ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

วิธืปฏิบัติตามลำดับ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=66208
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 29 ต.ค. 2025, 05:22 ]
หัวข้อกระทู้:  วิธืปฏิบัติตามลำดับ

ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ

"วิปัสสนาอันถึงที่สุดด้วยอำนาจของญาณ ๘ [ตั้งแต่อุทยัพพยญาณถึงสังขารุเปกขา-
ญาณ] และญาณที่ ๙ [สัจจานุโลมญาณ] เรียกว่า ปฏิปทาญาญาณทัศนะ"

"ผู้มีปัญญาโปรดทราบญาณ ๘ ในเรื่องนี้ คือ ญาณ ๘ เหล่านี้อันได้แก่ อุทยัพ-
พยญาณที่รู้เห็นความเกิดดับอันหมดจดพ้นจากอุปกิเลสแล้ว ภังคญาณที่รู้เห็นความความดับ ภย-
ญาณที่รู้เห็นว่าน่ากลัว อาทีนวญานที่รู้เห็นว่ามีโทษ นิพพิทาญาณที่รู้เห็นว่าน่าเบื่อหน่าย
มุจจิตุกัมยตาญาณที่เป็นความต้องการจะพ้นไป ปฏิสังขาญาณที่พิจารณาซ้ำอีก และสังขารุ-
เปกขาญาณที่วางเฉยในสัญขาร พร้อมทั้งญาณที่ ๙ คืออนุโลมญาณอันชื่อว่าสัจจานุโลมญาณ
(ญาณคล้อยตามสัจจะ)
ภิกษุผู้ปรารภความเพียรปราถนาจะยังสัจจานุโลมญาณให้สำเร็จ พึงเจริญความเห็นๆ
ในญาณทั้ง ๘ เหล่านี้ตั้งแต่อุทยัพพยญาณเป็นต้นไป"

"เมื่อนักปฏิบัติบำเพ็ญเพียรในญาณทั้ง ๘ นั้นตามลำดับโดยเนื่องด้วยอนิจจลักษณะ
เป็นต้นแล้ว รู้เห็นสังขารทั้งหลายว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา วุฏฐานคามินีวิปัสสนา
อันแก่กล้าย่อมเกิดขึ้นด้วยอำนาจของญาณทั้ง ๘ วุฏฐานคามินีวิปัสสนานี้ได้ชื่อว่า สัจจา-
นุโลมญาณ"
[วุฏฐานคามินี คือ วิปัสสนาเป็นครื่องบรรลุมรรค หมายถึง สังขารุเปกขาญาณเบื้องปลาย
และอนุโลมญาณที่เกิดก่อนมรรคจิต]

ไฟล์แนป:
received_1350895769760240.jpeg
received_1350895769760240.jpeg [ 357.39 KiB | เปิดดู 356 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 29 ต.ค. 2025, 05:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิธืปฏิบัติตามลำดัย

การเกิดมรรคจิต

"เมื่อนักปฏิบัติเจริญสังขารุเปกขาณอยู่ ญาณนั้นหยั่งเห็นสังขารทั้งหลายว่าไม่
เที่ยง เป็นทุกข์ หรือเป็นอนัตตาโดยอาการว่า มรรคจักเกิดในบัดนี้ แล้วลงสู่กวังค์อีก"

"ถัดจากภวังค์ไป มโนทวาราวัชชนจิตย่อมเกิดขึ้นรับอารมณ์เป็นสังขารโดยความ
เป็นสภาพในเที่ยงเป็นต้น ตามนัยที่กล่าวแล้วในสังขารุเปกขาญาณ แต่นั้นถัดจากมโนทรา-
วัชชนจิตที่เกิดขึ้นตัดกระแสภวังค์ ชวนจิตดวงแรกย่อมเกิดขึ้นรับสังขารเป็นอารมณ์ จิต
ดังกล่าวชื่อว่า บริกรรม (จิตปรุงแต่งมรรคอัปปนา, จิตทำให้เกิดมรรคอัปปนา)"

"ชวนจิตดวงที่ ๒ ที่มีสังขารเป็นอารมย่อมเกิดขึ้นต่อจากนั้น ชวนจิตดังกล่าว
ชื่อว่า อุปจาระ (จิตอยู่ใกล้มรรคอัปปนา)"

ชวนจิตดวงที่ ๓ ที่มีสังขารนั้นเป็นอารมณ์ย่อมเกิดขึ้นถัดจากนั้น ชวนจิตดังกล่าว
ชื่อว่า อนุโลม (จิตคล้อยตามเพื่อการบรรลุมรรคอัปปนา) เพราะคล้อยตามญาณทั้ง ๘
ข้างต้นและคล้อยตามโพธิปักขิยธรรมในญาณขั้นสูง"

(ชวนจิตที่เป็นบริกรรม อุปจาระ และอนุโลมในมรรควิถี เป็นอนุโลมญาณ ชวนจิตเหล่านั้น
คือกามาจรชวนจิตที่ประกอบกับปัญญาในขณะที่ใกล้จะบรรลุมรรค เนื่องจากจิตเหล่านั้นมีกำลังมาก
จึงได้ชื่อเฉพาะว่า บริกรรม อุปจาระ และอนุโลม]

"ดังนั้น อนุโลมญาณจึงให้ชื่อว่า สัจจานุโลมญาณ (ญาณคล้อยตามสัจจะ) อนึ่ง
พระศาสดาตรัสสัจจนุโลมญาณนี้ว่าเป็นที่สุดของวุฏฐานคามิมีวิปัสสนา โปรดทราบโคตรภู-
ญาณว่าเป็นญาณสุดท้าย(ของภาวะปุถุชน]โดยประการทั้งปวง"

[อนุโลมญาณ คือ ญาณที่ปรากฎในมหากุศลจิตที่ประกอบกับปัญญา ๔ ดวงซึ่งใต้ชื่อว่า
บริกรรม อุปจาระ และอนุโลม แปลตามศัพท์ว่า "ญาณคล้อยตาม" กล่าวคือ คล้อยตามวิปัสสนาญาณ
ขั้นต่ำ ๘ อย่างมีอุทยัพพยญาณเป็นต้น และคล้อยตามโพธิปักขิยธรรมที่จะบรรลุในมรรคต่อไป อนุโลม-
ญาณนี้รับเอาสังขารที่มีในภูมิ ๓ เป็นอารมณ์ ในบางแห่งเรียกว่า สัจจานุโลมญาณบ้าง)
คำลงท้ายปริจเฉท

"พระศาลดาตรัสวุฏฐานคามินีวิปัสสนาอันเป็นธรรมสงบหมดจดไว้หลายชื่ออย่างนี้
ผู้มีปัญญาปรารถนาจะหลุดพ้นจากเป็อกคมคือทุกข์ในสงสารอันน่าสะพรึงกลัว พึงบำเพ็ญ
เพียรในวิปัสสนาดังกล่าวเป็นนิตย์เถิด"

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/