ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

จำแนกรูปนามโดยอินทรีย์
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=65533
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 23 มี.ค. 2025, 15:20 ]
หัวข้อกระทู้:  จำแนกรูปนามโดยอินทรีย์

จำแนกรูปนามโดยอินทรีย์

ตตฺถ เย ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา, อิทํ นามรูปํ. ตตฺถ เย ผสฺสปฺจมกา ธมฺมา
อิทํ นาม. ยานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ รูปานิ, อิทํ รูปํ. ตทุภยํ นามรูปํ วิญฺญาณสมุปยุตฺตํ. ตสฺส นิโรธํ
ภควนฺตํ ปุจฺฉนฺโต อายสฺมา อชิโต ปารายเน เอวมาห-
"ปญฺญา เจว สติ จ นามรูปญฺจ มาริส
เอตํ เม ปุฎฺโฐ ปพฺรูหิ กตฺเถตํ อุปรุชฺฌตี"ติ."*

"ในบรรดาธรรมเหล่านั้น อุปาทานขันธ์ ๕ คือ รูปนาม
รูปที่เป็นอินทรีย์ ๕ (จักขุนทรีย์ โสตินทรีย์ มานินทรีย์ ชิวหินทรีย์ และกายินทรีย์)ชื่อว่ารูป
ธรรมที่มีผัสสะเป็นที่ ๕ [ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา และจิต] ชื่อว่า นาม
รูปนามทั้งสองนั้นประกอบกับจิต ท่านอชิตะทูลถามพระผู้มีพระภาคถึงการดับของ
รูปนามนั้น จึงกล่าวอย่างนี้ในปารายนวรรคว่า
'ท่านผู้นิรทุกข์ ปัญญา สติ และรูปนาม ทั้งหมดนี้ย่อมดับ ณ
ที่ใด พระองค์ที่ข้าพระองค์ทูลถามแล้วจงตรัสบอกความดับของรูปนาม
เหล่านั้น""
[พระมหากัจจายนะได้อธิบายความหมายของปัญญาและสติในบาทคาถาว่า ปญฺญา เจว สติ
จ แล้ว บัดนี้ กล่าวข้อความนี้เพื่ออธิบายรูปนามในบาทคาถาว่า นามรูปมาริส
ท่านกล่าวถึงรูปในที่นี้ว่าคืออินทริยรูป ๕ อันได้แก่ จักขุนทรีย์ โสตินทรีย์ ฆานินทรีย์
ชิวหินทรีย์ และกายินทรีย์ เพราะเป็นรูปที่ประจักษ์แก่บุคคลทั่วไป และได้กล่าวถึงนามว่า คือ ผัสสะ
เวทนา สัญญา เจตนา และจิต เพราะเป็นนามที่ประจักษ์แก่บุคคลทั่วไปเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม จิต
เจตสิก และรูปที่เหลือพึงถือเอาได้โดยความเป็นสหชาตปัจจัยเป็นต้น อนันตรปัจจัยเป็นต้น และนิสสย-
ปัจจัยพร้อมทั้งอารัมมณปัจจัยเป็นต้น การใช้คำในลักษณะนี้เรียกว่า สหจรณนัย คือ นัยที่ดำเนินไป
ร่วมกัน ดังคำว่า สาริปุตตโมคคลลานา (พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ) คำนี้หมายถึงพระสารีบุตร
ผู้เป็นอัครสาวกคู่กับพระโมคคัลลานะ ไม่ใช่พระสารีบุตรอีกรูปหนึ่งซึ่งปรากฏสมญานามว่า หัตถก-
สารีบุตร (พระสารีบุตรผู้เป็นบุตรของช่างไม้)

คำว่า ตทุภยํ นามรูปํ วิญฺญาณสมฺปยุตฺตํ (รูปนามทั้งสองนั้นประกอบกับจิต) เป็นคำกล่าว
โดยอ้อมตามที่ชาวโลกเข้าใจกันโดยทั่วไป ความจริงแล้วนามคือจิตและเจตสิกย่อมประกอบกันได้โดย
เกิดขึ้นพร้อมกัน ดับพร้อมกัน มีอารมณ์อย่างเดียวกัน และมีที่ตั้งอย่างเดียวกัน ตามปกติแล้วนามจะ
เกิดร่วมกับรูปดังที่กล่าวมานี้ แต่ประกอบกับรูปไม่ได้ ดังนั้น คำนี้จึงมิได้หมายถึงความเป็นสัมปยุตต-
ปัจจัยของรูปนาม เพราะรูปเป็นวิปยุตตปัจจัยที่ไม่ประกอบกับนาม

ในประโยคว่า เย ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา, อิทํ นามรูปํ (อุปาทานขันธ์ ๕ นี้ คือ รูปนาม) คำว่า
อิทํ ใช้เป็นนปุงสกลิงค์ เอกพจน์ ตามบทหลังว่า นามรูปํ จึงเป็นวิเสสนะของคำว่า อุปาทานกุขนธ-
ปญจกํ โดยคำว่า ปญจุปาทานกฺขนฺธา ติดตามมาจากประโยคหน้า แม้คำนี้จะเปลี่ยนรูปไปตาม นามรูปํ
ก็ไม่ถือว่าเป็นรูปอื่น เพราะมีความหมายเหมือนกัน ดังกฎทั่วไปกล่าวไว้ในคัมภีร์ปริภาเษนทุเสขระว่า
เอกเทสวิกตํ อนญฺญํว."
"ศัพท์ที่ต่างกันบางศัพท์ เป็นเหมือนมิใช่ศัพท์อื่นๆ

ไฟล์แนป:
f38288d6-0002-0004-0000-000068e50224_w1129_r1.33_fpx49.27_fpy54.89.jpg
f38288d6-0002-0004-0000-000068e50224_w1129_r1.33_fpx49.27_fpy54.89.jpg [ 128.79 KiB | เปิดดู 1325 ครั้ง ]

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/