ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

สมนันตรปัจจัย
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=65191
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 22 ธ.ค. 2024, 06:16 ]
หัวข้อกระทู้:  สมนันตรปัจจัย

๕. สมนันตรปัจจัย

สมนันตรปัจจัยนี้ กับอนันตรปัจจัยที่กล่าวมาแล้วนั้น ต่างกันที่พยัญชนะ
อักษรเท่านั้น ส่วน อรรถ คือเนื้อความหรือความหมายของปัจจัยทั้ง ๒ นี้เหมือนกัน
ทุกประการ ไม่มีผิดแผกแตกต่างกันเลย ดังที่ใน ปัฏฐานอรรถกถา แสดงไว้ว่า
โย อนนฺตรปจฺจโย เสวฺว สมมนฺตรปจุจโย พฺยญฺชนมตฺตเมว เหตฺก นามํ
อุปจยสนฺตติอาทีสุ วิย อธิวจนนิรุตฺติกาทีสุ วิย จ อตฺถโต ปน นานํ นตฺถิ ฯ

แปลความว่า ธรรมใดเรียกว่า อนันตรปัจจัย ธรรมนั้นแลเรียกว่า สมนันตร
ปัจจัย คือในที่นี้ ว่าโดยแท้จริงแล้ว ต่างกันแต่เพียงพยัญชนะเท่านั้น เช่นเดียวกับคำว่า
อุปจยะ สันตติ และคำว่า อธิวจนทุกะ นิรุตทุกะ เป็นตัน ซึ่งว่าโดยเนื้อความแล้ว ไม่มี
แตกต่างกันเลย ฯ
ที่แสดง อนันตรปัจจัยแล้ว ยังแสดง สมนันตรปัจจัยซ้ำอีก ก็เพื่อจะย้ำให้หนัก
เน้นว่า จิตที่เกิดก่อนต้องดับไปเสียก่อน แล้วจึงจะเกิดดวงทีหลังได้ เป็นดังนี้ติดต่อกันไป
โดยไม่ขาดสาย จะได้ตระหนักแน่ว่าจิตนี้ไม่ได้ตั้งอยู่ ตลอดไปจนถึงเวลาตาย จึงจะดับไป
ครั้งหนึ่ง ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว จิตเกิดดับอยู่ไม่วาย แม้ถึงเวลาตาย คือจุติจิตเกิด
ขึ้นและดับไปแล้ว ก็ยังมีปฏิสนธิจิตมาสืบต่อไม่ขาดสายลงไปได้เลย ทั้งนี้ก็ด้วยอำนาจแห่ง
อนันตรปัจจัย สมนันตรปัจจัย นี้เอง
เมื่อ สมนันตรปัจจัย มีความหมายเช่นเดียวกับอนันตรปัจจัยทุกประการก็ไม่จำเป็น
ที่จะต้องกล่าวข้อความหรืออรรถาธิบายซ้ำในที่นี้อีก

ไฟล์แนป:
ei_1733201973344-removebg-preview.png
ei_1733201973344-removebg-preview.png [ 44.21 KiB | เปิดดู 5218 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 06 ม.ค. 2025, 08:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สมนันตรปัจจัย

สมนันตรปัจจัยแม้ว่าจะมีองค์ธรรมและเนื้อความเหมือนกันกับอนันตร
ปัจจัยทุกประการ แต่ก็มีความแตกต่างกันในหน้าที่ของปัจจัย คือหน้าที่ของ
อมันตรปัจจัยนั้น จิต เจตสิกที่เกิดก่อนเป็นปัจจัยให้จิต เจตสิกดวงหลังๆ เกิด
ขึ้นติดต่อกันอยู่เสมอโดยไม่มีระหว่างว่างเว้นเลย จะเป็นอยู่เช่นนั้นเสมอมิได้
ขาดสาย ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย การที่จิตเกิดติดต่อกันอยู่เสมอ
เช่นนั้นจึงทำให้สังสารวัฏฏ์เกิดติดต่อกันอยู่เรื่อยไปไม่ที่สิ้นสุด ปัจจัยจะดับ
สิ้นสุดลงได้ก็ต่อเมื่อถึงจุติจิตพระอรหันต์เท่านั้น จึงจะสิ้นสุดสังสารวัฏฏ์
พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด

ส่วนหน้าที่ของสมนันตรปัจจัยนั้น ทำให้จิตที่เกิดขึ้นติดต่อกันนั้น
เกิดขึ้นเป็นลำดับโดยไม่สับสนกัน คือจิตที่เกิดก่อนเป็นจิตอะไร จิตที่เกิด
ขึ้นภายหลังโดยอำนาจของอนันตรปัจจัยของดวงหน้านั้น ก็จะต้องเป็นจิต
อย่างนั้น จิตอย่างอื่นจะมาเกิดติดต่อกับจิตดวงนั้นไม่ได้เลย
เช่น ปัญจทวาราวัชชนะเกิดขึ้นและดับไปแล้ว จิตที่จะมาเกิดต่อก็
ต้องเป็นทวิปัญจวิญญาณดวงใดดวงหนึ่งเกิดขึ้นต่อ จะเป็นจิตอื่นไม่ได้ เมื่อ
ทวิปัญจ วิญญาณดวงใดหนึ่งดับไปแล้ว จิตที่เกิดต่อก็จะต้องเป็นสัมปฏิจฉน
จิต จิตอื่นจะมาเกิดแทนที่ไม่ได้ เมื่อสัมปฏิจฉนจิตดับไปแล้ว จิตที่เกิดต่อก็
ต่อเป็นสันตีรณจิต จะเป็นจิตอื่นไม่ได้ดังนี้เป็นต้น อำนาจในการจัดลำดับ
ของจิตที่เกิดต่อจากคนนี่แหละเป็นอำนาจของสมนันตรปัจจัย หาใช่เป็นด้วย
อำนาจอย่างอื่นไม่ เพราะเหตุนี้อนันตรปัจจัยกับสมนันตรปัยจึงมีอำนาจ
ทั้งองค์ธรรมและเนื้อความเหมือนกัน แต่ต่างกันที่หน้าที่บางอย่างเท่านั้น ดัง
มีคำรับรองไว้ในอรรถกถาปัญจปกรณ์ว่า
โย อนนตรปจฺจเยน เสวฺว สมนฺตรปจฺจโย พยญฺชนมตฺตเมว เหตฺถ
นานํ อุปจยสนฺตติอาที่สุ วิย อธิวจนนิรุตฺติทุกาที่สุ วิย จ อตฺถโต นานํ
นตฺถิ. แปลว่า
ธรรมใดเรียกว่าอนันตรปัจจัย ธรรมนั้นแลเรียกว่าสมนันตรปัจจัย
คือทำโดยที่จริงแล้วต่างกันเพียงพยัญชนะเท่านั้น เช่นเดียวกับคำว่าอุปจยะ
สันติ และคำว่า อธิวจนทุก นิรุตติทุก เป็นต้น แต่ว่าโดยเนื้อความแล้ว
คำว่า อุปจยะ สันตติ หมายความว่าสิ่งใดเกิดขึ้นแล้วก็มีการสืบต่อ
ไปในขณะเดียวกัน เพราะฉะนั้นอุปจยะกับสันตติ จึงไม่มีความแตกต่างกันเลย
แม้คำว่า อธิวจนทุก กับนิรุตติทุก ที่มาในทุกมาติกาติกา อธิวจนทุก
หมายถึงสัททบัญญัติที่เกิดขึ้นเพราะอาศัยเสียงเพื่อให้รู้เนื้อความ (เสียงที่
เปล่งออกมาเพื่อให้รู้เนื้อความ)

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 06 ม.ค. 2025, 09:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สมนันตรปัจจัย

ส่วน นิรุตติทุก หมายถึง เสียงที่เปล่งออกมาโดยอาศัยสัททบัญญัติ
ให้เกิดเป็นภาษาต่าง ๆ (เสียงที่เปล่งออกมาเป็นภาษาต่าง ๆ ) !
ฉะนั้นความหมายของคำทั้งสองนี้ ก็ไม่มีความแตกต่างกันเลย)

แม้อนันตรปัจจัย กับสมนันตรปัจจัยนี้ก็เช่นกัน เนื้อความไม่ได้มีการ
แตกต่างกันเลย เพราะอรรถกถาจารย์กล่าวว่าการที่จิตเกิดติดต่อกันตาม
ลำดับโดยไม่มีระหว่างคั่นนั้น ย่อมเป็นไปตามธรรมเนียมของจิต เป็น
จิตตนิยาม จะต้องเป็นไปอย่างนี้ ด้วยเหตุนี้ธธรรมใดที่เป็นอนันตรปัจจัย ธรรม
นั้นก็เป็นสมนันตรปัจจัยด้วย เพราะธรรมที่เป็นสังขารธรรมแล้วย่อมเกิดขึ้น
จากเหตุจจัยทั้งนั้น แม้จิตที่เกิดขึ้นติดต่อกันไปตามลำดับก็ต้องเกิดขึ้นจาก
เหตุปัจจัยเหมือนกัน มิใช่ว่าจะเกิดขึ้นตามชอบใจ โดยไม่อาศัยเหตุปัจจัยย่อม
เป็นไปในได้ เพราะเหตุนี้การแสดงเนื้อความในสมนั้นตรปัยจึงไม่จำเป็น
ต้องอริบายซ้ำอีก เพระไม่มีอะไรแปลกกันเลยนอกจากหน้าที่ของปัจจัยเท่านั้น
แต่จะยกเอาบาลืของสมนันตรปัจจัยที่สรุปใจความโดยย่อเพื่อเป็นหลักฐาน
แห่งการมาของสมนันตรปัจจัย คือ
เยสํ เยสํ ธมฺมานํ สมมนฺตรา เย เย ธมฺมา อุปปชฺชนฺติ
จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา เต เต ธมฺมา เตสํ ธมฺมานํ สมนนฺตรปจฺจเยน
ปจฺจโย.
แปลว่า ในธรรมทั้งหลายเหล่าใด ๆ คือ จิต ๘๙ เจ.๕๒ ในธรรม
ทั้งหลายเหลำนั้น ๆ จิต เจตสิกที่เกิดก่อน (เว้นจุติจิตพระอรหันต์) ย่อม
เป็นปัจจัยแก่ จิต เจตสิกที่เกิดภายหลัง คือ จิต ๘๙ เจ.๕๒ (พร้อมด้วยจุติ
จิตพจะอรหันต์) ให้เกิดขึ้นติดต่อกัน โดยไม่มีระหว่างลั่นตามลำดับ ด้วย
อำนาจของสมนันตรปัจจัย

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/