ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
เปรียบสังขารุเบกขาญาณเหมือนกาบอกทิศ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=65030 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 02 พ.ย. 2024, 12:56 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | เปรียบสังขารุเบกขาญาณเหมือนกาบอกทิศ | ||
เปรียบสังขารุเบกขาญาณเหมือนกาบอกทิศ [๗๖๗] อนึ่ง สังขารุเบกขาญาณนี้นั้น ถ้าเห็นพระนิพพานอันเป็นสันตินติบทโดย ความเป็นธรรมมีอยู่ ชื่อว่า ย่อมสละปวัตตะ (ความเป็นไป) ฝ่ายสังขารทั้งปวงแล่นไปสู่ นิพพานทีเดียว หากว่าไม่เห็นพระนิพพานโดยเป็นธรรมมีอยู่ไซรั ก็จะมีสังขารเป็นอารมณ์ เป็นไปอยู่บ่อย ๆ ทีเดียว เหมือนกาผู้รู้จักทิศทางของพวกสมุทรพาณิชนั้นนั้น ได้ยินมาว่า พวกสมุทรพาณิชเมื่อขึ้นเรือ ย่อมเอานกที่ชื่อว่า "กาบอกทิศทาง" ไป ด้วย สมุทรพาณิชเหล่านั้น เมื่อใดเรือถูกลมชัดไปแล่นไปผิดถิ่น ฝั่งไม่ปรากฏ เมื่อนั้นก็จะ ปล่อยกาบอกทิศทาง กาบอกทิศทางนั้นจับบนเสากระโดงทะยานขึ้นสู่อากาศ บินสำรวจ ไปสู่ทิศใหญ่และทิศน้อยทุกทิศ ถ้าเห็นฝั่งก็บินมุ่งหน้าไปสู่ทิศนั้นอย่างเดียว ถ้าไม่เห็นก็ จะมาเกาะเสากระโดงนั้นอย่างเดียวบ่อย ๆ สังขารุเบกขาญาณก็ฉันนั้นเหมือนกัน ถ้าเห็น นิพพานอันเป็นสันติบทโดยความเป็นธรรมมีอยู่ ย่อมสละปวัตตะ (ความเป็นไป) ฝ่ายสังขาร ทั้งปวงแล่นไปสู่นิพพานทีเดียว หากว่าไม่เห็น ก็จะมีสังขารเป็นอารมณ์อย่างเดียวบ่อยๆ เป็นไป. วิปัสสนาญาณนี้นั้น หมือนแป้งที่ถูกขยี้อยู่ในกระดัง เหมือนฝ้ายที่ปลี่ยนเม็ดออก แล้วถูกชีอยู่ กำหนดจับสังขารโดยประการต่าง ๆ ละความกลัวและความยินดี วางตน เป็นกลางในการตรวจสอบสังขาร ตั้งอยู่ด้วยอำนาจอนุปัสสนา ๓ อย่าง เมื่อตั้งอยู่อย่างนี้ ย่อมถึงความเป็นมุขแห่งวิโมกข์ ๓ อย่าง เป็นปัจจัยเพื่อจำแนกพระอริยบุคคล ๗ จำพวก. เปรียบสังขารุเบกขาญาณเหมือนกาบอกทิศ (๗๖๗) (๒๙๘) อนึ่ง เมื่อความวางเฉยในสังขารทั้งหลาย สำเร็จอยู่ด้วยธรรม เข้มแข็ง คล่องแคล่ว และกล้าหาญ สังขารุเบกขาญาณนี้นั้น ถึงความเป็นปัจจัยแก่อนุ โลมญาณ ชื่อว่า ย่อมเห็นนิพพานโดยความเป็นธรรมมีอยู่. และสังขารุเบกขาญาณ เป็นอย่างนั้น ชื่อว่า ย่อมสละปวัตตะ (ความเป็นไป) ฝ้ายสังขารทั้งปวง แล่นไปสู่นิพพาน ทีเดียว. ก็ญาณในที่นี้นั้น ท่านกล่าวด้วยอำนาจเอกัตตนัยนำไปสู่ความเป็นอันเดียวกันกับ อนุโลมญาณและโคตรภูญาณ. ท่านอาจารย์กล่าวความที่สังขารุเบกขาญาณเป็นธรรมชาติ ยังไม่แก่กล้านั่นเองก่อนว่า หากว่าไม่เห็นพระนิพพานโดยเป็นธรรมมีอยู่ไขร้ ดังนี้ ชน เหล่าใดย่อมข้ามทะเล เหตุนั้น ขนเหล่านั้นชื่อว่า สามุทฺทิกา ผู้ข้ามทะเล (สมุทรพานิช) คือผู้มีการแล่นเรือไปเป็นที่สุด. กาผู้รู้จักทิศ ชื่อว่า ทิสากาโก (กาผู้รู้จักทิศทาง).คำนี้เป็น เพียงข้อกำหนด พึงทราบถึงนกเช่นนั้นชนิดใดชนิดหนึ่ง. คำว่า ผิดถิ่น คือ ไม่ใช่เล่น ได้แก่ สถานที่ไม่คุ้นเคยในทะเล. คำว่า บินสำรวจ คือ บินไปตามลำดับ ๆ. ตธิทํ โยค วิปสฺสนาญาณํ แปลว่า วิปัสสนาญาณนี้นั้น. คำว่า เหมือนแป้งที่ถูกขยี้ อยู่ คือ เหมือนแป้งที่ละเอียด ๆ ที่ถูกบดอยู่โดยส่วนจากแป้งที่หยาบ ๆ. บทว่า นิพฺพฏฺฏิต- กปฺปาสํ แปลว่า ฝ้ายที่ป้อนเม็ดออกแล้ว. คำว่า เหนือนถูกซีอยู่ คือ เหมือนทำให้กระจาย ออกด้วยธนูน้อย. ด้วยอุปมาทั้ง ๒ ข้อ ท่านอาจารย์กล่าวถึงความที่เป็นวิปัสสนาญาณเป็น ญาณที่ละเอียดยิ่งด้วยการพิจารณาแล้ว ๆ เล่าๆ. ก็อนุปัสสนาย่อมเป็นธรรรมชาติเข้มแข็ง คล่องแคล่ว และกลักหาญ ด้วยกำลังแห่งวิปัสสนาภาวนาด้วยประการใด ๆ ก็ย่อมเป็น ธรรมชาติแม้ละเอียดยิ่งด้วยเประการนั้น ๆ แล. คำว่า ในการตรวจสอบสังขาร ความว่า เป็นญาณวางเฉยแม้ในการตรวจสอบสังขารเหล่านั้น ยืนตัวอยู่ด้วยอำนาจอนุปัสสนา ๓ อย่าง เพราะไม่มีประการอย่างอื่น ๆ เหมือนอย่างเพราะความที่การค้นคว้าถึงขั้นสุดยอด ในสังขารทั้งหลาย. ก็ประการแห่งอนุปัสสนาแม้จำแนกไว้ด้วยคำมีอาทิว่า ๗ ประการ ๑๘ ประการ ดังนี้ ก็หยั่งลงภายในในอนิจจานุปัสสนาเป็นต้นนั่นเอง เพราะเหตุนั้น วิปัสสนา ที่ถึงยอดจึงตั้งอยู่ด้วยอำนาจแห่งอนิจจานุปัสสนาเป็นต้นเหล่านั้นนั่นเอง
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |