ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ธรรมภายใน http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=64995 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 23 ต.ค. 2024, 11:16 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | ธรรมภายใน | ||
การวินิจฉัยโดยประเภทแห่งธรรมทั้งหลายที่อยู่ภายใน [๕๖๔] ข้อว่า โดยประเภทแห่งธรรมทั้งหลายที่อยู่ภายใน ความว่าก็เว้นตัณหา และธรรมที่ไม่มีอาสวะ ธรรมทั้งปวงที่เหลือหยั่งลงภายในในทุกสัจ ตัณหาวิจริต ๓๖ หยั่งลงภายใน ในสมุทัยสัจ กถาโดยพิสดารแห่งสัจจะ นิโรธสัจไม่เจือปน (กับอะไร). วิมังสิทธิบาท ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ เป็นธรรมที่หยั่งลง ภายใน ในมรรคสัจ โดยหัวข้อคือ สัมมาทิฏฐิ, วิตก ๓ มีเนกขัมวิตกเป็นต้น หยั่งลงภาย ในในมรรคสัจ โดยอ้างถึงสัมมาสังกัปปะ. วจีสุจริต ๔ ก็หยั่งลงภายในในมรรคสัจ โดย อ้างถึงสัมมาวาจา กายสุจริต ๓ ก็หยั่งลงภายใน ในมรรคสัจ โดยอ้างถึงสัมมากัมมันตะ อัปปิจฉตาและสันตุฏฐิกา ก็หยั่งลงใน ในมรรคสัจ โดยหัวจ้อคื สัมมาอาชีวะ อีก อีกอย่างหนึ่งเพราะมีสัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ ทั้งหมดนี้ทีเดียวเป็นอริยะ กันตศีล และเพราะอริยกันตศีลจะพึงถือเอาด้วยหัตถ์คือศรัทธา สัทธินทรีย์ สัทธาพละ และฉันทิทธิบาท จึงหยั่งลงภายในในมรรคสัจ เพราะสัทธินทรีย์ สัทธาพละ และฉันทิทธิ- บาทเหล่านั้นมี อริยกันตศีลจึงมี, สัมมัปปธาน ๔ อย่าง วิริยิทธิบาท วิริยินทรีย์ วิริยพละ และวิริยสัมโพชฌงค์ หยั่งลงภายในในมรรคสัจ โดยอ้างถึงสัมมาวายามะ. สติปัฏฐาน ๔ อย่าง สตินทรีย์ สติพละ สติสัมโพชฌงค์ หยั่งลงภายในในมรรคสัจ โดยอ้างถึงสัมมาสติ. สมาธิ ๓ มีสวิตักกสวิจารสมาธิเป็นต้น จิตตสมาธิ สมาธินทรีย์ สมาธิพละ ปีติสัมโพชฌงค์ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ สมาธิสัมโพชฌงค์ อุเบกขาสัมโพชฌงค์ หยั่งลงภายในในมรรคสัจ โดยอ้างถึงสัมมาสมาธิ, พึงทราบวินิจฉัยแม้โดยประเภทแห่งธรรมที่หยั่งลงภายในในอริยสัจนี้ ด้วยประการ ดังกล่าวมาฉะนี้ พรรณนาการวินิจฉัยประเภทแห่งธรรมที่หยั่งลงภายใน (๕๖๔] คำว่า ธรรมทั้งปวงที่เหลือ ได้แก่ โลกิยธรรมที่เหลือ ๘๑. ตัณหา ๓ หมวด ๑๒ หน คือ กามตัณหา ภวตัณหา และวิภวตัณหา อยู่ในอายตนะ ๑๒ ทั้งภายใน และภายนอก ชื่อว่า ตัณหาวิจริต ๓๖ หรือตัณหาวิจริตที่มิได้บ่งถึง การจำแนกกาลตรัส ไว้ตามนัยที่มาในคัมภีร์ขุททกวิภังค์. เพราะในการระบุถึงการจำแนกกาลนั้น ก็เป็นตัณหา- วิจริต ๑๐๘. คำว่า นิโรธสัจไม่เจือปน คือ ไม่เจือปนกับอะไร ๆ เพราะความที่นิโรธสัจเป็นหมวด เดียว อธิบายว่า ประเภทที่หยั่งลงภายในในนิโรธสัจนั้นจักมีมาแต่ไหน. แม้เมื่อโพธิปักขิย- ธรรมมีวิมังสิทธิบาทเป็นต้นจะต่างกันโดยกิจอยู่ โดยอรรถก็สงเคราะห์เข้าด้วยสัมมาทิฏฐิ
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 23 ต.ค. 2024, 12:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมภายใน |
พราะความเป็นอันเดียวกัน เพราะฉะนั้น ท่านจึงกล่าวความที่โพธิปักขิยธรรมมีวิมังสิทธิ- บาทเป็นต้น เป็นธรรมที่หยั่งลงภายในในมรรคนั้น โดยมุขคือ สัมมาทิฏฐิ. (๑๐๐) คำว่า วิตก ๓ มีเมกขัมมวิตกเป็นต้น ความว่า ในขณะที่เป็นโลกีย์ วิตก จำแนกด้วยอำนาจการประกอบด้วย อโลภะ เมตตา และกรุณา ในขณะแห่งมรรค วิตกมี ๓ อย่าง ด้วยอำนาจการตัดด้วย โลภะ พยาบาท และวิจิกิจฉา ได้เด็ดขาด เพราะฉะนั้น ท่าน จึงกล่าวว่า วิตกแม้ข้อเดียวก็มี. ในสัมมาวาจาเป็นต้น ก็มีนัยนี้. ก็เพราะเมื่อความมักน้อย และความสันโดษมี สัมมาอาชีวะจึงมี บัณฑิตพึงเห็นการรวมเอาความมักน้อยและความ สันโดษนั้นเข้ากับสัมมาอาชีวะนั้น อริยกันตศีลเหล่านั้น พึงถือเอาด้วยหัตถ์คือศรัทธาด้วย เพราะการถือเอาศีลอันชื่อว่า อริยกันตะ เหตุที่พระอริยะทั้งหลายไม่พึงล่วงละเมิดแม้ใน ภพอื่นแม้เพราะเหตุแห่งชีวิต ซึ่งได้แก่ศีลมีสัมมาวาจาเป็นต้น หัตถ์คือศรัทธานั้นก็ย่อมเป็น อันถือเอาด้วยทีเดียว เพราะฉะนั้น สัทธินทรีย์และสัทธาพละซึ่งมิใช่อื่นไปจากอริยกันตศีล นั้น ท่านจึงกล่าวว่า หยั่งลงภายในในมรรคสัจนั้น เพราะอธิบายว่า ก็ฉันทะเป็นคุณที่ดำ เนินตามศรัทธา ท่านจึงกล่าวว่า แม้ว่าฉันทะหยั่งลงภายในในมรรคสัจนั้น. สองบท ว่า เตสํ อตฺถิตาย ความว่า เพราะความที่ศีลจะมิได้ก็โดยเหตุที่มี สัทธินทรีย์ สัทธาพละ และฉันทิทธิบาท ท่านจึงถือเอาธรรมทั้ง ๓ อย่าง นั้นด้วยศีลทั้ง ๓ อย่าง เพราะฉะนั้น ธรรมทั้ง ๓ อย่าง จึงหยั่งลงภายในในมรรคสัจนั้น. ท่านอาจารย์เรียก จิตติทธิบาท ว่า จิตตสมาธิ. จริงอยู่ สมาธิท่านกล่าวด้วยหัวข้อว่า จิตตะ เช่นในคำว่า จิตฺตํ ปญฺญญฺจ ภาวยํ เพราะฉะนั้น แม้จิตก็ควรซึ่งภาวะที่จะพึงกล่าวด้วยหัวข้อคือสมาธิ. ก็แม้สมาธิย่อมเป็น ธรรมมีประมาณยิ่งด้วยการเจริญจิตติทธิบาท เพราะฉะนั้น ท่านจึงไม่เรียกว่าเป็น จิตติท- ธิบาท เหมือนอย่างเรียกวิมังสิทธิบาทเป็นต้น แล้วเรียกว่า จิตตสมาธิ ในที่นี้. ปีติและ ปัสสัทธิ เป็นอุปการะแก่สมาธิ โดยพระบาลีว่า กายของผู้มีใจประกอบด้วยปิติ ย่อมระงับ บุคคลผู้มีกายระงับแล้ว ย่อมเสวยสุข จิตของบุคคลผู้มีความสุข ย่อมเป็นสมาธิ เพราะ ฉะนั้น ท่านจึงถือเอาด้วยศัพท์ว่า สมาธิ. ส่วนอุเบกขา ท่านก็ถือเอาด้วยศัพท์ว่า สมาธิ เพราะมีอุปการะแก่สมาธิ และเพราะมีกิจเหมือนกับสมาธินั้น เพราะฉะนั้น พึงเห็นความที่ ธรรมเหล่านี้เป็นสภาวะที่หยั่งลงภายใน โดยศัพท์อันเป็นประธานคือสมาธิ.
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |