วันเวลาปัจจุบัน 13 ก.ย. 2025, 02:39  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 41 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ม.ค. 2010, 00:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 11


เพิ่มมาหนึ่งกลายเป็นสิบสอง says (11:19 PM):

ก้อก่อนเดินก้อเจอความทุกข์มา แบบว่าทำให้เบื่อโลก มากๆๆ เลย ก้อทุกข์
ทำไมเป็นแบบนั้น ทำไมเราต้องเจอแบบนี้ แล้วจากนั้นก้อไหว้พระ
แล้วก็เดินน่ะคะ ก้อพยายามโน้มจิตไปหาท่านมากๆ
ตอนแรกที่เดินก็คิดเลย ว่าไม่อยากจะสร้างเหตุอีกแล้ว

แล้วตอนเดินก็ มีสติจับที่เท้าบ้าง ไหลไปกับความคิดบ้าง
สติมันไม่เท่ากันอะ แบบว่าเดี๋ยวมากเดี๋ยวน้อย มันไม่เที่ยงนะเนี่ย

แล้ว ก็คิดว่าไม่อยากจะสร้างเหตุแหละ แต่ก้อมีสงสัยบ้างว่าทำไมยังต้องสร้างเหตุดีไรเงี้ย
ในเมื่อเราไม่อยากสร้างเหตุอะไรแล้ว สงสัยไปสักนิด ก่อนจะเลิกสงสัย
หลังๆก้อคิดว่า ได้คำตอบแล้วนะคะ แต่ว่า ยังไม่ชัดอยู่

ส่วนตอนเดินนั้นน้อมจิตเข้าหาพระพุทธ ยังมีปรามาสหลุดออกมา
เราก้อพยายาม ไม่ให้คิด และก้อเลยรุ้ว่าที่เราดผลอปรามาสบ่อยเพราะเรานึกสงสัยในตัวท่าน
ยังมีความสงสัยอยู่ ตอนหลังๆสู้มากเลย แบบว่าเรารพยายามไม่สงสัยอะ

พี่บอกว่าถ้าเผลอปรามาสให้ว่าตัวเองด้วย แต่เราว่าเราใช้วิธีนั้นไม่ค่อยได้ผลน่ะ
ก้อเลยพึ่งจำคำพี่ที่พี่บอกว่า แต่ละคนมีอุบายต่างกัน
ก้อเลยเข้าใจแล้ว ว่าทำไมถึงใช้ไม่ค่อยได้ล เราต้องหาวิธีของเราเอง

สุขที่แท้จริง says (11:26 PM):

ใช่ค่ะ

เพิ่มมาหนึ่งกลายเป็นสิบสอง says (11:26 PM):

แล้วก้อ คิด พยายามเตือนตนเองนะ ว่า ตนจงเป็นผู้เตือนตนเอง
อย่าให้คนอื่นมาเตือนให้ ตอนเดินก้อท่องๆ พยายามจำให้เข้าไปในใจเลย
แล้วก้อท่องเรื่องไม่อยากสร้างเหตุอะ มันทุกข์จิงๆ ตอนนี้ก้อไม่ค่อยปรามาสแล้วอะ

แต่ว่า แบบว่าเราใช้วิธีเผชิญกับคำปรามาสตรงๆน่ะ นึกถึงพระให้ท่านอยู่ตรงหน้าเรา
แล้วเราก้อต้องทำความเข้าใจกะตัวเอง ทำนองนั้นอะคะ ก้อ มีเท่านี้นะคะ

สุขที่แท้จริง says (11:27 PM):

นั่งล่ะคะ

เพิ่มมาหนึ่งกลายเป็นสิบสอง says (11:28 PM):

จับลมอะคะ

สุขที่แท้จริง says (11:28 PM):

เห็นท้องพองยุบมั๊ยคะ

เพิ่มมาหนึ่งกลายเป็นสิบสอง says (11:28 PM):

แต่ก็มีฟุ้ง ไม่ได้มองท้อง ดูแต่จมูก เวลามองท้องรู้สึกไม่สบายใจ
แบบชอบจินตนาการถึงเครื่องใน กลัวท้องระเบิดออกมา ทำนองนั้นอะ
กลัวตอนท้องพองยุบ

สุขที่แท้จริง says (11:28 PM):

ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ

เพิ่มมาหนึ่งกลายเป็นสิบสอง says (11:29 PM):

แล้วก้อ มีฟุ้งแบบแต่งเป็นเรื่องเป็นราว มันมีแบบว่า อึดอัด เรื่องการหายใจนี่แหละ
แล้วก็นั่งไป ฟุ้งบ้าง ไปจนถึงจุดที่นิ่งๆ เหมือนว่าเรานั่งนิ่ง ตรง เงียบ เท่านี้นะคะ

สุขที่แท้จริง says (11:30 PM):

สิ่งที่ถามมานะคะ ... แล้ว ก็คิดว่าไม่อยากจะสร้างเหตุแหละ แต่ก้อมีสงสัยบ้างว่า
ทำไมยังต้องสร้างเหตุดีไรเงี้ย ในเมื่อเราไม่อยากสร้างเหตุอะไรแล้ว
เรายังใช้ชีวิตปกติอยู่ ถูกต้องมั๊ยคะ


เพิ่มมาหนึ่งกลายเป็นสิบสอง says (11:31 PM):

ใช่

สุขที่แท้จริง says (11:31 PM):

ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราย่อมพบเจอกับสิ่งต่างๆมากมาย ถูกต้องมั๊ยคะ

เพิ่มมาหนึ่งกลายเป็นสิบสอง says (11:32 PM):

สร้างเหตุดีจะดีกว่าสร้างเหตุไม่ดี ผู้ที่จะไม่สร้างเหตุอะไรได้อีกคือพระอรหันต์
ก้อ เคยอ่านเจอแบบนี้ น่ะคะ แต่ก้อ ฟังจากพี่ก้อ โอเคคะ

สุขที่แท้จริง says (11:33 PM):

กรรมก็คือการกระทำ การกระทำก็คือเหตุที่เราทำให้บังเกิดขึ้น ไม่ว่าจะจาก กาย วาจา ใจ
จะเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม กรรมนั้นย่อมส่งผลทันทีที่ได้ลงมือกระทำ แม้แต่แค่ความคิดก็ตาม
เพียงแต่ผลที่ได้รับนั้นจะมากน้อยตามเหตุที่สร้าง เจตนามากรับมาก เจตนาน้อยรับน้อย
เวลาเราพูดคุยกันนั่นก็คือ เรากำลังสร้างเหตุใหม่ร่วมกัน
คนส่วนมากจะกล่าวว่าสิ่งนั้นถูกสิ่งนี้ผิด ล้วนแต่เกิดจากความคิดของตัวเองทั้งสิ้น
แต่ไม่ใช่ตามความเป็นจริง เพราะตัวเราย่อมมีอคติเข้าข้างตัวเอง ความคิดจึงไม่เป็นกลาง
เราถึงต้องมาเจริญสติปัฏฐานกันเพราะเหตุนี้ ทิฐิมานะไงคะ ต้องพระอรหันต์เท่านั้น
ที่จะละมานะกิเลสจนหมดได้ พี่เข้าใจความอยากแล้วนะ
เมื่อก่อนฟังหมูพูดน่ะ ก็คือเข้าใจนะ แต่เข้าใจแบบของพี่ แต่ไม่ใช่โดยสภาวะ
เพราะพี่ปฏิบัติมาโดยไม่ใช่ความอยาก


เพิ่มมาหนึ่งกลายเป็นสิบสอง says (11:39 PM):

เข้าใจความอยากว่ายังไงอะ

สุขที่แท้จริง says (11:40 PM):

เมื่อคืนคุยกับหมูยันสว่างเลย ความอยากนี่มันสามารถก่อความทุกข์ให้กับเราได้มากน้อย
ตามกำลังของความอยากของแต่ละคนนะ พี่เพิ่งรู้ว่าพี่เองก็ติดอยู่หลายวัน

ที่พี่ไม่มีอะไรเขียนในบล็อกเลย เพราะพี่ไม่เห็นความอยาก พี่ก็หาอยู่ว่าติดอะไร
ตอนแรกคิดว่าเรื่องสมาธิที่มีปัญหา พี่อยากได้สมาธิพี่คืนกลับมา
มันทรมาณพี่มาหลายวัน เลยทำให้พี่เหนื่อยใจ เลยทำให้ขาดสติได้ง่าย

เมื่อมีอะไรมากระทบ บางเรื่องน่ะ เลยไปเกาะเกี่ยวมันมา
แต่พอกำลังสติเราไม่พอ เราปรุงเลย ไม่พอใจ

ความอยากทำให้เราท้อง่าย ทำให้เราหดหู่ใจ อารมณ์ซึมเศร้าง่าย
มิน่าหมูถึงบอกว่ามันทุกข์จังพี่น้ำ ความอยากนี่


เพิ่มมาหนึ่งกลายเป็นสิบสอง says (11:45 PM):

ใช่.. ความอยากก้อคือกิเลส และกิเลสคือตัวทำให้เกิดทุกข์

สุขที่แท้จริง says (11:45 PM):

ใช่ พอเจอสภาวะพี่เลยอ้อ ... มันเป็นแบบนี่นี้เอง พี่ก็ว่าสภาวะของพี่ทำไมมันแปลกๆ
วันนี้เดินจงกรม จิตมันสงบเลยพิจรณาออกมาได้

พอสติมา สมาธิพี่เริ่มมีกำลังเพิ่มขึ้น อาจจะยังไม่มากนัก แต่มันทำให้เราสงบไปได้สักพัก
ปัญญามันก็เกิด


เพิ่มมาหนึ่งกลายเป็นสิบสอง says (11:55 PM):

อืมมม เราว่าตอนนี้ที่เราอธิบายสภาวะของตัวเองแบบที่เราเข้าใจ
มันก้อไม่เลวนี่น

สุขที่แท้จริง says (12:03 AM):

เข้าใจหรือยังคะ เรื่องเวลาที่กังวลน่ะ พี่บอกแล้วว่า เวลาไม่ใช่ตัววัด แต่อยู่ที่กุศลเก่าด้วย
เหตุปัจจุบันที่ทำด้วย


เพิ่มมาหนึ่งกลายเป็นสิบสอง says

วันนี้กรรมฐานของเราไม่มีอะไรอีกใช่มะคะพี่

สุขที่แท้จริง says (12:12 AM):

ถ้าตอบว่าไม่มีก็โกหก ถ้าตอบว่ามี ก็จะถูกถามต่ออีก
เพราะทุกๆครั้งที่ปฏิบัติย่อมมีผลอยู่แล้วนี่คะ อารมณืเราน่ะสงบลงกว่าเมื่อวาน


เพิ่มมาหนึ่งกลายเป็นสิบสอง says (12:13 AM):

เพราะเจอเรื่องนี่แหละ วันนี้เลยเบื่อโลกไปเลย
แต่มันก้อ เหมือนมองเห็นความจริงเพิ่มขึ้นน่ะคะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ม.ค. 2010, 23:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 12


อาจเป็นมากกว่าที่เห็นจึงไม่ควรประมาทเลย... <ทุกวันคือการปฎิบัติ> says (10:37 PM):

เสร็จแล้วค่ะ กลับมาก็โดนคลื่นความคิดแทรกเข้ามาเต็มๆ แล้วในหัวมันคิดใหญ่เลยน่ะนะ

สุขที่แท้จริง says (10:37 PM):

ไหงงั้นล่ะคะ ไปกับเพื่อนๆหรือคะ

อาจเป็นมากกว่าที่เห็นจึงไม่ควรประมาทเลย... <ทุกวันคือการปฎิบัติ> says (10:37 PM):

ก้อเราเป็นประเภทแบบชอบโดนความคิดคนอื่นเข้าแทรกนี่นา งานมิตติ่ง

สุขที่แท้จริง says (10:38 PM):

แล้วเดินเป็นไงมั่งคะ

อาจเป็นมากกว่าที่เห็นจึงไม่ควรประมาทเลย... <ทุกวันคือการปฎิบัติ> says (10:38 PM):
ตอนที่เดินก้อมีคลื่นความคิดใหญ่เลย แล้วจะมีปัญหาที่ว่าคุยกะคนอื่นแล้วจะรับด้านมืด
มาได้มากกว่า ก็ กิเลสมาเต็ม มันคิดวุ่นๆ คนนี้จะรุ้สึกยังไงอะไร คนนี้เลว หรือดี
ทำนองนี้น่ะค่ะ ก้อเดินไล่บี้กิเลสเลย แล้วก้อด่าตัวเองน่ะนะ
มันแบบว่าช่วงแรกที่เดินมันมาเยอะจริงๆ
ถ้าเราไม่ทำกรรมฐานนี่สงสัยโดนครอบงำทางความคิดอีกแน่ๆเลย

เราไล่บี้มัน ด่าตัวเอง จนเราเบื่อกิเลสน่ะ ไม่ภาวนาว่าซ้ายหนอ ขวาหนอแล้วอะ
ภาวนาว่า เลวหนอๆๆ แต่รุ้ว่าสติอยู่ที่เท้า พอสู้กันได้พักใหญ่ๆ

นึกถึงพระด้วยอะคะ แบบว่าจะตั้งใจจะกำจัดคำปรามาสด้วย
ก็สู้กัน พยายามประคองความคิดตัวเองไว้ ดูสติ ไรเงี้ย

สุดท้ายในหัวก็ค่อยๆโล่ง... แล้วก็โล่งไปเลย แบบว่าไม่สามารถคิดไรต่อแล้ว
แต่ว่า คำปรามาสหรือว่า จิตที่คิดไม่ดีมันยังมีอยู่อะ เราเห็น แต่มันน้อยๆ เหมือนผุดขึ้นมาเรื่อยๆ
บางทีก้อผุดขึ้นมาแบบว่าไม่เป็นคำพูดอะ แต่มันรุ้สึกได้ เพราะว่าเรารุ้ทัน เป็นบางทีน่ะค่ะ

ก็คิดอยู่ว่าจะกำจัดมันยังไงดี แต่สุดท้ายก็ไม่ได้น่ะนะ เลยจำต้องปล่อยมันไปก่อน
วันนี้ฟุ้งแล้ว รุ้ว่าไม่ทันความคิดในบางครั้งค่ะ แบบว่าที่ผ่านมาเดินแล้วมันรุ้ทันนะ

แต่ว่าวันนี้อะ เดินแล้วบางทีมันไม่รุ้ พอรุ้ตัวอีกทีก้อกลับมาที่เท้าอย่างเก่า
ก็ ลองพิจารณาร่างกายดู เกิดแก่เจ็บตายหรือโครงกระดูกน่ะคะ

แต่ทำได้สักพักก็ รุ้สึกว่าสติมันหลุดจากเท้า เลยเลิก
คิดว่าต้องทำยังไงจึงจะพิจารณาได้? ทำนองนี้

สุดท้ายช่วงหลังๆเลย คือว่าฟุ้งแล้วเราตามความคิดไม่ทัน เลยรุ้สึกว่าไม่เที่ยง
ช่วงหลังเลยกำหนดว่าไม่เที่ยง น่ะคะ อะไรๆก้อไม่เที่ยง ก้อมีเท่านี้ค่ะ

สุขที่แท้จริง says (10:46 PM):

นั่งล่ะคะ

<ทุกวันคือการปฎิบัติ> says (10:46 PM):

นั่งก้อจับลมที่จมูก ฟุ้งบ้าง มีช่วงหนึ่งที่สมาธิมันเข้าไปยังจุดๆหนึ่งที่มันเงียบ มันว่าง
เหมือนว่าเรานั่งตัวตรงเลย

พอเข้าไปถึงจุดๆนั้นแล้วสักพักเราฟุ้ง ฟุ้งไปฟุ้งมาก็หลุดออกมา มีเท่านี้ค่ะ

สุขที่แท้จริง says (10:47 PM):

ยังหายใจสะดุดอีกมั๊ยคะ

ไม่เที่ยง says (10:48 PM):

มีอึดอัดอยู่ แต่ไม่สะดุดแล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says (10:48 PM):


ลองค่อยๆฝึกหายใจยาวๆนะคะ เวลาว่างๆน่ะค่ะ

ไม่เที่ยง says (10:49 PM):

ค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ม.ค. 2010, 23:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 13



ยิ้มวันนี้ไม่ตายหรอก แต่จะตายเพราะคำพูดคน!! says:

ช่วงแรกเดินแล้ว มันหงุดหงิด แบบว่ามีเรื่องไม่ถูกใจหลายๆเรื่อง
กำลังจะโทษอย่างอื่นแล้วเชียว แต่ว่าธรรมมันก็ผุดขึ้นมาว่า อย่าโทษผุ้อื่น จงโทษตัวเอง
เนี่ย ธรรมข้อนี้ก็เครียดนะ เหมือนหงุดหงิดในใจแล้วระบายไม่ได้ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

โมทนาค่ะ ถูกแล้ว สติมันจะบอกเรา

แต่จะตายเพราะคำพูดคน!! says:

แต่ก็พยายามบอกกะตัวเองค่ะ แล้วก็รู้ว่าวันนี้เดินแล้วมันเหมือน ใจร้อน
ก็คิดว่า ใจร้อน กับ กำลังโกรธใครสักคน นี่มันเหมือนๆกันเลยมั้ง

สุขที่แท้จริง says:

พี่เข้าใจนะคะ ใหม่ๆพี่เองก็ทนไม่ได้เหมือนกัน กว่าาจะยอมรับตามความเป็นจริงได้
แทบกระอักเหมือนกันค่ะ คนละอารมณืค่ะ


แต่จะตายเพราะคำพูดคน!! says:

ค่ะพี่ ไม่รุ้นะแต่เรารุ้สึกมันร้อนๆในใจนี่แหละ เอาออกมาไม่ได้
ก็เดินไปสักพักหนึ่ง จริงๆแล้วช่วงแรกมัวแต่คิดเรื่องสัตติขาดด้วยแหละ
แต่หลังๆก็พยายามลืมๆมันไป เดินมาถึงครึ่งทางค่ะ

ก็นึกคำพูดของพี่ ที่บอกว่า พี่หมูกับเราเดินด้วยความอยาก
ก้อพิจารณา ก็คิดว่า อืมม มันก็จริงนะ

แม้เดินด้วยความอยากเพียงเล็กน้อยเป็นเชื้อ แต่ก็ยังเป็นความอยากอยู่ดีน่ะ
ก็เลยลดความอยากลง แล้วเหมือนว่าความตั้งใจลดลง ไม่รุ้ว่าจะพูดว่าสติลดลงด้วยหรือเปล่า
ก็ความตั้งใจลดลงแหละ กลายเป็นไม่ค่อยคิดอะไร แต่ว่าจะฟุ้งง่ายมาก

บางทีฟุ้งนานจึงจะกลับมาทีหนึ่ง ก็กำหนดรู้หนอ ก็ดูๆมันไป เท้าก็ดูไม่ชัดเท่าเก่านัก
แต่ก็ยังจับที่เท้าได้น่ะคะ หลังๆก็คิดว่าไม่ควรยึดมั่นอะไร ก็ท่องในใจ ก็มีเท่านี้ค่ะ การเดิน

สุขที่แท้จริง says:

นั่งล่ะคะ

แต่จะตายเพราะคำพูดคน!! says:

ดูลมหายใจนะ บางทีฟุ้ง ทั้งๆที่จิตยังจับที่ลมหายใจอยู่
นั่งไปสักพักมันก็นิ่ง จำได้แค่นี้แหละค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

การเดินจงกรม หรือการปฏิบัติ ควรทำให้ฉันทะเกิด เข้าใจฉันทะมั๊ยคะ

แต่จะตายเพราะคำพูดคน!! says:

ไม่ค่ะ ความตั้งใจ ความตั้งใจๆ

สุขที่แท้จริง says:

ฉันทะ ไม่ใช่แบบตำราที่เขาว่ากันนั้นคือ ความพอใจ ตัวนั้นไม่ใช่
ฉันทะโดยสภาวะที่แท้จริงคือ ทำให้เกิดความพอใจ


แต่จะตายเพราะคำพูดคน!! says:

ไม่รุ้ว่าควรเป็นความพอใจแบบไหนน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ทำให้เกิดความพอใจคือ ไม่ว่าจะทุกข์หรือ สุข เราก็อยู่กับมันได้ เหมือนกับเดินจงกรม
เราเพียงปับเปลี่ยนความคิดใหม่ จากที่เราเคยคิดว่า เราทำเพราะเราอยากสำเร็จ
ให้เราคิดแค่ว่า มันคือหน้าที่ที่เราจะต้องทำ เหมือนเราต้องทำงาน ถ้าเราไม่ทำงาน
เราก็ไม่มีตังเลี้ยงชีพเรา


แต่จะตายเพราะคำพูดคน!! says:

คะพี่ แสดงว่าเราปรับอารมณ์ผิด

สุขที่แท้จริง says:

ถ้าเราทำได้แบบนี้ ฉันทะที่แท้จริงก้จะเกิด
เราจะโทษนอกตัวน้อยลง ยอมรับตามความเป็นจริงมากขึ้น
ทนต่อการกระทบที่เกิดขึ้นได้มากขึ้น ทุกอย่างมันมีเหตุมาก่อน ผลเลยเป็นเช่นนี้
นี่คือปัจจุบันชีวิตของเราแล้ว คนที่มาเจริญสติปัฏฐานคือคนที่เริ่มต้นตั้งต้นชีวิตใหม่


แต่จะตายเพราะคำพูดคน!! says:

ทำไมเริ่มต้นตั้งชีวิตใหม่คะ

สุขที่แท้จริง says:

ชีวิตที่ผ่านๆมาน่ะค่ะ เราทำตามความรู้สึก ทำตามความคิดของเรา
แต่ไม่ใช่ถูกต้องตามความเป็นจริง มันเลยมีเหตุให้เราทุกข์ใจไม่รู้จบกับสิ่งที่เราเคยกระทำไว้
ในอดีต ทำไปด้วยความไม่รู้

เมื่อเรามีสติมากขึ้น เราจะรู้จักยับยั้งชั่งใจ รู้จักเลือกทำแต่กุศล
เมื่อสติดี ความสงบในจิตเราย่อมเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น สมาธิย่อมเกิดได้ง่าย
คำพูดของคนนี่แหละตัวทดสอบเราตลอดเวลา ทดสอบกิเลส

พี่น้ำถึงบอกว่า เวลารายงานสภาวะกับพี่น้ำนั้น ขอให้พูดตามสิ่งที่เกิดขึ้น
ตามที่คิด อย่าปิดบัง ชอบใจ ไม่ชอบใจ พอใจ ไม่พอใจ รู้สึกยังไงให้พูดออกมา
เพราะนั่นคือสภาวะ ถ้าไม่อยากพูด ให้ไปบันทึกเอาไว้

กับเรื่องราวของคนอื่นๆก็เหมือนกันค่ะ สิ่งเหล่านั้นคือกิเลสของตัวเราเอง
หากเราไม่ยอมรับมัน มันก้จะทำให้เราทุกข์


แต่จะตายเพราะคำพูดคน!! says:

คะพี่ เราก้อยอมรับล่ะ

สุขที่แท้จริง says:

การจะเข้าใจกิเลสได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายนะคะ ต้องอาศัยสติมากๆ
เจ้าตัวโทสะนี่แหละแสบสุดๆ ทำให้เราทุกข์ใจได้ตลอดเวลา

เมื่อเราหาตัวตนเราพบแล้ว เรารู้ตัวเราแล้ว เห็นตามความเป็นจริงในสิ่งที่เราติดอยู่
เราจะอยู่กับสิ่งนั้นได้ โดยเราไม่ต้องไปทุกข์หรือเสียใจอีก

เรายังรู้สึกอย่างไรเราก้รับตามความเป้นจริง โทสะก็จะเบาบางลงไปเรื่อยๆ
แล้วเราจะมีความสุขขึ้นมาแทนที่ เพราะตัวฉันทะมันเกิดแล้ว พอจะเข้าใจมั๊ยคะ


แต่จะตายเพราะคำพูดคน!! says:

ค่ะพี่ เราต้องเจริญสติให้มากกว่านี้สินะคะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2010, 21:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 14


ใจเบาๆ.... พูดว่า:

ก็ คิด เรื่องในอดีต แบบว่าอดีตทำไมเราถึงสูญเสียจุดยืนง่ายๆ
หรือการพยายามหาเหตุผลที่ไม่ควรหา ก็รุ้สึกว่าไม่อยากจะตกต่ำอีก
แล้วก็จำคำพูดของพี่คนหนึ่งที่ชอบย้ำเตือนคำนี้ตลอด บอกว่า ทำใจให้เบาๆ

ตอนนั้นยังไม่เข้าถึงความหมายของคำๆนี้เลย พยายามยังไงก็ไม่เข้าใจ
แต่ตอนนี้เราก็เข้าใจแล้วน่ะคะ ก็เข้าใจแล้วว่า ทำใจให้สบายๆ เบาๆ มันเป็นยังไง
แล้วมันก็รู้สึกว่าการยึดถือยึดมั่นมันลดลง

ตอนเดิน เจอนิสัยเสียตัวหนึ่ง ตรงที่ว่าชอบคิดว่า คนอื่นกำลังดูถูกตัวเอง
พิจารณาแล้วก็พยายามโละความคิดนั้นออก ใช้เวลาสักพัก ก็ออกได้

วันนี้เดินมีฟุ้งบ้าง รู้ทันบ้าง ไม่รู้ทันบ้าง กำหนดดูที่เท้า
แต่ว่าดูจะไม่ชัดเท่าไหร ก็ไม่ได้กังวลอะไรมาก ก็ ง่วงนะคะ
ทุกทีจะชอบหลับก่อนสัก 1-2 ชั่วโมง ในตอน 6 โมง แล้วเริ่มเดินตอนราว 2-4 ทุ่ม
แต่วันนี้ไม่ได้นอน ก็ ง่วงนะ พยายามเดินไป ก็ยอมฟุ้ง ปล่อยความคิด
ตอนเดินนึกถึง สันติขาด ที่เคยพูดกัน สงสัยว่าทำไมถึงไม่เจอน่ะค่ะ

ส่วนนั่งก็ รู้ว่านั่งนะ แต่ว่าฟุ้ง จะหลับก็สะดุ้ง เป็นช่วงๆ นั่งได้ 6 นาที ก็เลิกค่ะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

ค่ะ แล้วได้แผ่เมตตา กรวดน้ำหรือเปล่าคะ

ใจเบาๆ.... พูดว่า:

เปล่าค่ะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

ครั้งต่อไป เวลาทำเสร็จ ให้แผ่เมตตา กรวดน้ำนะคะ เพราะนั่นคือกุศลค่ะ

ใจเบาๆ.... พูดว่า:

คะพี่ ทำไมครั้งนี้แนะนำเหรอ แบบว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดถึงน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

คือ พี่จะดูก่อนน่ะค่ะ

ใจเบาๆ.... พูดว่า:

คะพี่ วันนี้ก็ห้องสว่างดี พอดีไปนึกคำพูดของเพื่อนในเน้ตคนหนึ่งที่บอกว่า คิดไปเองหรือเปล่า
เกิดความสงสัยเลย กว่าจะหลุดได้ ตอนนี้ก็คิดว่าคงสงสัยอยู่

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

จำเรื่องผู้ดู ผู้รู้ ตัวผู้รู้ได้มั๊ย ที่พี่เคยพูดให้ฟังน่ะ

ใจเบาๆ.... พูดว่า:

จำได้คะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

ค่ะ เมื่อคืน หมูเขาถามเรื่องสภาวะที่พระอาจารย์ท่านั้นพูดมา
เขาถามว่า เมื่อไหร่เขาถึงจะเห็นสภาวะความคิดส่วนความคิด
เดินจงกรมส่วนเดินจงกรมหรือนั่งส่วนนั่ง ทุกส่วนแยกจากกัน


มายะ ใจเบาๆ.... พูดว่า:

คะพี่ สันติขาดใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

พี่เลยพูดเรื่องผู้ดูให้เขาฟัง ร้องจ๊ากเลย
บอกว่าไม่เอาแล้ว ไม่อยากรู้ ฟังแล้วไปไม่ถึง
มันเป้นเรื่องของ สติ สัมปชัญญะค่ะ

หมูเขาบอกว่า เขาฟังแล้วเครียด เขารับไม่ได้ เขาถามว่าเราฟังได้ไง
พี่ถึงบอกว่า แต่ละคนไม่เหมือนกัน


ใจเบาๆ.... พูดว่า:

แต่จริงๆแล้วพี่ก้อพูดยังไม่จบนะ? เราก็พยายามทำความเข้าใจอยู่

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

ใช่ไม่จบ แต่เราก้ยังพยายามทำความเข้าใจน่ะ แต่หมูไม่เอาเลย
มันต้องเห็นโดยสภาวะจริงๆถึงจะเข้าใจ
คือ สติต้องมากกว่านี้ เห็นความไม่เที่ยงบ่อยๆ


ใจเบาๆ.... พูดว่า:

สันติขาดเหรอคะ?

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

พี่น้ำจะพูดให้ฟังนะคะ เรื่องสันตติขาด
จริงๆแล้ว ตรงนี้ทำให้คนยึดมั่นถือมั่นแบบผิดๆกัน

อ่ะเราลองเดินจงกรม ให้ได้ถึง 6 ระยะสิ ถ้าเดินไม่ได้ไม่เป็นไรนะ
มันมีอีกวิธีถ้าอยากเห็นน่ะ ไม่ยากหรอก

เวลาจะเดินน่ะ เอาจิตจดจ่อลงไปที่เท้าแบบจะๆเลยน่ะ ก้าวเท้าช้าๆ ทำบ่อยๆ
วันใดสติ สมาธิเกิด มันทำงานร่วมกัน เห็นแน่นอนค่ะ


ใจเบาๆ.... พูดว่า:

งั้นก็ไม่ต้องการค่ะ เราคงจะทำเพราะความอยากเห็นไม่ได้หรอก

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

จ้ะ พี่ถึงบอกไงว่ามันไม่สำคัญอะไรเลย มันก็เหมือนสภาวะทุกๆสภาวะ
ที่บ่งบอกถึงสติ สัมปชัญญะเท่านั้นเอง มันไม่ได้มาเห็นตลอดเวลาแบบนั้นหรอก


ใจเบาๆ.... พูดว่า:

คะพี่ จริงๆแล้วอยากเห็นนะคะ แต่ว่าต้องบอกตัวเองว่า ไม่อยากเห็น น่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

ข้าใจค่ะ ที่เกิดการทั้งตอบรับและปฏิเสธ

ใจเบาๆ.... พูดว่า:

ก็คืออารมณ์ของเราเหรอ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

ใจหนึ่งอยากเห็น แต่อีกใจบอกว่า อยากก็จะไม่ได้เห็น เลยไม่อยากเห็น

ใจเบาๆ.... พูดว่า:

ค่ะ แล้วที่พี่แนะว่า แผ่เมตตาเนี่ย ทำหลังกรรมฐานเสร้จใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

ใช่ค่ะ ให้แผ่เมตตาให้ตัวเองก่อน แล้วให้สรรพสัตว์ ขออโหสิกรรม และให้การอโหสิกรรม
ตามด้วยกรวดน้ำ พอจะทำได้หรือเปล่าคะ ใหม่ๆกางตำราไปก่อน จนกว่าจะจำได้หมด


ใจเบาๆ.... พูดว่า:

กรวดน้ำนี่หมายถึงบทกรวดน้ำอย่างเดียวเหรอคะ แต่ว่านั้นสำหรับพระสวดนี่นา?

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

าษาไทยสิคะ ขอส่วนบุญนี้สำเร็จแก่มารดาและบิดาของข้าพเจ้า
ขอให้มารดาและบิดาของข้าพเจ้าจงมีความสุข ต่อไปก็ญาติ ครูอุปัชฌา เทวดา
เปรต เจ้ากรรมนายเวร สรรพสัตว์


ใจเบาๆ.... พูดว่า:

อยากได้ใบท่อง กลัวขาดตกบ่กพร่องค่ะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

ในบล็อกพี่น้ำไงคะ

ใจเบาๆ.... พูดว่า:

คะพี่ จะเอาไปปรื้นล่ะ วันนี้เดินไม่มีไรแล้วใช่ไหมคะ มีไรต้องเพิ่มเติมไหมคะ?

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

ไม่มีอะไรค่ะ ทำเวลาเดิมแหละค่ะ ยังไม่เพิ่มเวลา
ที่พี่ให้เราน่ะดูของปุ๋ยน่ะ เพื่อให้เห็นว่า เมื่อเราไม่ไปยึดติดว่าเป็นอะไร
เพราะไม่ไปคิดว่าเป็นอะไรก็จะพยายามขุดคุ้ยกิเลสของตัวเองออกมา
สภาวะมันจะพาเราไปเองน่ะค่ะ


ใจเบาๆ.... พูดว่า:

ก็ จริงนะคะ ถ้าเราไม่ไปยึดติดว่าเป็นอะไร
ก็จะไม่ยึดตัวเอง ก็จะขุดกิเลสออกมาได้ง่าย

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

ค่ะ ... แต่ใหม่ๆนะ การจะให้ยอมรับความจริงว่าตันตนเรานั้นเป็นยังไงยากมากนะ
โดยเฉพาะเวลาถูกคนอื่นกระทำกับเรา แล้วเราไม่สามารถไปตอบโต้เขาได้
เราต้องใช้ความอดทนมากๆ เพื่อไม่ให้เป็นการสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้น
หมูกำลังโดนสภาวะนี้เล่นงาน ร้องไห้เกือบทุกวัน

จิตมันจะดิ้นรน มันจะขัดขืน มันจะไม่ยอม มันจะทรมาณมากๆ

ใจเบาๆ.... พูดว่า:

ทะมายเราไม่โดนบ้างคะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

แต่ละคนสร้างเหตุมาแตกต่างกันไปค่ะ

ใจเบาๆ.... พูดว่า:

อ้อ คะพี่ เป็นคำตอบที่ดีที่สุดเลยค่ะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

พี่ถึงบอกว่า จริงอยู่ สภาวะของหมูอาจจะคล้ายคลึงกับของเรา
แต่อย่าลืมว่ามันมีปลีกย่อยที่แตกต่างกัน

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2010, 22:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 15


อยากได้หัวว่างๆและห้องเงียบๆ... says:

พี่คะ อยู่ได้อีกนานไหมอะ พึ่งทำเสร้จเมื่อกี้ วันนี้เจอแปลกๆ
ตอนเดิน วันนี้มันแย่ๆอะ มันรุ้สึกแย่ๆ แล้วก็ซึ่มๆ

ช่วงกลางๆ ฟุ้ง จับไม่ค่อยได้ ตอนแรกจิตทึ่มมาก จนกระทั่งคิดว่าเราไปกดความคิดมั้ง
พอปล่อยออกมาความคิดมันก็เต็มที่เลย แบบว่ามาเยอะมากน่ะคะ

ก็รุ้สึกตัวนะ ไม่ได้ตามความคิดมาก มันคงทำนองว่า สมาธิแย่ ตอนนั้น
ก็นึกถึงพี่น้ำนะ เผลอไปคิดอะไรไม่ดีอีกหรือเปล่า เพราะตอนนี้มันมาเต็มเลย
ทั้งไม่มีสมาธิ และก็เรื่องการเพ่งค่ะ

ก็คิดว่า อืม โดนสะท้อนกลับเร็วจังนะ เรานี่แย่จริงๆ แล้วก็เดินดูมัน ไม่อยากจะคิดพิจารณา
จำได้ว่า จากที่คุยกับพี่คือทุกอย่างมันเป็นสภาวะ เป็นสภาวะหมดเลย เลยดูที่เท้าเป็นหลัก
แล้วมองดูความคิดที่ไหลไปไหลมา ก็คิดว่า เป็นแบบนี้มันก็ไม่เลวนะ
แบบนี้มันก็ยังมีสติอยู่ เราแค่ดูมัน

ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่นา แค่กลัวอย่างเดียวคือทำไปแล้วไม่ก้าวหน้า
แต่ความคิดฟุ้งๆเนี่ย ถ้ามองว่ามันเป็นสภาวะอย่างหนึ่งก็ไม่มีปัญหานะคะ

ก็ เดินด้วยจิตใจทึ่มๆ คงเบลอๆด้วยมั้ง คือพึ่งตื่น
แล้วความคิดที่ว่า เมื่อวานที่คุยกับพี่น้ำแล้วมาคิดนะว่าจิตเรามันไม่บริสุทธิ์จริงๆ
คือมันเสียใจอะ มันแบบว่าซึมไปเลย จิตไม่บริสุทธิ์
อยากจะบริสุทธิ์จริงๆนะไม่อยากจะคิดร้ายอะไรอีกแล้ว

ตอนที่ฟุ้ง มันไปถึงจุดๆหนึ่งที่รุ้สึกว่าเบื่อความคิดมากๆ
แล้วมันเหมือนกับเบื่อทุกอย่าง ทั้งร่างกาย ทั้งสภาพแวดล้ออมรอบตัว ทั้งห้อง
อยากจะทุบให้พังทลายเป็นเสี่ยงๆ ให้ไม่เหลืออะไรเลย
มันเบื่อมันเหนื่อยมั้ง แบบว่าความคิดมันไหลมาๆ
จนมาถึงจุดๆหนึ่งช่วงก่อน 10 นาทีสุดท้าย ไปนึกขึ้นได้ว่า อยากจะจิตใจบริสุทธิ์นี่นา
เอ ใจเรามันทึ่มๆ ยังไม่ได้มองกลางใจเราเลยว่ามันเป็นยังไงตอนนี้ ก็พึ่งนึกได้
ก็เลยลองมองดู ประกอบกับจำคำพูดของพี่คนหนึ่งได้ว่า ดวงจิตเหมือนดวงแก้วอยู่ภายใน
เราก็เห็นภาพ มันลูกแก้วขนาด เอานิ้วชี้ประกบกับนิ้วโป้งน่ะค่ะ

ลอยอยู่ข้างในใจกลางอกเรา แล้วมันก็ทึ่มๆดำๆ
เราก็เดินไป พยายามเช็ดถูมัน เอาสิ่งดำๆที่เกาะอยู่ออกไป
บางส่วนออกแล้วมันก็ส่องแสงสว่างเลย แต่มันยังดำอยู่บางส่วนก็ขัดๆ
พอไปถึงจุดหนึ่งที่รอยดำใกล้หายไปหมดแล้ว คือ 6-7 นาทีผ่านไป รุ้สึกว่า
เรามั่วไปเองอะเปล่า จินตนาการเป็นตุเป็นตะแล้ว ทำนองนี้
แล้วพอไม่เชื่อมั่นใจความคิดของตัวเอง ลูกแก้วก็หายไป

ตอนนั้นแอบเสียดายนะ หายไปแล้ว ทำไงดี
แต่ก็ยอมปล่อยอะ ปรากฎว่าหลังจากเรื่องลูกแก้วเสร็จ
สมาธิกลับมา แบบว่า เดินแล้วรุ้สึกนิ่งดีอะไรเงี้ย เหมือนเดิม
แต่หัวยังเบลอๆนิดหนึ่งคาดว่าเป็นเพราะยังใจทึ่มๆอยู่บ้าง
แล้วก็ช่วง 2 นาทีสุดท้ายก็อยากจะปล่อยความคิดเรื่องลูกแก้ว จริงๆแล้วอยากจะเจออีกนะ
แต่ว่าพอตอนปล่อยใจมันอารวรณ์นะคะ เลยเดินไปน้ำตาซึมไป
ก็ตอนเดินก็มีเท่านี้อะคะ

สุขที่แท้จริง says:

นั่งล่ะคะ

อยากได้หัวว่างๆและห้องเงียบๆ... says:

นั่งก็ ฟุ้งช่วงแรกแปปหนึ่ง แล้วคิดถึงลูกแก้ว
ก็เห็นลูกแก้วอยู่กลางอก

แล้วมันเหมือนมีเสียงภาคย์ว่า ถ้าเอาไปอธิบายให้พี่น้ำฟังจะใช้คำไหนๆๆดีนะ
อันนี้ความจริงไม่ควรคิดในระหว่างทำอะ ก็พยายามเลิกๆนะ แต่มันก็ยังแอบคิดอยู่

ส่วนลูกแก้วก็ ตอนนั่งก็เลยพยายามขัดแล้วก็เชื่อมั่นในตัวเอง และสิ่งที่ตัวเองจินตนาการ
พอขัดได้ถึงจุดที่ขาวมาก แต่มันไม่ผ่องใสอะ คือมันไม่ใช่แก้ว
มันแค่ขาวอย่างเดียว แล้วเราก้รุ้สึกว่าร่างกายทั้งกายสว่างดี
คือว่าเหมือนว่าลูกแก้วทำให้กายสว่างนะ แล้วใจมันก็นิ่งความคิดก็นิ่ง
แบบว่าสบาย มีสมาธิ มองร่างกายแล้วขาวสว่าง ก็มีเท่านี้คะ

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ ยังดีกว่านั่งแล้วฟุ้งคะ อันนี้ถึงจะเป็นนิมิตก็ตาม แต่จิตยังมีสมาธิ

อยากได้หัวว่างๆและห้องเงียบๆ... says:

ก็แปลกใจ เหมือนเราคิดไปเอง จินตนาการไปเอง
มันแปลกอะ จริงๆแล้วไม่ควรจะจินตนาการนะ

สุขที่แท้จริง says:

นิมิตน่ะ ไม่ต้องไปวิตกกังวล พอการเจริญสติก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ
สภาวะมันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆค่ะ อย่าไปยึดติดหรือไปกังวลอะไรกับมัน
เพียงดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ถูกแล้วแหละค่ะ


อยากได้หัวว่างๆและห้องเงียบๆ... says:

นิมิตแปลกๆน่ะ

สุขที่แท้จริง says:

นิมิตแต่ละคนจะแตกต่างกันไปค่ะ
ตามสัญญาเก่าก้มี ตามเหตุที่เคยกระทำมาก้มี ตามกุศลที่เคยสั่งสมมาก้มี

อยากได้หัวว่างๆและห้องเงียบๆ... says:

คะพี่ ถ้าคนอื่นได้ฟังล่ะก็ต้องคิดว่าฟุ้งแน่ๆเลย

สุขที่แท้จริง says:

คิดในเชิงบวกสิคะ ว่ายังดีกว่าพี่น้ำนะ ตอนนี้พี่น้ำน่ะไม่มีสมาธิเลย

อยากได้หัวว่างๆและห้องเงียบๆ... says:

เราแบบว่า อยากให้พี่น้ำคิดว่ามันเป็นสภาวะทีพี่น้ำจะต้องเจออะคะ
แล้วแค่มองดูมันเป็นผู้ดูเฉยๆ

สุขที่แท้จริง says:

พี่เคยเจอมาแล้วค่ะ นิมิต พอเจริญสติมากๆมันก็หายไปเอง


อยากได้หัวว่างๆและห้องเงียบๆ... says:

นิมิตของพี่เป็นแบบไหนเหรอ

สุขที่แท้จริง says:

สมาธิมันก็จะพัฒนาไปอีกระดับหนึ่ง ของพี่น้ำน่ะชอบไปเที่ยวนรกกับสวรรค์ค่ะ
สมัยแรกๆนะ เดี่ยวนี้ไม่มีค่ะ เดี๋ยวนี้ถ้ามีนิมิตก้จะมีแต่เรื่องจริง


อยากได้หัวว่างๆและห้องเงียบๆ... says:

วันนี้เปงไงบ้างคะพี่ การเดินน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

การเดินไม่มีอะไรนี่คะ สติกลับมารู้ที่กายได้

อยากได้หัวว่างๆและห้องเงียบๆ... says:

แต่ก็ เรื่องสมาธิของพี่ที่หายไป ก็ขอให้สู้ต่อไปเรื่อยๆนะคะ

สุขที่แท้จริง says:

ขอบคุณค่ะ พี่ไม่ไปยึดติดกับมันแล้วค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2010, 23:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 16




สุขที่แท้จริง says:

พี่ได้ความรู้ใหม่เพิ่มมาอีกสองเรื่อง
เรื่องการถ่ายเทสมาธิไง แล้วก็เรื่องการไม่มีสมาธิ กับความสำคัญของสติ
พอดีหมูเขาไปหาในกูเกิ้ลเรื่องดูดสมาธิ เขาไปเจอมาน่ะ พวกออร่า

พวกนี้เขาจะถ่ายรูปดูว่าใครมีสมาธิ แล้วเขาก็จะถ่ายเทสมาธิของคนนั้นๆ
เขาอ้างว่า ไม่เป็นอันตรายสำหรับคนที่ถูกถ่ายเท เหมือนพวกนั้นไงคะ
ที่เขามาถ่ายเทสมาธิกันน่ะ ถ้าโดนน้อยๆมันก็ฟื้นง่าย แต่ถ้าเล่นต่อเนื่องวันละหลายชม.
สมาธิฟื้นไม่ทันมันเลยหมดไปเพราะเหตุนี้ แต่มีคนไม่รู้อีกเยอะ

ยิ่งเจริญสติ ยิ่งเจอเรื่องแปลกๆนะ ก็ได้คำตอบทุกคำตอบนะ ที่เคยสงสัยมาตลอดเวลา
การเจริญสติจะเห็นผลระยะยาว ระยะแรกๆเหมือนจะไม่ค่อยเห็นผลอะไรเลย

จริงๆแล้ว มันจะเป็นไปตามสภาวะของมันเอง
ยิ่งสภาวะแปรเปลี่ยนไปมากเท่าใด บ่งบอกถึงสติของคนๆนั้น
เจ้าหนี้หรือเจ้ากรรมนายเวรคือการชดใช้และเป็นตัวทดสอบกิเลส
และเป็นตัวแปรของสภาวะด้วย


ต้องเผชิญหน้า!!! says:

คะพี่ วันนี้ปวดท้อง แต่วันนี้เราไม่ทำ ไม่เป็นไรใช่ไหม

สุขที่แท้จริง says:

อย่าร้องไห้นะ เวลาเจ้าหนี้มาทวง เพราะสติมันไม่ทันน่ะ
เวลาทุกข์ก็อย่าพูดนะว่าทำไมทุกข์มากมาย เพราะไปเกิดอุปทาน สติมันไม่ทัน


ต้องเผชิญหน้า!!! says:

แต่ว่าถ้าเราร้องไห้ก็ทำนองว่า อยากให้ความทุกข์จบไป
ถ้าพูดว่า ทำไมทุกข์มากมาย ก็จะพยายามหาทางเอาทุกข์นั้นออกอะ

สุขที่แท้จริง says:

กุศลสร้างมาไม่เท่ากันจริงๆ บางคนทำแทบตาย คิดไม่เป็นพิจรณาไม่ได้

ต้องเผชิญหน้า!!! says:

เราเองไม่ได้เก่งหรอกนะ แต่ว่าเราเองก็ไม่อยากทุกข์ค่ะ
ดังนั้นก้เลยต้องพยายามหาทางออก

สุขที่แท้จริง says:

เมื่อก่อนให้พี่น้ำคิดพิจรณาแบบนี้ ทำไม่ได้จริงๆนะ

ต้องเผชิญหน้า!!! says:

คะ ยังไงๆก็ดีกว่าเรา

สุขที่แท้จริง says:

โห .... ลำบากมาแทบตาย กว่าจะเข้าใจ
ถ้าเปรียบเทียบ ไม่มีอะไรแล้วค่ะ


อยากจะสาปมัน!!!! says:

ความทุกข์ที่แผ่วๆอยู่ในใจนี่เอาออกมาไม่ได้คะ
อาจจะเป้นเพราะเป็นเมนมั้ง จริงๆไม่อยากโทษเมนนะ

สุขที่แท้จริง says:

ก็ดูเวลาที่ไม่เป็นเมนส์สิคะ จริงๆแล้ว เมื่อเจริญสติมากขึ้น เราจะเห็นชัดเลยว่า
ความทุกข์มันแฝงอยู่ในใจเราตลอดเวลา
มันจะทำให้เราเบื่อมากๆ เบื่อภพเบื่อชาติไม่อยากเกิด

มันเป็นตัวกระตุ้นให้ทำความเพียรตลอดเวลา
พี่ทำไม่ใช่เพราะอยากทำนะ พี่เบื่อน่ะ เบื่อเลยต้องทำ กลัวภพชาติมากๆ

เดี๋ยวนี้เวลาอะไรมากระทบ มันเลยสงบไวขึ้น สงบเพราะความกลัวในเหตุใหม่ที่จะเกิดขึ้น
สติด้วยแหละนะ เมื่อก่อนมีทั้งสติและสมาธิมันเลยสงบไว สมาธิมันกดเอาไว้

พอมามีสติเพียวๆถึงเข้าใจทันที อ้อ ... สมาธิมันกดเอาไว้นี่เอง
เรื่องที่มากระทบอาจจะดับได้ช้า แต่ดับแล้วมันจบเลย ไม่คุขึ้นมาอีก


อยากจะสาปมัน!!!! says:

พี่คะ เมื่อวานที่เราบอกว่าเราเห็นลูกแก้วอะ

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ ก็ไม่แปลกอะไรนี่คะ

อยากจะสาปมัน!!!! says:

จริงๆแล้ว แฟนเราเคยบอกว่า เขาฝันเห็นลูกแก้วสีเขียว
แล้วเขาพยายามตามไปจับ แต่ลูกแก้วก็หนีไป

สุขที่แท้จริง says:

นี่คุณเธอ .... จะสาปอะไรใครอีกค๊าาาา

อยากจะสาปมัน!!!! says:

อิอิ ก้อเราไม่ชอบคนๆหนึ่งอะ เห็นแล้วขวางหูขวางตา
ไม่รุ้สิ แต่เห็นหน้ามันแล้วอยากสาปมัน ที่ทำให้เรารุ้สึกไม่ดี

มีอยู่ช่วงหนึ่งนะคะ แบบว่าถ้านึกโกรธใครก็คิดว่าจะสาปคนนั้นได้
และคิดว่าสาปได้จริงๆด้วย แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะ

สุขที่แท้จริง says:

แน่ะ ... ภพใหม่ชาติใหม่กะลังจะเกิดแล้วนะนั่น

อยากจะสาปมัน!!!! says:

เรามองไม่เห้นนะ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่คุ้มหรอกค่ะ เชื่อพี่น้ำเถอะ

อยากจะสาปมัน!!!! says:

ถ้าเราสาปใครไปด้วยความแค้น จะเกิดไรขึ้นกะเราเหรอ บางทีมันรุ้สึกว่าเราไม่โดนไปด้วย

สุขที่แท้จริง says:

เขาก็จะสาปเราด้วยความแค้นเหมือนกันค่ะ สลับไปมาแบบนี้จนกว่าจะอโหสิกรรมต่อกัน

อยากจะสาปมัน!!!! says:

เขาคงไม่รุ้ว่าเราเป็นคนสาปล่ะ ใครจะบอก

สุขที่แท้จริง says:

กรรมค่ะ จริงๆนะคะ อยู่สุดหล้าฟ้าเขียว ไม่เคยเจอกัน ยังต้องมาชดใช้กันเลยค่ะ

อยากจะสาปมัน!!!! says:

คะพี่ ถ้าเจอคนๆหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ
ควรจะเข้าไปคุยกับเขา หรือว่า ควรจะเมินเขาดี เขาทำให้เราไม่สบายใจ

สุขที่แท้จริง says:

หมายถึงคุยกับเขาแล้วทำให้รู้สึกไม่สบายใจ หรือว่าพอเห็นเขาแล้วทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจล่ะคะ

อยากจะสาปมัน!!!! says:

เห็นเขาแล้วรุ้สึกไม่สบายใจอะคะ เจอเขาก็ไม่สบายใจ
อยากจะเอามันออกไปให้พ้นๆ

สุขที่แท้จริง says:

เข้าใจนะ เพราะพี่เคยเป็น แต่เดี๋ยวนี้เห็นแล้วมันรู้ว่ายังมีเขา
แต่ไม่ไปสนใจอะไร นั่นแหละกิเลสละค่ะ


อยากจะสาปมัน!!!! says:

นั้นสินะคะ คงเป็นความรุ้สึกเดียวกันนะ ขอบคุณคะ
แล้วพี่ทำยังไงเหรอ จะปล่อยเขาไป หรือจะไปคุยกับเขา

สุขที่แท้จริง says:

ปล่อยเขาค่ะ ไม่เคยคุยด้วย เพราะตัวเขาเองก็เกลียดพี่น้ำน่ะ
พี่ไม่ได้เกลียดเขา เพียงแต่เห็นเขาแล้วไม่สบายใจ
แต่ก็เฝ้าดูความรู้สึกของตัวเอง ว่าไม่สบายใจเพราะอะไร


อยากจะสาปมัน!!!! says:

ดูยากเหมือนกันนะ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ ยากมากแรกๆ เราอาจจะไม่สบายใจกันคนละเหตุก็ได้ค่ะ
ของเราน่ะแค่รู้สึกไม่ชอบเขา แต่ของพี่น้ำเพราะเขาทำกับพี่
ใหม่ๆของพี่แรงกระทบมันเลยเยอะ


~~~~~~ says:

คือว่าเขาว่านิสัยที่แย่ๆของเราแบบว่า
เขาก้อเป็นน้องนะ แต่ว่าพูดไม่สนใจความรุ้สึกเรา ทำนองนี้อะ
จากนั้นความแค้นความโกรธมันก้อมา

สุขที่แท้จริง says:

เรื่องธรรมดาค่ะ ไม่มีใครชอบให้ใครมาว่าตัวเองหรอกค่ะ
ลองมองมุมกลับสิคะ เวลาที่ไปว่าคนอื่นๆล่ะ ของเก่าก็ต้องใช้นิ


~~~~~~ says:

เราเลิกทำแล้ว ถึงว่าก็ว่าแบบให้คิด
แล้วทำไงดี แสดงว่าที่เราทำกะพี่เขา ก็คงแบบเดียวกัน มั้ง

สุขที่แท้จริง says:

ก็แค่รู้ว่ามันมีสิคะ แต่ไม่ไปใส่ใจว่ามันมี มันมีก็มีไป
แต่อย่าไปอุปทานว่ามันมีตัวตนขึ้นมาจริงๆ ความรู้สึกที่ว่าไม่ชอบเขาน่ะค่ะ
ถ้ามีตัวตนขึ้นมาจริงๆ จากความไม่พอใจจะกลายเป็นพยาบาทไป
นั่นแหละค่ะ ตัวเขาก้อาจจะรู้สึกแบบนั้น เขาเลยไม่คุยกับเราไงคะ


~~~~~~ says:

เราควรจะทำไงดีอะ? แต่ตอนนั้นก้อมีวิธีพูดแบบเรา แบบที่ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายอะไรใคร

สุขที่แท้จริง says:

เข้าใจค่ะ ก็เหมือนพี่น้ำในสมัยก่อนแหละค่ะ ไม่ได้คิดว่าทำร้ายใคร
แต่มันคือความคิดของเราไงคะ แต่อาจจะไม่ถูกใจเขา
เรื่องความรักหรือความหลง พี่น้ำพูดสภาวะให้ฟังยังคะ
มันจะคล้ายๆกรณีที่ถามมานี่แหละค่ะ


ถ้ามีตัวตนขึ้นมาจริงๆ จากความไม่พอใจจะกลายเป็นพยาบาทไป says:

เหรอคะ ยังไงอะ

สุขที่แท้จริง says:

อย่างความรักนี่ มันจะต้องมีสติประกอบด้วยนะคะ
เมื่อมีสติประกอบ ตัวฉันทะจะเกิด ไม่ใช่ความพอใจนะคะ แต่เป้นตัวทำให้เกิดความพอใจ
เมื่อตัวทำให้เกิดความพอใจเกิด ภพชาติก้สั้นลงค่ะ ให้พี่ยกตัวอย่างให้ฟังมั๊ยคะ


ถ้ามีตัวตนขึ้นมาจริงๆ จากความไม่พอใจจะกลายเป็นพยาบาทไป says:

ไม่คะ เท่านี้ก้อเข้าใจแล้ว

สุขที่แท้จริง says:

ส่วนความหลง คือ เริ่มจากความรักเหมือนกันค่ะ แต่ขาดสติ
เมื่อขาดสติ ราคะย่อมเกิด คือความพอใจในรูป รส กลิ่น เสียง การสัมผัส และความคิด
เมื่อราคะทำงาน ตัวโทสะย่อมเกิด มันไม่ได้ดั่งใจ เช่นเรารักเขา แต่เขาอาจจะไม่รักเรา
มันจะกลายเป็นพยาบาท เลยกลายเป็นก่อภพก่อชาติใหม่ไปไม่รู้จบ


ถ้ามีตัวตนขึ้นมาจริงๆ จากความไม่พอใจจะกลายเป็นพยาบาทไป says:

คะ โห เป็นวัฏจักรที่อธิบายได้ชัดจริงๆ

สุขที่แท้จริง says:

พี่น้ำได้จากสภาวะ ความรักที่พี่น้ำผ่านมา ได้ความรู้เรื่องนี้มา
ถ้าเราเข้าใจความรัก ภพชาติเราจะสั้นลง พี่ถึงบอกว่าเป็นกุศลของพี่ด้วย


ถ้ามีตัวตนขึ้นมาจริงๆ จากความไม่พอใจจะกลายเป็นพยาบาทไป says:

คะ เราเองก้อได้เจอกะแฟน ก้อดีแล้วไม่ต้องวิ่งวุ่นหาใคร

สุขที่แท้จริง says:

ดีใจด้วยค่ะ ภพชาติจะได้สั้นลง เรากับแฟนจะได้สร้างแต่กุศล
พี่เองก้ยอมรับนะว่าดีใจ ถึงแม้ความรักพี่น้ำมันจะแปลกประหลาดในสายตาคนอื่นๆ
แต่ก้สามารถทำให้คนอื่นแยกแยะเรื่องความรักกับความหลงได้
แล้วตัวพี่เองก็ไม่คิดจะก่อภพชาติใหม่กับใครๆขึ้นมาอีกน่ะค่ะ เลยดีใจ

แล้วที่ดีใจอีกเรื่องคือ คนที่พี่น้ำเคยคบกันมา เขาแต่งงานแล้ว
พี่เลยไม่ต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเขา วิบากกรรมระหว่างพี่กับเขามันจบแล้ว


ถ้ามีตัวตนขึ้นมาจริงๆ จากความไม่พอใจจะกลายเป็นพยาบาทไป says:

สัญญาอะไรเหรอคะ

สุขที่แท้จริง says:

เคยสัญญากับเขาไว้ว่า ถ้าเขายังไม่แต่งงาน ยามที่เขาอายุมากขึ้น
พี่น้ำจะอยู้เป็นเพื่อนช่วยดูแลเขาค่ะ ตอนนั้นเขาขอมา เลยให้กับเขาไว้ เพราะเขาดีกับเรา
แต่ตอนนี้สบายละ ทุกคนต่างมีโลกส่วนตัวของตัวเอง


ถ้ามีตัวตนขึ้นมาจริงๆ จากความไม่พอใจจะกลายเป็นพยาบาทไป says:

จริงๆแล้วเราไม่สบายใจที่วันนี้ไม่ได้เดินจงกรม

สุขที่แท้จริง says:

ก็ปวดท้องเมนส์นี่คะ
พี่เองเวลาเป็นก็ไม่ค่อยทำนะ แต่จะใช้วิธี นอนแล้วจับพองยุบไปเรื่อยๆ


ถ้ามีตัวตนขึ้นมาจริงๆ จากความไม่พอใจจะกลายเป็นพยาบาทไป says:

อ้อ คะพี่ ตกลงคะ ขอบคุณมากคะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 27 ม.ค. 2010, 22:19, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2010, 00:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 17

จากความไม่พอใจจะกลายเป็นพยาบาทไป says:

วันนี้ทำได้ 42 นาที อะคะ ฝนตกหนัก ก้อเลยกลัว
วันนี้เดิน ก้อนะ คือก่อนเดินก้อกินข้าวมา

ตอนเดินมันรุ้สึก เพราะว่าเป็นเมนอะเปล่า เพราะว่ากำลังเป็นหวัดอะเปล่า
หัวเลยรุ้สึกว่าไม่อยากจะพิจารณาอะไร ช่วงแรกอยากให้จิตสะอาดๆ
คือมองลูกแก้วเนี่ย ยังมืดๆทึ่มๆอยู่เลย ประกอบกับว่าวันนี้ไม่อยากจะคิดอะไร

เลยตัดสินใจแค่ดู เดินไปเรื่อยๆ พยายามคิดให้แบบว่า ใจบริสุทธิ์ขึ้น
อย่างวันนี้ออกจากบ้านไป ขึ้นรถเมล์ เห็นแค่คนเดินถนนไปมาอะ ยังรุ้สึกอยากจะตบหัวเรียงคนเลย
มันคิดไปเองนะ เราก้อดูความคิดเราไป

นี่วันนี้นะเนี่ย ก้อรุ้ว่าใจเรามันไม่บริสุทธิ์แหละคะ และเพราะอย่างนั้นเลยดำรงชีวิตได้ยากมาก
ก้อเลยพยายามคิดอะ ไม่รุ้นะว่าเป็นยังไงบ้าง แต่ว่ามันก็ยังไม่บริสุทธิ์เต็มร้อยเลย

ส่วนช่วงกลางเดินไปก็รุ้สึกว่า รุ้สึกตัวทั่วทั้งตัว
แล้วเห็นสภาพในห้องเหมือนกับเนยแข็งที่ละลายส่วนหัว
มันเหมือนกับห้องบิดเบี้ยวไปนิดหนึ่งมั้ง แต่ว่ารุ้สึกตัวทั่วทั้งตัว
หลังจากที่เดินแบบหุ่นยนต์สักระยะหนึ่ง พอเดินไปสักพัก เราก้อฟุ้งไปตามความคิด

แปลกใจนะวันนี้ คือว่าความคิดมันมีตัวตนมากกว่าครั้งก่อนๆมากเลย
คือว่าเราฟุ้งแล้วไปตามเรื่องที่ฟุ้งพักใหญ่ๆ เลยต้องกำหนดรู้หนอ
ก้อแปลกใจนะ ต่อจากนั้นสักพักก็ คิดว่า ความคิดอะ มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

สุขที่แท้จริง says:
ทำไม่ต่อเนื่องน่ะค่ะ

จากความไม่พอใจจะกลายเป็นพยาบาทไป says:
เหรอคะพี่ แต่ว่าครั้งนี้ห่างจากเมื่อวานแค่ 1 วันเองอะ
ทีตอนไปเชียงใหม่กลับมายังไม่เห้นเปงแบบนี้เลย

สุขที่แท้จริง says:

1 วันก็มีผลค่ะ

จากความไม่พอใจจะกลายเป็นพยาบาทไป says:

ค่ะ คงงั้น ทำไม่ต่อเนือง วันนี้เลยแปลกๆ

สุขที่แท้จริง says:

พี่น้ำให้การบ้านเพิ่มนะคะ ว่างๆน่ะ ตอนไหนก็ได้ค่ะ
ให้เอามือวางบนหน้าท้อง จับดูอาการท้องพองยุบ จะกี่นาทีก็ได้ แต่ทำวันละ 10 นาที


จากความไม่พอใจจะกลายเป็นพยาบาทไป says:

คะพี่ วันนี้ฟุ้งแล้วฟุ้งเป็นตุเป็นตะ ไม่มีอะไรแล้วมั้ง วันนี้แย่เหรอเนี่ย

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ ยังดีที่ได้ทำค่ะ ไม่ได้แย่อะไรนี่คะ

จากความไม่พอใจจะกลายเป็นพยาบาทไป says:

หวังว่าคงไม่มีอะไรเลวร้ายนะ กังวลค่ะ กลัวสภาวะตก

สุขที่แท้จริง says:

ไม่ได้แย่จริงๆ สภาวะมันก็แบบนี้แหละค่ะ สติทันบ้าง ไม่ทันบ้าง
ทำไปเรื่อยๆค่ะ ไม่ต้องไปกังวลหรอกนะคะ


จากความไม่พอใจจะกลายเป็นพยาบาทไป says:

วันนี้เหมือนคิดไรไม่ค่อยออกเลย คิดแค่คิดแผ่วๆ
แต่พิจารณาไม่ได้มั้ง ทำได้นิดหน่อย

สุขที่แท้จริง says:

พอคิดก็ว่ามันคิด พอไม่คิดก็ว่าทำไมมันไม่คิด

จากความไม่พอใจจะกลายเป็นพยาบาทไป says:

อยากใจสะอาดมากกว่านี้ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ใช้เวลาค่ะ สติทันใจก็สะอาดขึ้น

จากความไม่พอใจจะกลายเป็นพยาบาทไป says:

คะพี่ จะว่าไปแล้ววันนี้ก้อมีบางช่วงที่ น้ำตาซึมน่ะค่ะ
แบบว่ามันเศร้าใจกับสิ่งที่เราเคยทำไป
แต่ว่าเราคงไม่ได้ไปปรุงแต่งให้มันรุ้สึกแย่กว่านี้มั้ง เลยแค่น้ำตาซึมไม่ได้อะไรมาก

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ ก็รู้มันไปค่ะ เรื่องอะไรอีกล่ะคะเนี่ย มีเรื่องเศร้าเยอะนะคะ

จากความไม่พอใจจะกลายเป็นพยาบาทไป says:

ไม่รุ้ค่ะ จำไม่ได้แล้ว เดี้ยวมันก้อโผล่มาเองแหละ แล้วก้อหายไปเอง
หลายเรื่องนับไม่ถ้วนทั้งเรื่องที่ลืมไปแล้ว เรื่องที่ปิดตายไม่อยากรุ้สึกไรกะมัน
ทำนองนี้

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ พี่น้ำถึงบอกว่ามีเรื่องเศร้าเยอะมาก ตัวแค่นี้เอง

จากความไม่พอใจจะกลายเป็นพยาบาทไป says:

ก้อเคยบอกว่าเราทุกข์กว่าชาวบ้านแหละค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

พี่น้ำน่ะมามีเรื่องเศร้าตอนปฏิบัตินี่เอง เมื่อก่อนไม่เคยมีนะ แต่เมื่อตอนเด็กๆนั่นมีครั้งหนึ่ง
แต่ทุกอย่างมันก็หมดไปแล้ว เวลาไปนึกถึงก็ไม่ไปเศร้า สภาวะมันดีแบบนี้แหละค่ะ

พอสติดี อะไรๆมันก็ดี ดีสำหรับตัวเราเอง ทำให้เราเป้นคนอดทน อดกลั้นมากกว่าเดิม

จากความไม่พอใจจะกลายเป็นพยาบาทไป says:

เรานึกว่าคนปฎิบัติคนอื่นจะน้ำตาซึมไปเรื่อยๆในบางครั้งของการปฎิบัติ

สุขที่แท้จริง says:

มีค่ะ เวลาปีติเกิด หรือเวลาเกิดความทุกข์ใจ มีได้ทั้งนั้นแหละค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 30 ม.ค. 2010, 00:52, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2010, 02:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 18


ยูมาเด้ says:

เดินแล้วนะคะ แต่ว่าจำไม่ค่อยได้ ก็ ทุกข์ใจมั้ง ตอนเดินอะ ทนเดินเพราะปวดขา
เดินเหมือนเพนกวินเลย ช่วงแรกอะ แบบว่าปวดอย่างที่บอก แต่ว่ากลับกลายเป็นว่า
ช่วงกลางกลับหาย หายปวดเลย มันเหมือนกับว่า เพราะเราไปยึดมั่นๆ กับบางสิ่งบางอย่าง
หรือหลายๆอย่างนี่แหละ ก็เลยโดนตีกลับมา คือ เหมือนโดนด่า ก็เลย กลายเป้นว่า
เราคงไม่สามารถยึดมั่นอะไรได้แล้วล่ะ ก้อเลยนึกถึงแต่พระที่อยู่บนนิพพานไปเลย

แบบว่าวันนี้ ไม่รุ้สิ มันก็แปลกนะ เหมือนปล่อยให้สภาวะดำเนินการไปเอง
ไม่แทรกแซงแล้ว อยากฟุ้งฟุ้งไป ขอดูอย่างเดียว คือ เราไม่ยึดติดแล้วอะ
ว่าฟุ้งแบบรุ้ตัวดี ไม่รุ้ตัวไม่ดี เราปล่อยไปเลย แล้วค่อยดูเท้า ดูเท้าเป็นหลัก

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ ถ้าวันใดเข้าใจสภาวะ จะเห็นรูปแบบของตัวเองชัดเจน ค่ะ ดีแล้วค่ะ
เพราะพี่จะให้ดูกายและเท้าเป็นหลัก เดินไม่เหมือนกับนั่ง นั่งถ้าฟุ้ง เราจะทรมาณ
แต่เราอาจจะไม่ทรมาณเพราะชอบพิจรณา


ยูมาเด้ says:

คะ อย่างวันนี้ก็มีช่วงหนึ่ง ที่เรารู้สึกตัวเป็นผู้ดู เป็นผู้ดูไปจนกระทั้งฟุ้งไปวูบหนึ่ง
แล้วสภาวะเปลี่ยน กลายเป็นว่าผู้ดูหายไปแล้ว เป็นดูทั้งตัว

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ สภาวะมันจะเปลี่ยนตลอดเวลา ถ้าเราเป็นผู้ดูเราจะเห็น
จะทำให้เราไม่ไปยึดมั่นถือมั่นอะไร


ยูมาเด้ says:

แล้วก็เดินไปสักพักหนึ่ง รุ้สึกอยากจะจำสภาวะ นึกถึงคำพูดของพี่น้ำว่าจิตจะจำสภาวะ
ก็เลย เปิดจิต จิตที่จำ รุ้สึกจะอยู่ที่หัวใจนะคะ เรารุ้สึกได้

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ จิตมันจะจำ แต่มันจะเปลี่นมาแบบให่ม ใช่ค่ะ มันรู้สึกชัดในนั้น

ยูมาเด้ says:

ค่ะ ก็เดินจนกระทั้งหมดเวลา คิดตลอดว่าเราไม่เหมือนคนอื่น
ก้อเลยยึดมั่นอะไรแบบคนอื่นไม่ได้เลย

สุขที่แท้จริง says:

หมายถึงอะไรคะ ยึดมั่นอะไรแบบคนอื่นคะ รูปแบบการปฏิบัติน่ะหรือคะ
สติเท่านั้นที่จะช่วยเราได้ เหตุที่พระพุทธองค์ทรงทิ้งแนวทางสติปัฏฐาน 4 ไว้เพราะเหตุนี้แหละ
ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน คือ สติ สัมปชัญญะ
ถ้าเรามีสติที่เข้มแข็ง จะทำให้เราเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง


ยูมาเด้ says:

คงเป็นแบบนั้นค่ะ ก็เคยได้ยินอะคะ ถ้านับถือพวกเทพ เขาจะมาช่วยเราได้มาก
เพราะว่าเขาอยู่ใกล้กับมนุษย์

เราคิดว่า พระอริยเจ้า หรือว่าพระที่เป็นพุทธภูมิที่ยังไม่เข้านิพพาน
หรือว่าแบบไหนดี ที่จะช่วยนำทาง ไม่ให้หลงทางได้

สุขที่แท้จริง says:

ตัวเราไงคะหมั่นเจริญสติให้มาก ทำให้ต่อเนื่อง

ยูมาเด้ says:

เรากลัวหลงทางน่ะค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

สติจะเป้นตัวบอกเราทุกอย่างค่ะ

ยูมาเด้ says:

ถ้าคนไม่มีสติจะทำยังไงเหรอคะ จะให้นับถืออะไรเหรอ

สุขที่แท้จริง says:

เขาก็นับถือตามที่เขาศรัทธากันไงคะ ก็ไม่ใช่เรื่องผิด กุศลแต่ละคนสร้างมาไม่เท่ากันนี่คะ
ผู้คนถึงมีทางหลากหลายเส้นทางกัน ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุที่เขากระทำกันมา
และเหตุที่สร้างในปัจจุบันด้วย

การเจริญสติ สาเหตุที่บางคนทำได้ผลช้า
เพราะไปเจอคนที่ติดบัญญัติ ไปแทรกแซงสภาวะกัน


ยูมาเด้ says:

วันนี้เห็นแสงสว่าง สว่างมาก แบบว่า บดบังห้องได้เลย

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ เป็นได้ค่ะ

ยูมาเด้ says:

หมายถึงอะไรเหรอคะ

สุขที่แท้จริง says:

โอภาสไงคะ

ยูมาเด้ says:

ยิ่งสว่างยิ่งบริสุทธิ์หรือเปล่าอะ

สุขที่แท้จริง says:

พี่น้ำเป็นบ่อยเมื่อก่อนน่ะ

ยูมาเด้ says:

เดินวันนี้สอนให้เรารุ้ว่า ทางที่ดีอย่าไปยุ่งกับกิเลสของคน
แล้วก็มองข้ามเรื่องเล้กน้อยบางทีให้ผลดีมากกว่า

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ การพูดของแต่ละคนก็คือกิเลสของแต่ละคนที่แสดงออกมา
คือพี่มองว่าพี่ไม่ใช่คนสำคัญสำหรับใครๆ พี่เลยเป็นคนค่อนข้างจะอิสระเพราะแบบนี้
เพราะถ้าเราคิดว่าเราเป็นคนสำคัญสำหรับใครๆเราจะลำบาก


คือพี่จะมองแบบนั้นทุกๆครั้งจริงๆนะสำหรับคนที่พี่แนะนำแนวทาง
แล้ววันหนึ่งเขาเปลี่ยนใจไปทางอื่น พี่มองแค่ว่าเขากับเราสร้างกุศลร่วมกันมาแค่นั้น
ปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นตามความเป็นจริง

เขากลับมาเราก็แนะนำต่อ เขาไม่มาก็เรื่องของเขา ชีวิตเขา
ทุกคนเขามีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินของตัวเอง พี่ไม่เคยตีกรอบด้านความคิดกับใครๆนะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 27 ม.ค. 2010, 22:23, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2010, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 19

ยูมาเด้ says:

วันนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้คะ แบบว่ามันเพ่ง จนปวดตาเลย

สุขที่แท้จริง says:

เพ่งอะไรคะ

ยูมาเด้ says:

ตาเพ่งไปเองอะคะ

สุขที่แท้จริง says:

หมายถึงเพ่งจอคอมฯหรือว่าเพ่งดูอะไรคะ

ยูมาเด้ says:

เพ่งแบบว่า จอคอมก็ด้วยคะ มันเพ่งไปเอง ตอนเดินมันไม่หาย ช่วงนี้เหมือนว่าชอบเพ่งไปเองนะ
แล้วมันทรมานอ มันจะปวดตั้งแต่ไหล่กับหัวคะ

สุขที่แท้จริง says:

ที่บ้านมีต้นไม้มั๊ยคะ พลูด่างน่ะค่ะ

ยูมาเด้ says:

ไม่มีคะ

สุขที่แท้จริง says:

ต้นกวนอิมล่ะคะ

ยูมาเด้ says:

ม่ายมี สมาธิมากไปเปล่าคะ ถึงได้เพ่ง ถ้าไม่ใช่ก้อโทษทีล่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่หรอกค่ะ พี่จะให้หาต้นไม้ที่มีใบสีเขียวเพื่อให้ใช้พักผ่อนสายตาน่ะค่ะ

ยูมาเด้ says:

เพราะว่าสมาธิมากไปเปล่าคะ ต้นไม้ส่วนใหญ่ก็มีใบสีเขียวนี่นา
หน้บ้านเรามีต้นมะลิ ว่านหางจระเข้ ทับทิม แล้วก้อไรอีกไม่รู้

สุขที่แท้จริง says:

คือ จะให้เอามาใส่แจกัน แล้วตั้งไว้ใกล้ๆโต๊ะคอมฯ เวลาที่รู้สึกตัวว่ากำลังเพ่งหน้าจอ
ให้หันมาเพ่งที่สีเขียวๆของใบไม้แทนน่ะค่ะ


ยูมาเด้ says:

คะ พี่ สงสัยเราอยู่หน้าจอคอมมากไป ก้อเลยเพ่ง แต่วันอื่นไม่เป็นน่ะ

สุขที่แท้จริง says:

เดินหรือยังคะ

ยูมาเด้ says:

เดินแล้ว เดินไป สิบนาที มันไม่ไหวอะ แบบว่าปวดตา เดินต่อไม่ได้
เลยนั่งสมาธิคะ นิ่งๆกึ่งๆฟุ้ง แล้วก็ฟุ้งยาวจะหลับ หลังจากนั้นรุ้สึกจะดีขึ้นเลยลุกมาเดินต่อ
ก็ไม่ไหว ก้อเลยนอน ตื่นมาก็ลงมาข้างล่างนี่แหละ

สุขที่แท้จริง says:

อยากให้ลองทำแบบนี้ดูค่ะ คือ ว่างตอนไหนก็ให้เดินจงกรม จะกี่นาทีก็ได้ ทำวันนึงให้ได้ 50 นาที
ส่วนนั่งน่ะ ถามนะคะ ที่ให้การบ้านไป ทำมั่งหรือเปล่าคะ จับท้องพองยุบน่ะค่ะ


ยูมาเด้ says:

ทำบ้างคะ แต่ก้อไม่ได้ครบสิบนาทีมั้ง

สุขที่แท้จริง says:

หมายถึงแบ่งเวลาแล้วก็ยังไม่ถึง 10 นาทีหรือคะ

ยูมาเด้ says:

เราไม่ได้แบ่งเวลาคะ

สุขที่แท้จริง says:

ให้แบ่งเวลาได้นะคะ ครั้งละกี่นาทีก็ได้ แต่ให้ได้วันละ 10 นาทีค่ะ

ยูมาเด้ says:
ทำไมคะ

สุขที่แท้จริง says:

สะสมสติค่ะ จากไม่รู้ มันจะรู้ชัดขึ้นเรื่อยๆ พอมานั่งจะทำให้รู้ชัดอยู่กับกายมากขึ้น

ยูมาเด้ says:

คะพี่ โทษทีนะคะที่ดูเหมือนไม่ตั้งใจทำ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องขอโทษพี่น้ำนะคะ ไม่ได้ทำผิดอะไรนี่คะ
สภาวะของแต่ละคนไม่เหมือนกันหรอกค่ะ
พี่น้ำเพียงปรับเปลี่ยนให้ทำได้ถนัดแบบสภาวะของเราเองน่ะ


ยูมาเด้ says:

ที่ไปเพ่งเนี่ยไม่ใช่เรื่องของสมาธิเหรอ

สุขที่แท้จริง says:

มันไม่ใช่เสมอไปค่ะ

ยูมาเด้ says:

คะพี่ วันหลังจะพยายามให้หายเพ่งก่อนทำกรรมฐานอะคะ

สุขที่แท้จริง says:

จ้าาา .. ...แล้วเมื่อวาน ที่พี่พูดเรื่อง การไม่เป็นคนสำคัญสำหรับใครๆ
และไม่ให้ความสำคัญในตัวเอง พอจะเข้าใจในสิ่งที่พี่น้ำพูดมั่งมั๊ยคะ


ยูมาเด้ says:

เข้าใจสิคะ เข้าใจ แจ่มเลย แต่ว่าจะทำได้หรือเปล่า ก้ออีกเรื่องหนึ่ง
แต่ก็อยากจะจำให้ขึ้นใจอะคะ

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ มันมีแต่ทุกข์ค่ะ ทั้งการที่เราคิดว่าเราเป็นคนสำคัญสำหรับใครๆ แล้วถ้ามาวันหนึ่งไม่ได้เป็น
และการให้ความสำคัญในตัวเองด้วย นี่ก็ทุกข์เพราะไปยึดติดในอัตตาตัวตน ยึดติดในหลายๆสิ่ง
ทุกอย่างมันไม่เที่ยง


ยูมาเด้ says:

ใช่คะ

สุขที่แท้จริง says:

พี่ดีใจนะเมื่อวานที่พูดว่า รู้จักรักแบบมีสติน่ะค่ะ

ยูมาเด้ says:

เราขี้ขลาดเกินกว่าจะรักแบบหลง

สุขที่แท้จริง says:

ไม่ใช่ขี้ขลาดหรอกค่ะ แต่กลัวภพชาติมากกว่า ภพชาติเป้นสิ่งที่น่ากลัว

ยูมาเด้ says:

ค่ะ เราว่าตอนนี้สติกับสมาธิเราเริ่มทรงตัวแล้วคะ พอจิตสะอาดขึ้นเนี่ย รุ้สึกว่ามันทรงตัวมากๆเลย
แต่ว่าจิตไม่ได้สะอาดมากไม่ได้สะอาดเต้มที่ ก้อวางใจไม่ได้คะ

สุขที่แท้จริง says:

จิตสะอาดหรือไม่สะอาด ดูได้ค่ะ ให้ดูจากสิ่งที่มากระทบว่าเราปรุงแต่งมันมากน้อยแค่ไหน
หรือเราดับมันได้ทันทีเหลือแค่รู้หรือดูมัน


ยูมาเด้ says:

อ่า เหรอคะ เราดูจากการปรามาสพระพุทธ แต่ว่าเมื่อกี้ก็มีไปปรุงนะ
พอรุ้ว่าไปปรุงแกล้วมันก้อเสียใจแบบว่า ทำไมเราไปคิดแบบนั้นปล่อยมันไปสิ ทำนองนี้

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ รู้ลงไปบ่อยๆว่ามันไม่ดี แล้วมันจะค่อยๆหายไปค่ะ

ยูมาเด้ says:

ตกลงคะพี่ โลกนี้ทุกข์นะ พอเป็นผู้ใหญ่แล้ว หาความสุขจริงๆไม่เจอเลย

สุขที่แท้จริง says:

โลกมันเป็นของมันแบบนั้นค่ะ เป็นอยู่แล้ว เพียงแต่ที่เราว่าทุกข์ เพราะเราเอาเราเข้าไปยึดมัน
ทั้งสุขและทุกข์ล้วนเกิดจากอุปทานทั้งสิ้น เพราะเรายังไม่สามารถเห็นตามความเป้นจริงได้
เราจึงไปทุกข์ ไปสุข กับสิ่งที่มากระทบ

ถ้าเราเข้าใจมัน เราจะแค่รู้ แค่ดูมากขึ้น มันไม่มีทั้งสุขและทุกข์
การเดินจงกรมนี่ทำให้เกิดปัญญานะ
ปกติพี่น้ำจะเป้นคนพิจรณาอะไรไม่เป็น แต่ได้ความรู้จากการเดินจงกรมมาหลายอย่าง


ยูมาเด้ says:

คะพี่ ยึดอะไรไม่ได้เลย เรายึดอะไรไม่ได้เลยนะ ยึดแล้วจะโดนตีกลับ
คงเป็นเพราะว่าเราเป็นคนที่ถ้าทำอะไรแล้วเอาให้สุดๆมั้ง แล้วมันก็มากไป

สุขที่แท้จริง says:

เหมือนที่พูดมาน่ะค่ะ อะไรที่ลงมือกระทำ มีผลตอบกลับมาหมดค่ะ
อะไรก็ตามที่เรายึด สังเกตุนะคะ ยิ่งยึดยิ่งแย่ สภาวะมันจะสอนเราตลอดเวลา


ยูมาเด้ says:

จริงคะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2010, 21:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 20

การผจญภัยที่เต็มไปด้วยน้ำตา... พูดว่า:

เดิน50 นาที ก็ ช่วงแรกก็ตั้งหลักให้เห็นความจริง เดินไปสักพักแล้วมันเกือบจะเพ่งคะ
ถ้าเพ่งเต็มที่นี่เสร้จเลย ก็เลยต้องพยายามไม่ให้เพ่ง โดยการไม่ทำจริงจัง
ปล่อยให้ความคิดมันฟุ้งออกไป แต่ก็ดูความคิดไปด้วย ก็คือ ก็ไปคิดว่า วันนี้เจอกิเลสตัวนี้ๆ นะ

แล้วก็พิจารณา กำจัดไปทีละตัวๆ เดินวันนี้เป็นแบบนี้คะ แบบว่า ถ้าไม่ฟุ้งแล้วจะมันจะเพ่ง
ก็เลยต้องปล่อยความคิด มีบางช่วงที่ความคิดหยุด ก็เดินดูเท้าไป จนกว่าความคิดจะโผล่มาอีก


สุขที่แท้จริง พูดว่า:

ค่ะ มันจะค่อยๆเรียนรู้ไปเรื่อยๆน่ะคะ แล้วจะปรับเปลี่ยนไปได้เอง

การผจญภัยที่เต็มไปด้วยน้ำตา... พูดว่า:

คะ แล้วก็มีบางช่วงก็พิจารณากาย จริงๆแล้วมีช่วงหนึ่งเดินไปแคะขี้ฟันไป

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

แหมมมม

การผจญภัยที่เต็มไปด้วยน้ำตา... พูดว่า:

สเต้กติดฟัน อิอิ พึ่งเอาออกได้เมื่อกี้

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

แหมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
อิจฉา คนสเต๊กติดฟัน แงะออกมาแล้ว กินเข้าไปต่อหรือเปล่าคะ

การผจญภัยที่เต็มไปด้วยน้ำตา... พูดว่า:

อิอิ แหมม ไม่กล้าแล้วอะคะ ดีดไปไกลรัศมีแล้ว

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

อิอิ .. เรานี่

การผจญภัยที่เต็มไปด้วยน้ำตา... พูดว่า:

นั่งก็ช่วงแรกมันฟุ้งแบบว่า ลืม เหมือนกับว่าเราลืมว่าเรานั่งอยู่ เหมือนว่าจมไปในความคิด
พอได้สติก็กลับมาดูลม ฟุ้งบ้างดูลมบ้าง สักพักก็ ไปนิ่ง คือว่า ฟุ้งไปทีหนึ่ง ก่อนจะวูบไปนิ่งคะ
นิ่งมาก จนกระทั้งความคิดเข้ามาแทรกจากน้อยๆ กลายเป็นไหลตามความคิดไปเลย ก็มีเท่านี้นะคะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

นั่งกี่นาทีคะ

การผจญภัยที่เต็มไปด้วยน้ำตา... พูดว่า:

10 คะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

เรานีเป็นคนชอบอิสระนะ

การผจญภัยที่เต็มไปด้วยน้ำตา... พูดว่า:

จิงคะ ว้าวววว

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

จริงค่ะ

การผจญภัยที่เต็มไปด้วยน้ำตา... พูดว่า:

ดูยังไงอะคะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

พวกชอบอิสระ จะค่อนข้างเป็นตัวของตัวเอง ความคิดจะไว

การผจญภัยที่เต็มไปด้วยน้ำตา... พูดว่า:

เหรอคะ นั้นสินะคะ เป็นแบบนั้นคะ แต่ความจริงแล้ว อิสระมากๆ สั่งไม่ได้ ก็ว่าได้
แต่ว่าเราเองก็ยังไม่มีความมั่นใจเลยอะ จะต้องเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองมากๆ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

เรามีจุดแปลกอยู่อย่างนะ

การผจญภัยที่เต็มไปด้วยน้ำตา... พูดว่า:

ยังไงหรอ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

บางครั้งเชื่อคนง่าย แบบไม่มีเหตุผล บางครั้งเชือยากมากคือต้องมีเหตุผลให้เห็น
คือ ถ้าถูกใจ จะเชื่อทันที


การผจญภัยที่เต็มไปด้วยน้ำตา... พูดว่า:

ถูกซะด้วย

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

แต่เวลาธรรมนี่ เราจะพิจรณาแล้ว พิจรณาอีก ไว้ใจกับเชื่อนี่แตกต่างกันนะคะ
พี่น้ำไว้ใจคนนะ แต่ไม่ค่อยเชื่ออะไรใครง่ายๆ ส่วนเรา ไว้ใจคนยาก แต่เชื่อคนง่ายถ้าถูกใจ


การผจญภัยที่เต็มไปด้วยน้ำตา... พูดว่า:

แล้วยังไงจึงจะพอดีคะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

เจริญสติค่ะ อิอิ ... มีคำตอบเดียวจริงๆ

การผจญภัยที่เต็มไปด้วยน้ำตา... พูดว่า:

แหม นั้นสิคะ เชื่อคนง่ายถ้าถูกใจ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

มันมีเหตุทั้งนั้นแหละนะ
ทุกอย่างอยู่ที่เหตุที่เรากระทำค่ะ เรากำลังฝึกเจริญสติปัฏฐาน นี่คือการสร้างมหากุศล

การผจญภัยที่เต็มไปด้วยน้ำตา... พูดว่า:

คะพี่ มหากุศลให้เราไม่สร้างเหตุต่อสินะคะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

ถูกค่ะ ทำให้เราไม่ไปสร้างเหตุต่อ ฉะนั้นคนที่ฝึกเจริญสติทุกคนนั้นโดนเหมือนกันหมดไม่มีข้อแม้ค่ะ
โดนชดใช้ต่อการกระทำในอดีต จากคนที่มีวิบากกรรมร่วมกับเรา แต่มาในรูปของกิเลสที่มากระทบเรา
ถ้าสติเราทัน เราจะอโหสิกรรมให้กับเขา เราไม่ตอบโต้ เวรกรรมที่เรามีต่อเขาย่อมสิ้นสุดลง


การผจญภัยที่เต็มไปด้วยน้ำตา... พูดว่า:

คะพี่ รูปแบบการใช้กรรมไม่ตายตัวจริงๆ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

ภพชาติเราก็สั้นลงไปเรื่อยๆค่ะ ไม่ตายตัวหรอก กิเลสมันมีเยอะแยะ
ก็เหมือนกรรมที่เรากระทำไปด้วยความไม่รู้น่ะแหละค่ะ


การผจญภัยที่เต็มไปด้วยน้ำตา... พูดว่า:

คะพี่ ภพชาติเกิดจากอะไรบ้างอะคะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

เอาไว้เจอมันบ่อยๆนะ จะเห็นว่ามันเกิดซ้ำซาก เพียงแต่เปลี่ยนบุคคลมาเล่นกับเรา
การกระทำทุกๆการกระทำที่มีผลกระทบที่ไม่ดีต่อผู้อื่นน่ะค่ะนั่นคือ ภพชาติใหม่เกิดขึ้นแล้ว


การผจญภัยที่เต็มไปด้วยน้ำตา... พูดว่า:

แล้วถ้ามีผลกระทบที่ดีล่ะคะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

ผลกระทบที่ดี ภพชาติย่อมสั้นลงค่ะ
ด้วยน้ำตา... พูดว่า:

คะพี่ กว่าจะเห็นได้แบบนั้นก้อต้องใช้เวลาพอสมควรเลยแหะ

สุขที่แท้จริง พูดว่า:

ก็แล้วแต่กุศลของแต่ละคนสร้างมาน่ะค่ะ แล้วเหตุปัจจุบันที่ทำด้วย
ยิ่งถ้าไม่ได้เจริญสติปัฏฐานนะ ยิ่งเนิ่นนาน

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 27 ม.ค. 2010, 22:24, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2010, 19:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 21


การเดินทางที่เต็มไปด้วยน้ำตา... และความสุข... says:

ช่วงแรกก็ เดินไป มันก็นิ่งนะ แต่ดูเหมือนว่าเราจะเดินดูเท้าเฉยๆไม่ได้ค่ะ
มันจะโดนหลายๆอย่าง เป็น เพ่งจนปวดตา บ้าง เบื่อ บ้าง อะไรแบบนี้
ก็เลยต้องฟุ้งไปด้วย ต้องคิดไปด้วย ก็ พอฟุ้งแล้วมีสติรู้ตาม ก็คิดไปในเรื่องของวันนี้
เจอกิเลสอะไรบ้าง ก็ริดรอนมันออก แล้วก็ไปฟุ้ง แล้วพอฟุ้งไปเอากิเลสออกไปได้สักพัก

ห้องก็สว่าง แต่ว่ามันมีความอบอุ่นเข้ามาด้วย แบบว่าช่วงที่เดินตอนนั้นมีรุ้สึกว่ามีความสุขเลย
ไม่คิดว่าทำกรรมฐานแล้วจะเจอความสุข จากนั้นก็ ความคิดมันไปคิดเรื่องบางอย่าง
คือมันสงสัย ก็คิดเรื่องแบบว่า กิเลสในตอนนี้ของตัวเองอะ มันเหมือนกับพื้นไม้ที่ฉาบกับพื้นอย่างดี
แต่พอแงะมันออกมาก็เจอมดปลวกเต็มไปหมด พิจารณาไปสักพัก ก็ความคิดก็ไปคิดเรื่องพื้นไม้อีก

พอเดินไปได้สักพัก แบบว่ามันกำลังอิ่มตัว ก็มีคำพูดแทรกขึ้นมาว่า
พอใจกับการเลาะกิเลสเล็กๆเหรอ แล้วกิเลสใหญ่ๆที่เป็นจุดมุ่งหมายล่ะ
พอได้ยินแบบนั้นก็คิด ว่าจะเอากิเลสใหญ่ๆออกยังไงดี แต่มันคิดไม่ออก ก็เลยปล่อยมันไป ดูเท้า

ช่วงหลังๆมันปวดเมื่อย ก็เลยเล่นฟุ้งบ้าง จนคิดว่าฟุ้งมากไปแล้วมั้ง ก็กลับมาดูเท้า
สรุปคือวันนี้เจอกิเลสก็ริดรอนอะ ช่วงท้ายๆ จิตมันผุดคำพูดความคิด ที่ว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
เราก็มองร่างกาย เห็นความ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แต่ว่าความดับไปอะ เห็นได้ยากจัง
มันต้องใช้เวลามั้ง ในการดับไป ก็ มีเท่านี้ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ทำกรรมฐาน มันจะให้เราเห็นทั้งสุข ทั้งทุกข์ ไม่สุขและไม่ทุกข์
พอเราเจอสภาวะนั้นบ่อยๆ เราจะไม่ไปยึดติดหรือยินดีกับมัน เพราะมันไม่เที่ยง
ส่วนกายนั้น สักระยะหนึ่งเราจะเห็นเหมือนกันค่ะว่ามันไม่เที่ยง


ทางที่เต็มไปด้วยน้ำตา... และความสุข... says:

คะพี่ มันก็มีบางช่วงที่ขี้เกียจคิด พอเดินดูเท้าไปสักพักความคิดก็ผุดมา ทำนองนี้

สุขที่แท้จริง says:

พิจรณาแปลกดีนะคะ เจอปลวก แต่ก็ถือว่าเริ่มเข้าใจกิเลสมากขึ้น

การเดินทางที่เต็มไปด้วยน้ำตา... และความสุข... says:

ก็เหมือนแง้มพื้นไม้ขึ้นมาแล้วเจอมดปลวกกับพื้นที่ขรุขระไม่สวยงาม
แต่จริงๆ เดินไปพิจารณาเรื่องทีฟุ้งไป เราก็ว่าแปลกแล้วค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ตัวพี่น้ำเห็นจากการกระทบค่ะ ทุกๆครั้งที่เราขยับตัว กิเลสมันจะแทรกเข้ามาทันที
ถึงเราจะเห็นกันคนละแบบแต่ถือว่าไม่แตกต่างกัน เพราะสภาวะมันก้คือกิเลส แล้วนั่งล่ะคะ


การเดินทางที่เต็มไปด้วยน้ำตา... และความสุข... says:

นั่ง ช่วงแรกมันเหมือนไม่สงบอะ เปลือกตามันกระเพื่อมๆ
นั่งไปสักพักก็พยายามให้นิ่ง แล้วก็เจอกิเลส ก้อเลยพยายามเอาออก
แต่ก็รุ้ว่ายังออกไปไม่หมดอะ แต่ก็ถือว่าเอาออกไปได้เยอะเหมือนกัน ก็มีเท่านี้ค่ะ
อาจจะไม่ได้อะไรดีๆแบบคนอื่นๆก้อได้ ช่วงนี้เหมือนกำจัดกิเลสอย่างเดียว กำจัดอคติ

สุขที่แท้จริง says:

อย่าไปติดดีเลยค่ะ มันเป็นเพียงความคิด จริงๆแล้ว แต่ละคนอาจจะเริ่มคนละแบบ
แต่สุดท้ายเหมือนกันหมดค่ะ สภาวะมันจะตรงกัน ไม่แตกต่าง


การเดินทางที่เต็มไปด้วยน้ำตา... และความสุข... says:

บางทีเราอาจจะมีกิเลสและอคติมากกว่าคนอื่น

สุขที่แท้จริง says:

บางทีเราแค่เห็นภายนอกของคนอื่นๆ บางทีคนอื่นๆเขาอาจจะเยอะกว่านะ
แต่เขาแอบมันเอาไว้


การเดินทางที่เต็มไปด้วยน้ำตา... และความสุข... says:

เรื่องแอบเราไม่ค่อยเข้าใจเลย เพราะเราแอบไม่เป็น

สุขที่แท้จริง says:

บางคนภายนอกดูสุขุม แต่จริงแล้วเป็นคนร้อนรน
บางคนทำเหมือนผู้รู้มาก แต่แท้ที่จริงแล้วแค่จำเขามาพูด แต่ตัวเองนั้นไม่ได้รู้มากมายขนาดนั้น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2010, 21:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 22


(การระวังตัวเองเป็นเลิศที่สุด..) says:

ช่วงแรกมันตื่นเต้นแบบว่า มันคิดว่า อือ วันนี้เราก็จะถากถางกิเลสเหมือนเมื่อวันก่อน
ทำนองนี้ มันก็เลยตื่นเต้น กลายเป้นว่าพิจารณาไม่ได้เลย ต้องพิจารณาความตื่นเต้นแทน

ช่วงแรกมันดูจนเบื่ออะ จะตื่นเต้นไปไหน สักพักผ่านไปสัก 10-12 นาทีความตื่นเต้นค่อยจางลงไป
ก็ค่อยๆดีขึ้น จากนั้นก็ พิจารณาตามความคิด แต่ว่าจริงๆแล้วมันไม่ค่อยเห้นอะไร
ก็เลยดูภาพรวม ไปๆมาๆก็ชักจะเบื่อกิเลสขึ้นมา มันเบื่อ จากนั้นก็ จำได้ว่าอย่างวันนี้ยังรุ้สึก
อยากถีบคนอยู่เลย ก็เลยพิจารณาตรงนี้ ว่าทำไมถึงอยาก และก็ ทำไมถึงไม่ควรอยาก
ในที่สุดก็พิจารณาได้อะ ก็ได้ว่า ไม่อยากจะทำร้ายใครอีก จากนั้นก็ มันไม่รุ้ว่าจะพิจารณาไรต่อ

คือว่ามันเงียบ แต่ความคิดมันก็ยังทำงานอยู่ บางทีก็ฟุ้งไปแล้วก็กลับมา
พอด้านความคิดไม่มีไรให้พิจารณา ก็เลยหันไปสนใจกายแทน โดนอัตโนมัติ

ก็พิจารณาว่า กายเนี่ย มีน้ำเลือด น้ำนอง มันไม่สวยอะ
แล้วก็นึกถึงแฟน เขาแบบว่า จิตใจเขาดีจริงๆน่ะ ก็เลยรุ้สึกซึ้งในน้ำใจมากๆ
ก็จำได้เพลงหนึ่งอะ ที่เคยเปิดฟัง บอกว่า ไม่ว่าเธอจะเคยเป็นใคร.. จะผ่านอะไรมา
ขอจงอย่าเป็นกังวล มันแบบว่า โดนจริงๆ คือเราเป็นนางเอกในเพลงนั้นเลย
อิอิ.. จากนั้นก็ คิดว่า พี่น้ำเดาสภาวะของเราในตอนนี้ไม่ถูกเนอะ

สุขที่แท้จริง says:

มีความสุขใจมังคะ

(การระวังตัวเองเป็นเลิศที่สุด..) says:

ก็เลยตัดสินใจใช้เวลาช่วงหนึ่ง ดูเท้าจริงๆจังๆ จะได้รายงานถูก
ก็ ถ้าเดินจริงๆจังๆแล้ว ก็คือว่า ก้าวสั้นๆ คือ รุ้สึกได้เลย ว่าในใจเงียบมาก
แต่ว่าความคิดมันยังทำงานอยู่ตลอดเวลา แล้วมันรุ้สึกว่าเห็นแสงอยู่ในกายอะ
ก็คือ เป็นแบบนี้ จากนั้นก็ฟุ้งไป แล้วก็ไปไหนก็ไม่รุ้ แล้วก็กลับมาเดินดูเท้า

ยังรุ้อยู่เลยว่ายังปรามาสพระ ก็จำคำของพี่น้ำได้ว่า เพราะว่าสติยังไม่ทัน
ก็เลยเดินดูเท้าไปเรื่อยๆ ฟุ้งไป ดูไป แล้วก็ช่วงท้ายๆ ใจมันไปคิดเรื่องของ เวลา
ก็คือ อย่างที่คนรุ้ๆกันอยู่ว่าเวลามันจะเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีวันห้วนกลับ
แต่ว่าใจของเรา ยังคิดว่า เวลาน่ะมันยังสามารถย้อนกลับคืนได้อยู่เลย
อันนี้ก็ยังมองเห็นไม่ค่อยชัดคะ ก็จบเรื่องของการเดินเพียงเท่านี้

นั่งก็ ฟุ้งบ้าง คิดบ้าง อะไรนี่แหละ แล้วก็ไปคิดเรื่องของเวลา พิจารณาอยู่นิดหนึ่ง
แล้วก็แบบว่า รุ้สึกว่ามันไม่อยากมีสมาธิ ก็เลยตัดสินใจใช้เวลาช่วงหนึ่งทำให้มันนิ่ง
นิ่งก็แบบว่า รุ้สึกมีไฟฉายถ่ายอ่อนๆส่องลงมาตรงเปลือกตา นิ่งแปปเดียวก็ขี้เกียจแระ
นั่งได้ 8 นาทีคะวันนี้

สุขที่แท้จริง says:

ขอได้ป่ะคะ ขี้เกียจ ขอซื้อ ราคาเท่าไหร่ดีคะ โออิชิ 1 มื้อพอไหวไหม

(การระวังตัวเองเป็นเลิศที่สุด..) says:

แค่สองนาทีเอง ก็จำได้ตลอดอะ พี่บอกว่าถ้าขี้เกียจนั่งก้อย่าฝืน ทำนองนี้มั้ง

สุขที่แท้จริง says:

แหมมมม ทีงี้ล่ะจำแม่น

กล่องเก็บความทรงจำที่ปิดตาย... (การระวังตัวเองเป็นเลิศที่สุด..) says:

อิอิ แน่นอนนนน

สุขที่แท้จริง says:

ฟามจำดีจริงๆ

(การระวังตัวเองเป็นเลิศที่สุด..) says:

แน่นอนนน

สุขที่แท้จริง says:

เราน่ะ จะเถียงแบบมีเหตุมีผลน่ะ

(การระวังตัวเองเป็นเลิศที่สุด..) says:

เคยเถียงไม่มีเหตุผล โดนคนย่ำตายเละไม่รุ้กี่ทีแล้ว

สุขที่แท้จริง says:

มิน่า อิอิ ... น่าตบบบบ ...

(การระวังตัวเองเป็นเลิศที่สุด..) says:

โหหหห สุดยอดดดดดดดดดดดดดดด

สุขที่แท้จริง says:

นี่ ถามจริงๆ ทำไมถึงอยากถีบคนคะ เพราะดูหนังมากป่ะคะ

(การระวังตัวเองเป็นเลิศที่สุด..) says:

แบบว่า เหมือนว่าาคุยๆแล้วเราเครียดอะ เครียดก็เลยอยากถีบมั้ง
อย่าสนใจความคิดเราเลย มันบ้าๆ

สุขที่แท้จริง says:

ตายละ ....งั้นพี่น้ำต้องอยู่ห่างๆค่ะ มือกับเท้านี่อันไหนจะไวกว่ากันนะ
พี่น้ำเป็นคนมือไว แต่เด๋วนี้ไม่แน่ใจนะ


(การระวังตัวเองเป็นเลิศที่สุด..) says:

ความคิดคะ ไวสุดแล้ววว ต่อให้อยุ่กันคนละซีกโลกยังอยากถีบได้เลย ไม่รอดหรอก

สุขที่แท้จริง says:

แหมมมมม นี่หรือป่ะคะ ที่บอกว่า รู้สึกว่าตัวเองอารมณ์รุนแรงน่ะค่ะ

(การระวังตัวเองเป็นเลิศที่สุด..) says:

ส่วนหนึ่งมั้ง ที่อารมณ์รุนแรงจริงๆคือ โกรธแล้วควบคุมไม่ค่อยได้
หรือว่า มีความรุ้สึกหนักไปทางใดทางหนึ่ง ก็ควบคุมไม่ได้เช่นกัน
คงเป็นเพราะว่า มีมิจฉาทิฐิแหละ ว่าทำไรต้องให้เต้มที่อะ

สุขที่แท้จริง says:

แปลกนะ ทำอะไรต้องให้เต็มที่ เป็นเฉพาะเวลาโกรธหรือคะ

(การระวังตัวเองเป็นเลิศที่สุด..) says:

เปล่า มันมีเรื่องของการยึดถือยึดมั่นเข้ามาด้วย ก็เลยทำไรไม่สำเร้จสักอย่าง ทำนองนี้

สุขที่แท้จริง says:

เอ ... แล้วทำไมนั่งมันถึงทำเต็มที่ไม่ได้ล่ะคะ ไม่ชอบหรือคะ

(การระวังตัวเองเป็นเลิศที่สุด..) says:

เปล่านี่นา พี่อย่าเอามาเปรียบเทียบแบบนี้สิ มันคนล่ะเรื่องกัน
มันไม่ใช่ว่า ทำอะไรต้องทำให้เต้มที่แล้ว แบบนั้นมันยึดถือยึดมั่นผิดๆ

สุขที่แท้จริง says:

มีงี้อีก มันแล้วแต่คนมองเห็นนะคะ การทำเต็มที่ใช่ว่าจะเป็นมิจฉาทุกอย่างเสมอไปนะคะ
พอจะยกตัวอย่างให้พี่ฟังได้ไหมคะ ที่ว่าทำเต็มที่แล้วเป็นมิจฉา ในความคิดน่ะค่ะ


(การระวังตัวเองเป็นเลิศที่สุด..) says:

ยกไปแล้ว เรื่องของอารมณ์ไง

สุขที่แท้จริง says:

ตกลงแค่อารมณ์อย่างเดียวใช่มั๊ยคะ เอาเถอะค่ะ อารมณ์ก็อารมณ์ค่ะ

(การระวังตัวเองเป็นเลิศที่สุด..) says:

คะพี่ อย่ามองโลกในแง่ดีเลย

สุขที่แท้จริง says:

พี่เคารพความคิดเห็นนะ ไม่ไปแทรกแซงความคิดหรอกค่ะว่าทำไมไม่อย่างงั้นอย่างี้
ทุกคนย่อมมีเรื่องราวของตัวเอง


(การระวังตัวเองเป็นเลิศที่สุด..) says:

คะพี่ วันนี้เดินเปงไงบ้างอะ

สุขที่แท้จริง says:

คิดว่าไงล่ะคะ ลองวิเคราะห์ตัวเองดูสิคะ

(การระวังตัวเองเป็นเลิศที่สุด..) says:

ก็ดีอะ...

สุขที่แท้จริง says:

ที่ว่าดีเพราะอะไรคะ พี่กำลังให้หัดดูสภาวะของตัวเองนะคะ

(การระวังตัวเองเป็นเลิศที่สุด..) says:

เห้นความจริงมากขึ้น

สุขที่แท้จริง says:

เดินจงกรม เราจะรู้ว่าดีหรือไม่ดี ให้ดูสติค่ะ สติเป็นตัววัดผล
เราเดินแล้วฟุ้ง เดินแล้วมีความคิด แต่สามารถรู้เท้าได้ ถือว่าสติดีในระดับหนึ่ง

อยากมีความสุขในชีวิตมั๊ยคะ เราสามารถลิขิตชีวิตของตัวเองได้นะคะ
คนเราก่อนที่จะพบกับความสุขได้ ต้องเข้าใจในทุกข์เสียก่อน

สัญญาแต่ละคนติดตัวมาไม่เท่ากัน อย่าไปโทษชะตากรรม เพราะสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้
หมั่นสร้างเหตุดี ทำความเพียรไป อธิษฐานจิตขอให้เจอคู่ เพราะคู่ของทุกคนมีคนที่หนึ่ง
ก็ต้องมีคนต่อๆไป เนื่องจากความผิดหวังในอดีต แต่ก็ต้องยอมรับผลรับตรงนั้นด้วย เกิดไม่สมหวัง
ถ้าสมหวังก็ให้หมั่นสร้างเหตุดีกับคนที่รัก อธิษฐานจิตร่วมกัน เกิดมาชาติหน้าฉันใด
จะได้ครองคู่กันทุกชาติ ยังไงๆภพชาติก็สั้นลง เพราะมีเพียงคู่เดียว


(การระวังตัวเองเป็นเลิศที่สุด..) says:

เราเอาชาตินี้แหละคะ เราจะเป็นยังไงน่ะเหรอ
อย่างที่บอก ชีวิตเราไม่เหมือนคนอื่น เรื่องนี้เราเลยคิดไม่ออกเลย

สุขที่แท้จริง says:
ขอให้หมั่นทำความเพียรต่อเนื่อง ตรงนี้พี่กล้ายืนยันได้ เพราะพี่เองก็ผ่านจุดๆนั้นมาแล้ว
ที่ว่าไม่เหมือนคนอื่น ไม่เหมือนยังไงคะ พี่เห็นบอกหลายรอบแล้ว แต่ไม่อธิบายอะไร


(การระวังตัวเองเป็นเลิศที่สุด..) says:

ความคิดเราไม่เหมือนคนอื่น เคยอ่านทายใจอะคะ เขาบอกว่า
เราเป็นประเภทแบบว่า คิดเก่ง ทำเก่ง มีเหตุผล แต่เรื่องของจิตใจ เป็น 0

สุขที่แท้จริง says:

ไม่เคยอ่านค่ะ มันมีตัวอย่างให้อ่านมั๊ยคะ แล้วเรื่องของจิตใจนี่คืออะไรคะ

(การระวังตัวเองเป็นเลิศที่สุด..) says:

ไม่รุ้อะ นานแล้ว ไม่รุ้ของอันไหน ก้อตรงตัวเลย

สุขที่แท้จริง says:

เชื่อมั๊ย เมื่อก่อนพี่ชอบดูหมอดูมากๆ เขาทายแม่นนะ ไพ่ยิปซีอีกแม่นมากๆ
ทั้งพวกดูลายมือ ดูดวงชอบไปหมด แต่พอมาเจริญสติปัฏฐาน ต่อให้หมอดูแม่นขนาดไหนดูให้ไม่ได้
ที่เขาพูดๆมาเป็นเรื่องในอดีต เรื่องอนาคตและปัจจุบันเขาดูไม่ตรงเลย สติเป็นตัวบอกค่ะ

เราสามารถลิขิตชีวิตตัวเราเองได้ เหมือนพี่น้ำ พี่น้ำก็ลิขิตชีวิตตัวเอง
พี่เบื่อการเวียนว่ายตายเกิด ยิ่งทำยิ่งเข้าใจ ยิ่งทำยิ่งเห็นตามความเป็นจริงมากขึ้น
ทุกอย่างเราไม่สามารถไปยึดอะไรได้เลย ทั้งสุขและทุกข์
พอเข้าใจเห็นตามความเป็นจริง ไม่ไปทุกข์ เพียงแต่เราอยู่กับความรู้สึกนั้นได้
เวลานี้ ขณะนี้ กำลังมีความสุข แว๊บเดียว ทุกข์แล้ว
เอาไว้ให้ก้าวหน้ากว่านี้ แล้วพี่จะอธิบายว่าทำไมพี่ถึงบอกว่า
สามารถเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองได้


(การระวังตัวเองเป็นเลิศที่สุด..) says:

เราจะเป็นยังไงน่ะเหรอ อย่างที่บอก ชีวิตเราไม่เหมือนคนอื่น เรื่องนี้เราเลยคิดไม่ออกเลย

สุขที่แท้จริง says:

ที่ว่าไม่เหมือนคนอื่น ไม่เหมือนยังไงคะ พี่เห็นบอกหลายรอบแล้ว แต่ไม่อธิบายอะไร
ทำไมหรือคะ หมายถึงมีอะไรหรือคะ


กล่องเก็บความทรงจำที่ปิดตาย... says:

ก็ไม่ได้ไปกับครอบครัว เพราะว่าง่วงเลยนอนอยู่บ้าน

สุขที่แท้จริง says:

แล้วแต่นะคะ คือแล้วแต่จะคิด พี่น้ำไม่เคยไปลอยกระทงมานานแล้ว จนจำไม่ได้ว่า
ครั้งสุดท้ายไปมาเมื่อใด ที่บ้านจะต่างคนต่างไป ไม่มาใส่ใจกัน รู้สึกไม่สบายใจหรือคะ


กล่องเก็บความทรงจำที่ปิดตาย... says:

เราคิดว่าเราน่าจะไปกะครอบครัว แบบนี้เขาเรียกว่าหิริโอตัปปะมันทำงานอะเปล่า
หรือเราคิดมากไปเอง

สุขที่แท้จริง says:

หิริ โอตัปปะคือความละอายใจ และเกรงกลัวต่อบาปค่ะ ก็ถือว่าดีสำหรับครอบครัวเราไม่ใช่หรือคะ
เพราะเมื่อก่อนเราจะไม่ค่อยรู้สึกแคร์คนในบ้าน เรายังเด็กนะคะ


ส่วนพี่น้ำน่ะโตแล้ว ไม่จำเป็นต้องสนใจใคร วัยเราสองคนต่างกัน เมื่อเราโตแล้ว
พ่อแม่จะไม่มาอะไรกับเรามากมาย เราจะเป็นอิสระมากขึ้นเมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้ว
และเราจะรู้เรื่องราวของโลกๆมากขึ้น พี่คิดว่า พ่อกับแม่น่าจะเข้าใจนะคะ เพราะไม่ใช่เด็กเล็กๆ
ที่ปล่อยอยู่บ้านคนเดียวไม่ได้ วัยขนาดนี้จะมีโลกของตัวเองมากขึ้น


กล่องเก็บความทรงจำที่ปิดตาย... says:

เค้าไม่ร่วมกับกิจกรรมกับครอบครัวไง

สุขที่แท้จริง says:

กิจกรรมครอบครัวมีตั้งหลายอย่างนี่คะ
พี่พูดในแง่มุมของพี่นะคะ เพราะครอบครัวพี่น่ะมันครอบครัวที่ไม่ใช่ครอบครัว
ถ้ารู้สึกไม่สบายใจ เมื่อเขากลับมาถึงบ้านแล้ว ก็ชวนเขาคุยสิคะ ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนจะไม่รักลูกหรอกค่ะ


กล่องเก็บความทรงจำที่ปิดตาย... says:

พี่คะ เรา สงสัยเรื่องการแสดงออก คือ อายุขนาดเรา คนอื่นมันทำได้อยู่แล้ว แต่เรายังไม่ได้ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

การเลี้ยงดูไงคะ แล้วการแสดงออกนี่คือแสดงออกอะไรคะ กล้าพูด กล้าคิด กล้าทำ แบบนั้นหรือคะ

กล่องเก็บความทรงจำที่ปิดตาย... says:

เราว่าความจริงแล้วเราอารมณ์รุนแรงน่ะ เพราะฉะนั้นการแสดงออกที่มากไป จะทำให้เราหลุด
เราก็เลยพยายามไม่แสดงออกอะไร กลายเป็นเล่นกะชาวบ้านไม่เป็นมั้ง
เห็นคนอื่นเขาเฮฮา เราก็อิจฉานะ

สุขที่แท้จริง says:

แต่ละคนไม่เหมือนกันนะค่ะ เพื่อนพี่น้ำบางคนก้เหมือนเรานะ เก็บตัว ไม่คบกับใคร
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย


กล่องเก็บความทรงจำที่ปิดตาย... says:

วันนี้ก็ คิดอยู่ แบบว่า เรื่อง การเก็บอารมณ์ คือว่า ทุกคนควรมีสิ่งที่เรียกว่า การเก็บอารมณ์ ใช่มะ

สุขที่แท้จริง says:

ความอดกลั้นไงคะ เราไม่สามารถแสดงอารมณ์ดิบของเราออกมาได้หมด
เหมือนพี่น้ำน่ะ บางครั้งอยากพูดจาหยาบๆแบบเขามั่ง แต่ทำไม่ได้
บางทีแค่คำว่า โว๊ย อยากจะเขียนลงไปในบล็อก ยังไม่กล้าที่จะเขียนลงไป ต้องเขียนใส่สมุดแทน

แต่ละคนไปคาดเดาอารมณ์ดิบลึกๆที่ทุกคนมีอยู่ไม่ได้หรอกค่ะ
การที่เราปล่อยตามใจตัวเอง นั่นเท่ากับเรากำลังเพาะอนุสัยให้เกิดขึ้น

ต่อไป เมื่อเราพูดจาหยาบคายเราจะไม่รู้สึกผิด เพราะเราเคยชินกับมัน
อะไรๆที่เราทำประจำจนเกิดความเคยชินน่ะ มันจะแก้ยากนะ
ทุกคนมีสิ่งซุกซ่อนปกปิดไว้ในใจของตัวเอง

พอขาดสติ หยาบยิ่งกว่าอะไร เขาถึงเรียกสติแตกไง
คนขาดสติสามารถทำได้ทุกเรื่องโดยไม่รู้สึกละอายแก่ใจ
แล้วระดับความหยาบในจิตของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป
กิเลสไม่ใช่เรื่องตัดหรือทำลายทิ้ง


กล่องเก็บความทรงจำที่ปิดตาย... says:

ก้อเราไม่เหมือนคนอื่นนี่นา ก็เลยยังไม่เข้าใจตรงนี้เลย

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ พี่เข้าใจค่ะ ไม่ได้ว่าอะไรนะคะ ตั้งใจอยู่ว่าจะอธิบายให้ฟัง

กล่องเก็บความทรงจำที่ปิดตาย... says:

คะพี่ เพราะว่าเราไม่เหมือนคนอื่นน่ะ ชีวิตที่ผ่านมาก็ดำรงแบบแตกต่างจากคนอื่น

สุขที่แท้จริง says:
ขอให้หมั่นทำความเพียรต่อเนื่อง ตรงนี้พี่กล้ายืนยันได้ เพราะพี่เองก็ผ่านจุดๆนั้นมาแล้ว
คนอื่นๆใช่ว่าเขาจะแตกต่าง เพียงแต่เราไม่รู้เท่านั้นเองค่ะ

การเจริญสติปัฏฐาน ทำให้เห็นตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ทุกๆสภาวะที่เกิดขึ้นเขามาสอนเรา
ให้เห็นถึงความไม่เที่ยง ทำให้เราไม่ไปยึดมั่นถือมั่น และไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใครๆ

เพราะเขาเราก็ล้วนมีแต่ความไม่รู้เหมือนๆกัน ไม่รู้อะไร ไม่รู้ตามความเป็นจริง
มีแต่ยึดติดกับความคิดของตัวเอง เหมือนกิเลสนี่แหละ ที่เขาบอกว่าถากมันออกน่ะ มันแค่ศัพท์
เฝ้าถากถางกิเลสคือขุดมันออกมา ให้เรายอมรับตามความเป็นจริงในสิ่งที่เรามีอยู่ เราถึงทุกข์มากไง

เพราะเราทนไม่ได้ เราไม่พอใจมัน เราไม่ชอบใจมัน เราเกลียดมัน ทั้งๆที่มันก็คือเรา
แต่ผลของการเจริญสติจะทำให้เราเข้าใจมากขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็ดับได้ไว ทุกอย่างล้วนเกิดจากการปรุงแต่งของจิต


กล่องเก็บความทรงจำที่ปิดตาย... says:

ที่ทนไม่ได้ ไม่พอใจมัน เพราะว่าได้เจริญสติเหรอคะ ถ้าไม่เจริญสติก็จะไม่รุ้ใช่ไหมคะ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ ไม่มีวันรู้อย่างเด็ดขาด

กล่องเก็บความทรงจำที่ปิดตาย... says:

แล้ว พี่หมูเขาเข้าใจเรื่องกิเลสยังอะ อย่างเรายังไม่ค่อยเข้าใจอย่างที่พี่บอกอะคะ

สุขที่แท้จริง says:

แต่ละคนยังอยู่ในความคิดทั้งนั้นแหละค่ะ เพียงแต่มากน้อยแตกต่างกันไป
เราเองก็เข้าใจในแบบของเรา เพียงแต่เมื่อยังมองเห็นมันไม่ชัด ก็เลยคิดว่าตัวเองยังไม่เข้าไใจ
ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ จะพิจรณาไม่ได้หรอกค่ะ เรื่องไม้กระดานกับปลวกน่ะ
นี่คือเข้าใจเรื่องกิเลสในแบบของเราไงคะ


กล่องเก็บความทรงจำที่ปิดตาย... says:

คือจู่ๆมันก้อรุ้สึกว่าไอ้ที่เราถากถางอยู่เนี่ย มันยังไม่ได้หายไปจริงๆ

สุขที่แท้จริง says:

มันไม่หายไปไหนหรอกค่ะ มันอยู่กับเรานี่แหละ เพียงแต่เราแค่รู้ว่ามันมี แต่มันไม่สามารถ
ส่งผลอะไรได้ เหมือนธรรมชาติน่ะ ต่างคนต่างอยู่ มันจะแค่รู้ จนเหลือแค่ดู

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 30 ม.ค. 2010, 00:58, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2010, 22:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 23


กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:
วันนี้ไม่ค่อยมีไรอะพี่ เราเดินนิ่งๆฟุ้งบ้าง นิ่งบ้าง คือว่า เราอยู่นิ่งๆไม่ได้อะ
แต่ว่ามันไม่มีอะไรให้คิด มันก็เลยไปฟุ้งบ้าง แล้วมันก็ง่วง

มีความง่วงเข้ามา แล้วเราก็เลยฟุ้งไป ก็คิดว่าทำไงดี มันดูเท้าไม่ชัด
ไปๆมาๆ ก็กลายเป็นว่าสภาวะเปลี่ยน ท่าการเดินมันเหมือนการเดินเริ่มต้น เมื่อช่วงเดือนที่แล้ว
เดินแบบว่าธรรมดาเดินเร้วๆทำนองนี้ มันก็แปลกใจนะเหมือนว่าสภาวะมันถอยลงไป

สักพักก็เดินไปดูความคิดไป คือว่าเหมือนให้รุ้ทันความคิดอะ ก็ดูไป แต่ว่ามันก็ฟุ้งไปด้วยแหละ
ก็ งงๆ นะ ตกลงมันยังไงกันแน่ เพราะว่าสภาวะเก่าที่เดินอยู่ มันมองเห็นความไม่เที่ยง
แต่ว่ากลับมาเดินแบบเมื่อเดือนก่อน มันมองไม่เห็นไรเลยนอกจากเท้า
ก็ มีเท่านี้ ก็งงนะ ว่าตกลงสภาวะมันจะเอายังไง

สุขที่แท้จริง says:

ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็ไม่เที่ยงยังไงล่ะคะ

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

เหมือนว่า เดินแล้วมัน ไม่ได้อะไร ที่ผ่านมามันยังได้
แต่ว่าช่วงหลังๆของวันนี้มันไม่มีอะไร สติกับสมาธิก็ไมได้ดีอะไร

สุขที่แท้จริง says:

แต่ละวันมันจะแตกต่างกันไปค่ะ ได้สิคะ อย่างน้อยก็สะสมทั้งสติและสมาธิ
จะมากหรือน้อยยังไงก็ได้ค่ะ กุศลก็ได้ ไม่มีอะไรเสียสักอย่างเดียวค่ะ นั่งล่ะคะ เป็นไงมั่ง


กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

ก็ฟุ้งไปบ้าง แล้วก็กลับมาดูลม มีอยู่ช่วงหนึ่งที่นิ่ง มันก็มีแค่นี้

สุขที่แท้จริง says:

โมทนาด้วยนะคะ

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

ไม่มีไรน่าโมนาเลย

สุขที่แท้จริง says:

อื๋อ ... นี่คือการสร้างมหากุศลนะคะ บางคนน่ะยังไม่ยอมทำเล๊ย
สติปัฏฐาน ใช่ว่าจะได้ทำทุกคนนะคะ


กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

พี่ ความจริงเมื่อวานเราทำเหมือนกันนะ แต่ว่าเราไม่ได้รายงานพี่

สุขที่แท้จริง says:

หรือคะ คิดว่าอารมณ์ไม่ดี เลยไม่ทำ แล้วบันทึกไว้หรือเปล่าคะ

says:กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

เปล่า ก็ เมื่อวาน เท่าที่จำได้ก็ พิจารณาศีล 5 อยู่ ส่วนวันนี้ช่วงแรกก็ พิจารณาศีล 5 เหมือนกัน

สุขที่แท้จริง says:

ครั้งต่อไป บันทึกไว้ให้ด้วยนะคะ

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

คะ พี่จะเอาไปทำไรเหรอ

สุขที่แท้จริง says:

มันเป็นรายละเอียดของสภาวะแต่ละวันค่ะ มันจะมีประโยชน์ต่อตัวเราเองในวันหน้า

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

ประโยชน์อะไรเหรอ

สุขที่แท้จริง says:

มีประโยชน์สิ วันหน้าเวลาเราเองกลับมาอ่าน จะมองเห็นข้อแตกต่างระหว่างสติที่เรามีในปัจจุบัน
แต่หลังจากเจริญสติปัฏฐานแล้ว อะไรๆมันจะเปลี่ยนไปหมด


กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

มองไม่ค่อยเห็นความแตกต่างที่ทำในวันนี้เท่าไหร

สุขที่แท้จริง says:

ไม่มีใครมองเห็นทั้งนั้นแหละค่ะ แต่พี่น้ำเห็นอยู่คนเดียวตอนนี้น่ะ
วันหน้าเราน่ะจะเห็นของตัวเองแล้วก็เห็นของทุกคนด้วยค่ะ


กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

แต่ว่าที่ผ่านมาเรายังมองเห็นความแตกต่างได้ดลย

สุขที่แท้จริง says:

แล้วแต่นะคะ

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

อือๆ เข้าใจคะ เราจะให้พี่เก็บ เราจะก้าวหน้าไปเรื่อยๆใช่มะคะ ถ้าทำต่อไปเรื่อยๆ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ ทำทุกวันนะคะ แล้วจะทราบซึ้งในพระพุทธเจ้ามากๆ ทราบซึ้งในครูบาฯต่างๆมาก
กับสิ่งที่หลายๆท่านถ่ายทอดความรู้เอาไว้ แต่ละท่านจะแตกต่างกันไป
แล้วจะขอบคุณที่ได้เกิดมาเป็นตัวเราเอง ทำให้ได้มาเจริญสติปัฏฐาน 4


กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

คะพี่ สาธุ

สุขที่แท้จริง says:

สาธุค่ะ พี่น้ำน่ะเหมือนตายแล้วเกิดใหม่เพราะสติปัฏฐาน 4 นี่แหละ

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

คะพี่ เราก้อรุ้ว่าเราเปลี่ยนไป มีสติขึ้นแหละ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ เราจะเห็นชัดขึ้นไปเรื่อยๆค่ะ พี่ถึงอยากให้เก็บรายละเอียด

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

คะ เราไม่มีอะไรที่อยากเก็บ

สุขที่แท้จริง says:

มีสิคะ มันคือสภาวะ ของใครของมัน

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

อ้อๆ เก็บรายละเอียดของตัวเองเหรอคะ นึกว่าไปเก็บรายละเอียดของคนอื่น

สุขที่แท้จริง says:

ทำไปเถอะค่ะ สักวันจะเข้าใจมากกว่านี้ นี่เริ่มมีทุนแล้วนี่ ถึงถูกชดใช้น่ะ
ถ้าไม่มีทุน ไม่โดนหรอกค่ะ

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

พอได้ออกจากบ้านก้อถูกชดใช้ นั้นสิ ช่วงนี้เจอไรติดๆกัน

สุขที่แท้จริง says:

คนถึงไปต่อไม่ได้เพราะเหตุนี้ บางคนไม่เข้าใจน่ะค่ะ

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

คะ เขาคิดว่าทำแล้วชีวิตจะดีขึ้น

สุขที่แท้จริง says:

จริงๆแล้ว มันทำให้ชีวิตดีขึ้นจริงๆ คือ มีสติมากขึ้น แต่คนไปมองด้านนอกตัวคือ คิดว่าทำแล้วรวย
พอไม่รวย เลิกเลย พี่ถึงบอกว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายนะคะ ต้องมีกุศลจริงๆนะ ถึงจะเจริญสติปัฏฐานได้น่ะ


กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

เพราะว่าเราเจอเรื่องร้ายๆในชีวิตมา ก็เลยตั้งใจจะเอาดีด้านนี้เลย ชีวิตเราไม่เหมือนคนอื่น

สุขที่แท้จริง says:

ไม่มีใครที่จะมีชีวิตที่สวยงามทั้งชีวิตหรอกค่ะ เพียงแต่เขาจะเปิดเผยหรือไม่เท่านั้นเอง
ทุกคนส่วนมากมีบาดแผลด้วยกันทั้งนั้น แต่ละคนเขาก็ว่าเขาไม่เหมือนใคร


กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

เราไม่มีประสบการณ์ชีวิตเหมือนที่คนทั่วไปจะมีกัน
เราเริ่มแบบว่า เราทำให้ใจเราสะอาดนะ ดังนั้นตอนนี้ ความคิดที่ไม่ดีกับคนอื่นจะน้อยลงแล้ว
(แต่ยังมีช่วงอยากถีบอยู่ คือความเครียดมันผุดขึ้นมาอะ)

สุขที่แท้จริง says:

ใช้เวลาค่ะ

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

รุ้สึกว่ามันต้องผ่านอะไรมาเยอะๆ ก่อนจะไปถึงน่ะ
เราเองก็เหมือนพึ่งออกจากจุดเริ่มต้นได้ไม่ไกล้เท่าไหรเลย

สุขที่แท้จริง says:

มันเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ยึดติดของแต่ละคน ล้วนเกิดจากเหตุที่เขากระทำกันมา
แล้วก็ยังทำต่อไปเรื่อยๆ จนวันใดกุศลมากพอ ได้มาเจริญสติกัน
เพราะผลของการเจริญสติ จะทำให้เรายินยอมที่จะชดใช้ทุกๆอย่างโดยไม่มีข้อแม้
เพราะนั่นหมายถึงภพชาติเราสั้นลงไปเรื่อยๆ


กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

แต่การชดใช้มันไม่มีวันหมดไม่ใช่เหรอ

สุขที่แท้จริง says:

หมดค่ะ

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

เกิดมาตั้งหลายชาติ จะให้หมดในชาติเดียวมันดูเวอร์คะ

สุขที่แท้จริง says:

ถ้าเราทำปัจจุบันให้ดี พี่ไม่ได้บอกว่าชาติเดียวนี่นา พี่บอกว่ามันสั้นลงไป
คำว่าสั้นลงไปเรื่อยๆนี่ มันจะนานเท่าไหร่ก็อยู่ที่เหตุในปัจจุบันที่เขาทำกันขึ้นมา


กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

ก้อคนเราทำกรรมมานับชาติไม่ถ้วน พอจะขอชดใช้ในชาตินี้ชาติเดียวมันก็ดูจะมากไป

สุขที่แท้จริง says:

อย่าลืมสิคะน้ากุศลแต่ละคนสร้างมาไม่เท่ากัน อ่านประวัติครูบาฯต่างๆสิ
แล้วพี่ก็ไม่ได้พูดด้วยนะว่าขอชดใช้ชาตินี้ชาติเดียวน่ะ พี่เพียงแต่บอกว่า ชดใช้


กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

ก้อถ้าไม่ใช่ชาตินี้ชาติเดียววจะไปนิพพานได้อย่างไร

สุขที่แท้จริง says:

คิดมากไงคะ เพราะบางคนเขาทำได้ก็มีไม่ใช่ไม่มี

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

คะพี่ แบบเป็นเหตุเป็นผลนะ

สุขที่แท้จริง says:

เจริญสติต่อไป ทำต่อเนื่อง

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

อิอิ ค้าาา

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2010, 23:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 24


กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

ก็วันนี้แบบว่า อาจจะเจอกิเลสบาง ก็พยายามจำๆอะคะว่าเจอตัวไหน
แต่มันเหมือนว่า มันจำได้ไม่ชัดน่ะ เพราะว่ามันดูเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
เช่น ช่วงที่โดนชมอะคะ เหมือนสติจะหลุดให้ได้ แต่ก็ วันนี้ตั้งสติได้เร็วดีนะคะ
แบบว่าใจดีใจไปพักหนึ่งแล้วก็ตั้งสติได้ก็ตอบ ไม่เหมือนเมื่อวานที่ทำไรไม่ถูกเลย

อย่างวันนี้ก็เล่าเรื่องที่เจอมาให้พระที่หัวเตียงก่อนแล้วค่อยเดิน
ตอนเดินมันเหมือนคาดหวังว่าจะขัดเอาไอ้ตัวนั้นออกไอ้ตัวนี้ออก
ก็เลยกลับกลายเป็นว่าต้องใช้เวลาตั้งหลักสักพักก่อนจะเดินดีๆได้
สรุปก็คือ วันนี้ก็ เดินดูเท้า เหมือนเมื่อก่อนมั้งที่แบบว่าดูเท้าแล้วไม่ค่อยคิดอะไร

เดินแบบว่า ตอนเดินมันอยากจะเดินช้าๆ แต่พอเดินแบบว่า ช้ามากๆ มันกลับกลายเป้นว่า
เหมือนมีก้อนความร้อนบางอย่างอยู่ในใจ ไม่เชิงอยู่ในใจน่าจะบอกว่าอยู่ใกล้ๆกับหลังและช่วงคอ
เหมือนว่าเราใจร้อน เพราะว่าสังเกตว่าพอร้อนแบบนี้แล้วใจมันอยากจะเดินไปก่อนกาย
มันก็ร้อนนะ เราก็อืม... เราใจร้อนสินะ ก็พยายามเอาออก แต่ว่ามันเอาออกไม่ได้
ก็คิดว่า เพราะว่าเราไม่ได้ปล่อยวางเหรอ ก็เลยพยายามปล่อยๆ มันก็เหมือนจะหายนะแต่ไม่ค่อยหาย

อย่างวันนี้ พอจะคิดอะไรไม่ดี มันมีความคิดแค่ว่า คิดแบบนี้เรารุ้สึกไม่ดีไม่ใช่เหรอ
มันก็เริ่มจะเลิกคิดแล้วอะคะ ส่วนเรื่องไปปรามาสพระหรือคนอื่นก็เริ่มๆจะน้อยลง
แต่มันยังไม่หายน่ะนะ

เดินไปสักพัก มัน รุ้สึกว่า เหมือนพรหมวิหาร 4 จู่ๆก็รุ้สึกว่า จะยอมสละชีวิตเพื่อใครสักคน
ที่ต้องการได้เลย แล้วมันเหมือนในใจมันสะอื้นออกมาแปลกๆ เหมือนมันเสียใจ
ไม่รุ้สิ ก็เหมือนกับว่า เรางกมั้ง พอจะต้องสละให้คนอื่นก็เหมือนละตัวตนออกไปมั้ง

ต่อไปก็ เดินดูเท้า ก็รุ้สึกสติดี แต่ว่าที่มันไม่ดีก็คือมีก้อนความร้อนอยู่ในใจนี่แหละ
ก็ดูๆมันไปจนหมดเวลา บางทีถ้าเราใจเย็นกว่านี้ก็ดีนะคะ
เราคิดว่าเป็นเพระเราใจร้อนแน่ๆ เลยผ่านตรงนั้นไม่ได้

นั่งก็ ดูก้อนความร้อนแล้วพยายามแงะๆออกมา สักพักหนึ่งก็เลิกทำ เสร้จแล้วก็ดูลมไปแล้วก็นิ่ง
แล้วก็ไปฟุ้ง ก้อแค่นี้อะ

สุขที่แท้จริง says:

ตอนนี้ยังนั่ง 10 นาทีใช่ป่ะคะ

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

ใช่คะ

สุขที่แท้จริง says:

ลมหายใจตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

เหมือนไม่ได้ตั้งใจดูก็เลยลืมอะคะ เหมือนบางทีนั่งไปแล้วมันลืมว่าต้องทำไรบ้างอะ

สุขที่แท้จริง says:

แล้วเรื่องท้องพองยุบที่พี่ให้ทำ ทำบ้างหรือเปล่าคะ

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

ทำแล้วฟุ้งไปเรื่องอื่น กลับมาก็ลืมไปหมด

สุขที่แท้จริง says:

เวลานอนก็เป็นหรือคะ

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

ค่ะ

สุขที่แท้จริง says:

พี่อยากให้เพิ่มเวลานั่งเป็น 15 นาที ไหวป่ะคะ

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

คะพี่ อย่างวันนี้นั่งแล้วมันคิดว่าถ้าได้เวลานั่งนานกว่านี้อาจจะดีกว่าทั้งๆที่นั่งได้ไม่เป็นสัปปะรดเลย

สุขที่แท้จริง says:
ควรพยายามจับท้องพองยุบก่อนนอนนะคะ เอามือวางบนหน้าท้องก็ได้
ทำบ่อยๆจนกว่ามันจะรู้จากจิตได้


กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

คะพี่ จริงๆแล้วเราไม่ค่อยอยากทำน่ะ

สุขที่แท้จริง says:

เพราะอะไรหรือคะ

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

เราชอบฟุ้งมั้ง บางทีฟุ้งแล้วมันสนุกก็เลยไปไม่กลับ

สุขที่แท้จริง says:

ฟุ้งยังไงหรือคะ

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

ก็พอจับลมอยู่ดีๆก็เริ่มคิดไปเรื่องอื่น พอคิดแล้วมันก็ไหลตามไป ไปนู้นไปนี้
พอกลับมาบ้างทีก็ลืมไปแล้วว่าจับลมอยู่ ทำนองนี

สุขที่แท้จริง says:

พี่ไม่ได้ให้จับลมนี่คะ

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

จับท้องก้อพอๆกัน

สุขที่แท้จริง says:

เวลานอนน่ะ พี่เพียงให้เอามือวางบนหน้าท้อง ให้ดูท้องพองขึ้นยุบลง เท่านั้นเอง
ถ้าหลับก็ปล่อยให้หลับ ไม่ต้องไปสนใจอะไร


กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

คะพี่ จะพยายามทำให้ได้คะ.. เราว่าเราดีขึ้นนะ ความคิดชั่วร้ายไม่ค่อยมีแล้ว
อันนี้เป็นเรื่องปกติของคนทั่วไปอะเปล่า

สุขที่แท้จริง says:

แต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ บางคนเขาก็มีความคิดชั่วร้าย
สุดแต่ว่าเขาจะพูดมันออกมาหรืแสดงให้ใครๆเห็นหรือเปล่าเท่านั้นเอง


กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

คะพี่... อย่างคราวนี้เรารุ้สึกสงบขึ้น แต่ว่าพื้นฐานของนิสัย และชีวิตประจำวันของเรา
ค่อนข้างจะเป็นคนใจร้อนอยู่น่ะคะ ดังนั้นพอตอนเดินจงกรมในครั้งนี้
มันเหมือนว่ามันร้อนๆอะ ถ้าดูไม่ดีก็เห็นแค่ว่ามันร้อนๆในใจ แต่ถ้าดูดีๆแล้ว
รุ้สึกว่ามันจะเป็นเพราะความใจร้อน อย่างที่พี่บอกว่า ความชอบบ่มเพาะเป็นอนุสัย
แล้วก็นิสัย ทำนองนี้มั้ง งั้นก็แสดงว่า ต่อจากนี้เวลาที่เราดำเนินในชีวิตประจำวัน
ก็ควรที่จะทำตัวให้เป็นคนเย็นๆด้วย แบบนั้นหรือเปล่า

สุขที่แท้จริง says:

การเจริญสติจะมีผล ทำให้เราใจเย็นลงค่ะ เพราะเจ้าตัวโทสะกิเลสมันจะลดลงไปเรื่อยๆ

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

แต่ตอนนี้เราใจร้อนมั้ง พอเดินจงกรมแล้วเหมือนจะใจร้อนตาม

สุขที่แท้จริง says:

เราน่ะมีจุดเด่นคือหนักไปทางพิจรณา คนพิจรณาจะได้เปรียบอยู่อย่าง
คือ พอเข้าใจมันจะวางได้ไวขึ้น

แต่พวกที่พิจรณาอะไรไม่เป็นนี่ เขาจะเหมือนขึ้นบันไดไปที่ละขั้น
แต่การพิจรณาก็ต้องระวังกิเลสให้ดีๆ จะโดนมันหลอกเอา


กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

ขอบคุณคะพี่ ตอนนี้เราอยู่กับกิเลสตัวไหนไม่ได้เลยอะ
อยู่แล้วโดนไล่ตลอด มีอันต้องน้ำตาตกตลอด

สุขที่แท้จริง says:

ให้ดูสภาวะน่ะค่ะ จะได้ไม่หลง ผลของสมาธิ แค่นั้นเอง ลมหายใจไม่มีเพราะลมมันละเอียด
จริงๆแล้วเวลามาถึงจุดๆนี้ ผู้ที่เจริญอานาปนสติหรือพุทโธ หรืออะไรก็แล้วแต่ จะติดตรงนี้กัน
ไม่ใช่ลมไม่มี ลมหายใจน่ะมี แต่มันละเอียด เพราะจิตมันเป็นสมาธิ แต่อาการทางกายจะชัดมากๆ
คือท้องพองยุบ พี่น้ำถึงให้ฝึกจับพองยุบเพราะเหตุนี้แหละค่ะ


กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

ชีวิตเราแปลกดีนะคะ ช่วงนี้ก็แปลกนะ เหมือนว่า ถ้าเราติดอะไรบางอย่าง
แล้วแค่ไม่นานอะ เหตุการณ์มันจะเกิดขึ้น ให้เรารุ้ว่าเราติดอะไร ให้เราเข้าใจได้มากขึ้น

สุขที่แท้จริง says:

ทุกคนส่วนมากจะมีความฝันกัน บางคนก็สมหวัง บางคนก็ไม่สมหวัง
พี่เองก็เคยมีความฝัน เดี๋ยวนี้ไม่มีอะไรอีกแล้ว


ทุกวันนี้ทำแต่ความเพียร มีคนถามว่าทำไปทำไมมากมาย
เขาถามว่าอยากไปนิพพานจริงๆหรือ
พี่เลยถามกลับว่า นิพพานหน้าตาเป็นไงหรือ
เขาเลยย้อนถามกลับมาว่าแล้วทำไปทำไม ทำแล้วไม่มีเป้าหมาย

พี่บอกว่า ทำแล้ว มันไม่มายึดติดกับอะไร เพราะมันไม่มีอะไรที่จะให้ยึด
ทำเพราะรู้ว่า ตายไปแล้ว ไม่ตกนรกแน่ๆ
ฉะนั้นเลยต้องพยายามทำก่อนที่จะต้องตายไปโดยไม่รู้ตัว
เขาถามว่า รู้ได้ไงว่าจะไม่ตกนรก พี่บอกรู้สิ


แล้วตัวเขาล่ะรู้มั๊ยว่าจะตกนรกหรือเปล่า เขาตอบว่าเขาไม่รู้
พี่เลยบอกเขาว่าเห็นป่ะความแตกต่างระหว่างคนที่ทำกับคนไม่ทำ

คนทำสามารถบอกได้ว่าเขาจะเป็นยังไงเวลาตายไปแล้ว กล้ายืนยันได้
แต่คนไม่ทำจะยืนยันไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้
คุยกับชาวบ้าน ขืนมาคุยนิพพาน จะพานเป็นลมเอา น่าเบื่อ


กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

พี่คะ จริงๆแล้วเราก็ยังไม่รุ้ตัวเลยว่าเราใจร้อน บางทีเราก็ว่าตอนนี้เราใจเย้นออก

สุขที่แท้จริง says:

เราน่ะใจร้อนค่ะ ชอบบังคับคนด้วย พี่ถึงพยายามให้การบ้านเพิ่ม
พี่น้ำเคยเป็นนะแบบนี้น่ะ เมื่อก่อนนี้


ลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

แก้ยังไงดีอะพี่ อย่างวันนี้สภาวะก็มาสอนแล้วว่าให้แก้

สุขที่แท้จริง says:

เจริญสติค่ะ มีวิธีเดียวเท่านั้นแหละค่ะ

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

พี่คะ ถ้าอยากเลิกใจร้อน ต้องทำให้ใจเย้น ทำอะไรใจเย้นๆ ตั้งแต่วันนี้เลยเหรอ...

สุขที่แท้จริง says:

เจริญสตินี่แหละค่ะ เพียงแต่ใช้เวลา และต้องทำความเพียรต่อเนื่อง
เมื่อก่อนพี่เป็นคนใจร้อนนะ ปากไวด้วย มือก็ไว พอไม่ได้ดั่งจ พลั่กเลย

การมาเจริญสติ ทำให้เหมือนตายไปแล้วเกิดใหม่
ชีวิตทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด แม้กระทั่งนิสัย
ผลของการเจริญสติ ทำให้เรากลับกลายเป็นคนอดทน อดกลั้น อดออม
รู้จักกับคำว่า " พอใจ " ไม่ใช่ใความอยากไม่รู้จักจบสิ้น คือ เปลี่ยนชีวิตเลยน่ะ
เราสามารถกำหนดชะตาชีวิตเราได้

อายุยังน้อยมากนะคะ เจริญสติตั้งแต่ตอนนี้ อนาคตสามารถลิขิตชีวิตตัวเองได้
พี่น้ำยังเปลี่ยนชะตาชีวิตตัวเองได้เลย ขอเพียงอดทนทำไป ทำต่อเนื่อง ตั้งใจทำ


กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:

เรารุ้แล้วล่ะว่าสติมันมีค่ามากแค่ไหน

สุขที่แท้จริง says:

พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ชัดเจน สติเป็นเครื่องกั้นความอยาก เราจึงต้องมาเจริญสติ

กลับมายืนยังจุดที่เราเคยจากมา... says:
คะพี่ เราเองก็จะตั้งใจต่อไปเรื่อยๆนะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 21:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 25


น่าจะเป้นทางเลือกที่ดีนะ? says:

เดิน 35 นั่ง 5 ค่ะ
เดินก็ช่วงแรกมีแต่ความคิดเต็มไปหมด แล้วก็ไปฟุ้งเรื่องที่พึ่งเจอมา
แล้วก็รายละเอียดปลีกเล็กปลีกน้อย เดินไปก็เหมือนอยู่ในวังวนของความคิด
เราก็เดินดูเท้า แบบว่า ช่วงนั้นมันก็ทรมานนิดหนึ่ง เพราะว่าหัวตึง ตาเพ่ง แต่ก็เดินต่อไป

เดินก็ดูคำปรามาส พอปรามาสพระก็ด่าตัวเอง เริ่มน้อยลงแล้วค่ะ
แล้วก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เดินแล้วนิ่งแบบว่า มีแต่ความคิดไหล แต่ว่าตึงๆหัว มึนๆ
ขวาย่ำ ซ้ายย่ำ บางทีกำหนดไปเรื่อยๆแล้วมันเพี้ยน ก็เดินต่อไป

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราพิจารณาได้ว่า เรื่องนี้ คือ เราชอบใจ เรื่องนี้ คือ เราไม่ชอบใจ
ก็ มีเท่านี้นะคะ

นั่ง ดูลม แล้วก็ฟุ้งไปไหนนี่แหละ อยากจะใจเข้มแข็งกว่านี้อะ แบบว่าอยากจะ ไม่หลงคำชม
หรือคำติอะไรทั้งนั้น

สุขที่แท้จริง says:

กิเลสน่ะคะ มานะกิเลสบางคนมีมาก มีน้อยไม่เท่ากัน เราต้องรู้จักหาวิธีที่จะจัดการกับตัวเอง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 41 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร