ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
การเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยสมาธิและสัมมัปปธาน http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=65542 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 25 มี.ค. 2025, 16:34 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | การเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยสมาธิและสัมมัปปธาน | ||
"ความเชื่อมั่นสื่อมใส[ในพระรัตนตรัย กรรม และผลกรรม] ที่ประกอบกับอินทรีย์ ๔ นี้ เป็นศรัทธินทรีย์ ในอินทรีย์ ๕ เหล่านั้น ความตั้งมั่นแห่งจิตที่มีศรัทธาเป็นใหญ่นี้ชื่อว่า ฉันทสมาธิ (สมาธิที่มีฉันทะเป็นใหญ่) เมื่อจิตตั้งมั่นแล้ว[ด้วยวิปัสสนาสมาธิ] การละกิเลสหัวยกำลังแห่งการพิจารณาหรือ กำลังแห่งภาวนาเพื่อข่มกิเลสไว้ ชื่อว่า ปหานะ (การละ) ลมหายใจเข้าออก วิตก วิจาร สัญญา เวทนา อันธรรมที่ควรระลึกใคร่ครวญ [โดยมีกิจอย่างเดียวกัน] ทั้งหมดนี้ชื่อว่า สังขาร โดยประการดังนี้ ฉันทสมาธิ (สมาธิที่มีฉันทะเป็นไหญ่) ข้างตัน การละด้วยการข่ม กิเลส และสังขารหล่านี้ (ย่อมปรากฎในวิปัสสนาขณะและมรรคขณะ) ผู้ปฏิบัติธรรรมย่อมเจริญ อิทธิบาทอันประกอบด้วยฉันทสมาธิและความเพียรอันประเสริฐทั้งสองอย่างนั้น อันอาศัยความ สงัดจากกิเลส อาศัยการสำรอกกิเลส อาศัยความดับกิเลส น้อมไปเพื่อความสละกิเลส ในข้อนั้น ความตั้งมั่นแห่งจิตที่มีวิริยะเป็นใหญ่นี้ชื่อว่า วิริยสมาธิ (สมาธิที่มีวิริยะ เป็นใหญ่)..ความตั้งแห่งจิตที่มีควานตั้งใจเป็นใหญ่นี้ชื่อว่า จิตตสมาธิ(สมาธิที่มีความตั้งใจ เป็นใหญ่)..ความตั้งมั่นแห่งจิตที่นี่ความใคร่ครวญเป็นใหญ่นี้ชื่อว่า วิมังสาธิ(สมาธิที่มี ความใคร่ครวญเป็นใหญ่) เมื่อจิตตั้งมั่นแล้ว(ด้วยวิปัสสนาสมาธิ) การละกิเลสด้วยกำลังแห่งการพิจารณาหรือ กำลังแห่งภาวนาเพื่อข่มกิเลสไว้ ชื่อว่า ปหานะ (การละ) ลมหายใจเข้าออก วิตก วิจาร สัญญา เวทนา อันเป็นธรรมที่ควระลึกใคร่ครวญ [โดยมีกิจอย่างเดียวกัน] ทั้งหมดนี้ชื่อว่า สังขาร โดยประการดังนี้ วีมังสาวมาธิ (สมาธิที่มีความใคร่ครวญเป็นใหญ่) การละด้วยการ ข่มกิเลส และสังขารเหล่านี้ ก่อนปรากฎในวิปัสสนาและมรรคขณะ) ผู้ปฏิบัติธรรมย่อม
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 26 มี.ค. 2025, 07:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยสมาธิและสัมมัปปธาน |
เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยด้วยฉันทสมาธิและควานเพียรกันประเสร็จทั้งสองอย่างนั้น อันอาศัย ความสงัด(จากกิเลส) อันอาศัยความดับ(กิเลส] อันน้อมไปเพื่อการสละ(กิเลส) (อิทธิบาท ๔ ที่มีมูลเหตุคืออินทรีย์ ๔ ดังที่กล่าวมาแลัวนั้น ยังมีมูลเหตุลำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ ศรัทธา เมื่อบุคลมีศรับธาแล้วจึงตั้งใจปฏิบัติธรรมประกอบด้วยอิทธิบาท ๔ ได้ดังพระทุธพุทธ- พจน์"" ว่า สทฺธาย ตรติ โอฆํ (บุคคลย่อมข้ามหัวงน้ำด้วยศรัทธา) คำว่า ฉนฺทสมาธิ แปลว่า "สมาธิที่มีฉันทะเป็นใหญ่" มาจาก ฉนฺท ศัพท์ + อธิบติ ศัพท์+ สมาธิ ศัพท์ มีรูปวิเคราะห์ว่า ฉนฺทาธิปติ สมาธิ ฉนฺทสมาธิ ลบ อธิปติ ศัพท์ในท่ามกลางสมาสัย ตาม หลักภาษาเรียกว่า มัชเฌโลปสมาส คือ สมาสที่ลบศัพท์กลาง ในเรื่องนี้ท่านกล่าวถึงสมาธิ ๔ ประเภท คือ ๑.ฉันทสมาธิ สมาธิที่มีฉันทะเป็นใหญ่ ๒. วิริยสมาธิ สมาธิที่มีวิริยะเป็นใหญ่ ๓. จิตตสมาธิ สมาธิที่มีความตั้งใจเป็นใหญ่ ๔. วิมังสาสมาธิ สมาธิที่มีความใคร่ครวญเป็นใหญ่ ฉันทะ คือ ความต้องการจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งทางกาย วาจา หรือใจ ความต้องการดังกล่าว อาจประกอบร่วมกับโลภะก็ได้ จัดเป็นอกุศลฉันทะ คือ ฉันทะที่เป็นอกุศล หรือประกอบร่วมกับอโลภะก็ได้ จัตเป็นกุศลฉันทะ คือ ฉันทะที่เป็นกุศล (ฉันทะในการอธิษฐานปรารถนาพระนิพพานก็จัดเป็นกุศลฉันทะ เช่นเดียวกัน) เพราะฉันทะเป็นปกิณณกเจตสิกที่ประกอบกับกุศลจิตหรืออกุศลจิตก็ได้ ในที่นี้หมาย ฉันทะที่ประกอบกับศรัทธา จึงมีความเชื่อมั่นต้องการจะละกิเลสในวิปัสสนาขณะและมรรคขณะ คำว่า สังขาร แบ่งออกเป็น ๓ ประการ คือ ๑. กายสังขาร สภาพที่ร่างกายทำให้เกิดขึ้น หมายถึง ลมหายใจเข้าออกที่เนื่อง ด้วยร่างกาย เมื่อมีร่างกาย ลมหายใจเข้าออกจึงเกิดขึ้น ๒. วจีสังขาร สภาพปรุงแต่งถ้อยคำ หมายถึง วิตกและวิจาร ซึ่งทำหน้าที่ ปรุงแต่งถ้อยคำให้มีประการต่างๆ ๓. จิตตสังขาร สภาพที่ถูกจิตทำให้เกิดขึ้น หมายถึง เวทนาและสัญญา กล่าว คือ เวทนาและสัญญาเป็นสิ่งที่เนื่องด้วยจิต เมื่อมีจิต เวทนาและสัญญาจึงเกิดขึ้น เพราะมีจิตเป็นประธาน แม้ในที่นี้จะกล่าวถึงสังขาร ๓ ประการ ก็หมายถึงวิริยะที่ยังสังขารเหล่านั้นให้เกิดขึ้น จวบจนบรรลุความสำเร็จแห่งภาวนา การใช้คำในลักษณะนี้เรียกว่า ผลูปจาระ คือ ความหมายแฝงที่ได้ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |