่มีงานภายนอกให้ทำ สามารถกำหนดได้ในทุกอิริยาบถที่เหมาะสม นั่งกำหนด นอนกำหนด ดีกว่าเดินกำหนด ด้วยเอาใจไปจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า-ลมหายใจออก ทำทุกครั้งที่ว่างจากงานภายนอก ทำทุกครั้งที่นึกได้ บทกรรมฐานที่เรียกว่า อานาปานสติ เพียงอย่างเดียว ก็สามารถพัฒนาจิตให้มีกำลังของสติเกิดขึ้นได้ ส่งผลให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสต์ เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 04:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมมีข้อข้องใจเกี่ยวกับการฝึกวิปัสนาครับ
เช่นเวลาเกิดการปวดเมื่อยหลังเพราะเวลานั่งสมาธิ ผมจะฝืนไว้ ไม่ให้หลังงอ แล้วกำหนดว่า ปวดหนอ ๆ ผมทำถูกหรือไม่ ควรแก้ไขอย่างไรครับ

การกำหนดลมหายใจเข้าออก ใช้การภาวนา เข้าหนอ(สติรู้ว่าหายใจเข้า) ออกหนอ(รู้ว่าหายใจออก) ใช้ได้หรือไม่ครับ หรือ ควรหาหนังสือ กรรมฐาน 40 มาอ่านเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกว่านี้ดีครับ

ขอบคุณครับ
ขอให้การให้ธรรมะเป็นทานส่งผลให้อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปครับ

คำตอบ
ปฏิบัติถูกแล้วที่กำหนดว่า “ ปวดหนอๆๆๆ ” เรื่อยไปจนกว่าจะหายปวด และการบริกรรมเข้าหนอ-ออกหนอ ก็ทำได้ อนึ่งขณะปฏิบัติธรรมต้องไม่พูด ไม่อ่าน ไม่ดู ไม่ฟัง สิ่งใดๆ แล้วเร่งความเพียรปฏิบัติให้มากขึ้น แล้วมรรคผลแห่งธรรมย่อมเกิดขึ้นได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 63, 64, 65, 66, 67, 68, 69 ... 102  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร