ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
นิพพานกถา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=64746 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 30 ก.ค. 2024, 13:55 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | นิพพานกถา | ||
นิพพานกถา (๕๕๗) หากจะมีผู้แย้งว่า นิพพานไม่มีเอาทีดียว เพราะเป็นสิ่งที่หาไม่ได้เหมือน เขากระต่าย ? คำตอบพึงมีว่า ไม่ใช่ไม่มี เพราะนิพพานเป็นสิ่งที่หาได้ด้วยอุบาย แท้จริง นิพพาน นั้นย่อมหาได้ด้วยอุบายคือการปฏิบัติอันสมควรแก่นิพพานนั้น เหมือนโลกุตตรจิตของคน เหล่าอื่น พระอริยะรู้ได้ด้วยเจโตปริยญาณ เพราะเหตุนั้น ข้อว่า "นิพพานไม่มี เพราะหา ไม่ได้" ใคร ๆ ไม่ควรกล่าว ด้วยว่า ใคร ๆ ไม่ควรกล่าวว่า "พวกปุถุชนคนโง่ทั้งหลาย ย่อมหาไม่ได้ซึ่งสิ่งใด สิ่งนั้นก็ไม่มี" (๕๕๗) (๙๕) คำว่า นิพพานไม่มีเอาทีเดียว มีความว่า ถ้ารับรู้กันโดยสามัญ แม้นิพพานที่ตนประสงค์ก็จะต้องไม่มี เมื่อเป็นอย่างนั้นก็จะผิดการรับรู้ไป. ถ้าเล็งถึง นิพพานที่คนอื่นเข้าใจกัน เมื่อเป็นอย่างนี้ก็จะเป็นความไม่สำเร็จที่ถูกธรรม และเพราะเหตุ นั้น ก็จะเป็นเหตุที่ไม่สำเร็จโดยธรรมเป็นที่อาศัย. คำว่า เพราะเป็นสิ่งที่หาไม่ได้ ความว่า เป็นสิ่งที่หาไม่ได้โดยประจักษ์หรือ หรือว่าโดยอนุมาน ? ในฝ่ายแรก ก็เป็นความที่มีอยู่ โดยส่วนมิใช่น้อยทางทวาร มีจักษุทวารเป็นต้น ในฝ่ายที่สอง ก็เป็นเหตุที่ไม่สำเร็จได้โดย เล็งผู้อื่น. ด้วยเหตุนั้น ท่านอาจารย์จึงกล่าวคำมีอาทิว่า ไม่ใช่ไม่มี เพราะนิพพานเป็นสิ่ง ที่หาได้ด้วยอุบาย. ในคำนั้นมีอุปมาว่า พระอริยะทั้งหลายผู้ได้เจโตปริยญาณเท่านั้น ย่อม รู้โลกุตตรจิตของพระอริยะเหล่าอื่น ก็แม้ในพระอริยะเหล่านั้น พระอรหันต์เท่านั้นจึงรู้ โลกุตตรจิตของพระอริยะทั้งหมด หาใช่พระอริยะทั้งหมดจะรู้ไม่ ข้อนี้อันใด แม้พระนิพพานก็ เหมือนฉันนั้น ย่อมจะได้โดยอุบายที่เป็นสัมมาปฏิบัติ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เพราะเหตุนั้น ข้อนี้จึงพึงเห็นได้ว่า เป็นถ้อยคำที่แสดงถึงความหมาย ไม่ใช่ถ้อยคำที่แสดงถึงประโยค คำนั้นจักมีแจ้งข้างหน้า. l๕๕๘] อีกประการหนึ่ง ข้อว่า นิพพานไม่มี ใคร ๆ ไม่ควรจะกล่าว เพราะเหตุ ไร ? เพราะการปฏิบัติต้องเป็นหมัน เพราะเมื่อนิพพานไม่มีสัมมาปฏิบัติซึ่งสงเคราะห์ด้วย ขันธ์ ๓ มีศีลเป็นต้น อันมีสัมมาทิฏฐิเป็นเบื้องหน้า ก็ต้องเป็นหมัน อนึ่ง สัมมาปฏิบัติที่นี้ที่นี้หา เป็นหมันไม่ เพราะทำให้ถึงนิพพาน. หากจะถามว่า การปฏิบัติไม่ถึงความเป็นหมันดอก เพราะทำให้ถึงความไม่มี ตอบว่า ไม่ใช่ เพราะเมื่อไม่มีขันธ์อดีตและอนาคต การบรรลุนิพพานก็ไม่มี หากจะถามว่า แม้ขันธ์ที่เป็นปัจจุบันทั้งหลายไม่มี ก็เป็นนิพพาน ตอบว่า ไม่ใช่ เพราะขันธ์ปัจจุบันเหล่านั้น ก็ไม่มีความไม่มี และเมื่อไม่มี ก็เป็น ขันธ์ที่ปัจจุบันไม่ได้ และเพราะจะขัดกันตรงที่ไม่มีการบรรลุสอุปาทิเสนิพพานธาตุ ในขณะ แห่งมรรคที่อาศัยขันธ์ปัจจุบัน. หากจะมีคำถามว่า เพราะกิเลสไม่มีอยู่ในเวลานั้น. ตอบว่า ไม่ใช่ เพราะอริยมรรคก็ต้องเป็นความไร้ประโยชน์ เพราะเมื่อเป็นอย่างนี้ แม้ก่อนขณะอริยมรรคกิเลสทั้งหลายก็ไม่มี อริยมรรคก็ต้องเป็นความไร้ประโยชน์ เพราะ เหตุนั้น ข้อนี้จึงไม่ใช่เหตุอันควรมี. [๕๕๘] ข้อว่า นิพพานไม่มี ใคร ๆ ไม่ควรจะกล่าว อธิบายว่า นิพพานอันเพราะ อริยะทั้งหลายจะพึงได้. นัยนี้สำเร็จได้ด้วยสิทธิทั้งหมดว่า บุคคลทั้งหมดผู้มีใจสลดแล้ว จากสังสารวัฏ ย่อมบรรลุนิพพานได้ด้วยสัมมาปฏิบัติ. ในคำเฉลยนั้นท่านอาจารย์กล่าวว่า เพราะการปฏิบัติต้องเป็นหมัน ดังนี้ เพราะอาศัยการปฏิบัติทางศาสนานั่นเอง. ด้วยเหตุ นั้น ท่านอาจารย์จึงกล่าวว่า เพราะเมื่อนิพานไม่มี ดังนี้เป็นต้น. บทว่า สมฺมาทิฏฺฐิปุเรชวาย แปลว่า มีสัมมาทิฏฐิเป็นเบื้องหน้า. ก็ความที่สัมมา- ทิฏฐินั้นเป็นเบื้องหน้า ก็เพราะความที่สัมมาทิฏฐินั้นเป็นประธาน. จริงอย่างนั้น สัมมาทิฏฐิ
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 06 ส.ค. 2024, 16:32 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: นิพพานกถา | ||
นั้น พระผู้มีพระภาคทรงยกขึ้นสู่เทศนาก่อน มิใช่เพราะเกิดขึ้นก่อนธรรมทั้งหมด อนึ่ง สัมมาปฏิบัตินี้พาเป็นหมันไม่ เพราะทำให้ถึงมีพิพพาน คือเพราะยังพระนิพพานให้ถึงพร้อม มี คำประกอบความว่า แต่ตามมติของท่านก็จะต้องเป็นหมัน เพราะพระนิพพานนั่นเองไม่มี. คำว่า เพราะทำให้ถึงความไม่มี อธิบายว่า หากอาจารย์ผู้ท้วงจะพึงกล่าวว่า เพราะ ความที่สัมมาปฏิบัติ เป็นกิริยาที่ให้ถึงพร้อมซึ่งความไม่มีแห่งขันธ์ทั้งหลาย ด้วยการถอน กิเลสได้เด็ดขาดเป็นสำคัญ หาใช่ต้องเป็นหมันไม่. ศัพท์ว่า น เป็นไปในความปฏิเสธ ความว่า ข้อใดที่ท่านกล่าวว่า เพราะการปฏิบัติ ทำให้ถึงความไม่มีตัว ก็โดยยอมรับว่า ความไม่มีขันธ์ ชื่อว่า นิพพาน ข้อนั้นไม่ใช่. เพราะเหตุไร ? เพราะเมื่อไม่มีขันธ์อดีตและขันธ์อนาคต การบรรลุนิพพานก็ไม่มี. จริงอยู่ ขันธ์ ที่เป็นอดีตและอนาคตย่อมไม่มี เพราะเหตุนั้น นิพพานก็จะพึงชื่อว่าเป็นอันได้บรรลุแล้ว เพราะความไม่มีนั้น แต่ความไม่มีนั้นก็ย่อมไม่มี. ไม่ใช่แต่ขันธ์อดีตและขันธ์อนาคตอย่าง เดียวเท่านั้น โดยที่แท้ แม้ขันธ์ปัจจุบันด้วย เพราะเหตุนั้น ความไม่มีแห่งขันธ์ทั้งหมดที่มี อยู่ในอัทธาทั้ง ๓ จึงชื่อว่า นิพพาน. จริงอยู่ นิทพานนั้นสมควรจะเป็นความไม่มีแต่บางส่วนก็หามิได้ เพราะหตุนั้น หาก เป็นขันธ์ปัจจุบัน จะว่าไม่มีก็ไม่ใช่ ถ้าหากว่าไม่มี ก็ไม่เป็นขันธ์ปัจจุบัน เพราะเหตุนั้น ข้อนี้ ว่า ขันธ์ปัจจุบันด้วย และว่า ไม่มีอยู่ด้วย จึงเป็นข้อขัดแย้งกัน เพราะเหตุนั้น ท่านอาจารย์ ผู้เฉลยจึงกล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะขันธ์ปัจจุบันเหล่านั้น ก็ไม่มีความไม่มี และเมื่อไม่มี ก็เป็น ขันธ์ปัจจุบันไม่ได้. จะกล่าวเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย ถ้าว่าความไม่มีปัจจุบันเป็นนิพพานไซร้ ความไม่มี นิพพานก็จะพึงมีในกาลนั้น เพราะอธิบายว่า อริยมรรคเป็นไปอยู่ในกาลใด ขันธ์อันเป็นที่ อาศัยของอริยมรรรคนั้น ในกาลนั้นก็เป็นกันก็ปัจจุบัน ท่านอาจาจย์เมื่อจะแสดเมื่อ เป็นอย่างนั้น การะทำให้เห็นแจ้งซึ่งนิพพานแม้ใขณะแห่งมรรค ก็จะต้องไมมี จึงกล่าวว่า และเพราะจะขัดกันตรงที่ไม่มีการบรรลุสอุปาทิเสสนิพพานธาตุ ในขณะแห่งมรรคที่ อาศัยขันธ์ปัจจุบัน ข้าพเจ้าจะกล่าวนิพพานเพราะความที่ขันธ์ทั้งหมดที่เดียวไม่เป็นปัจจุบัน ก็หามิได้
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 07 ส.ค. 2024, 18:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นิพพานกถา |
หากจะมีคำถามว่า เพราะอะไรเล่า ? ก็จะมีคำตอบว่า เพราะกิเลสไม่มีอยู่ในเวลานั้น คือ ในขณะแห่งมรรค. จึงถามต่อไปว่า เพราะไม่มีอยู่ คือ ไม่มีความแย้งกันกับคำถามที่กล่วมาแล้ว เพราะ เหตุดังนั้น ? ข้อนี้ตอบว่า ถ้าความไม่มี กล่าวคือความที่กิเลสไม่เป็นไปกับนิพพานไซร้ เมื่อเป็น อย่างนี้ อริยมรรคก็ต้องเป็นความไร้ประโยชน์ เพราะความแม้ก่อนแต่ขณะแห่งมรรค ก็สำเร็จ ความไม่มีแต่แห่งกิเลสนั้น ด้วยเหตุนั้น ท่านอาจารย์จึงกล่าวว่า อริยมรรคก็ต้องเป็นความ ไร้ประโยชน์ ดังนี้เป็นต้น. คำว่า เพราะเหตุนั้น ข้อนี้จึงไม่ใช่เหตุกันควรมี ความว่า เพราะพระนิพพานจะเป็น สิ่งที่หาไม่ได้ก็หาไม่ จะต้องเป็นเพียงความไม่มีก็หาไม่ และการปฏิบัติจะเป็นหมันก็หาไม่ และเมื่อไม่มีขันธ์ในอดีตและในอนาคตเรา จะต้องบรรลนิพพานก็หาไม่ ทั้งความไม่มีแห่งขันธ์ ที่เป็นปัจจุบันก็ไม่สำเร็จ จะปวยกล่าวไปใยถึงความที่กิเลสเป็นไม่เป็นไปอยู่ และอริยมรรคก็จะ ต้องไร้ประโยชน์ไปเล่า ฉันั้น เหตุนี้ใดที่่ท่านกล่าวไว้ว่า พระนิพพานเป็นสื่งที่หาไม่ใด้ เพราะ การปฏิบัติทำให้มีความไม่มี และเพราะกินเลสไม่เป็นไปอยู่ในเวลานั้น เพื่อจะให้สำเร็จความ ไม่มีแห่งนิพพาน เหตุนี้ไม่ใช่เหตุอันควร อธิบายว่า ข้อนี้ไม่เหนาะสม. [๕๕๙] หากจะมีคำถาถามว่า "ความสิ้นไปเป็นนิพพาน" เพราะมีพระบาลีว่า "ดูกร อาวุโส ความสิ้นไปแห่งราคะใดแล" ดังนี้เป็นต้น ตอบว่า ไม่ใช่ เพราะแม้อรหัตต์ก็จะต้องเป็นแต่เพียงความสิ้นไปเท่านั้น ด้วยว่า อรหัตต์แม้นั้น ท่านพระสารีบุตรได้นิทเทสไว้โดยมีอาทิว่า "ดูกรอาวุโสความสิ้นราคะ อันใดแล" ดังนี้ ยังมีคำที่ควรจะกล่าวยิ่งขึ้นไปอีกนิดหน่อย เพราะพระนิพพานจะมีข้อเสีย เกี่ยวกับถึงความเป็นธรรมชาติมีกาลอันสิ้นไป.เป็นต้น จริงอยู่ เมื่อเป็นอย่างนี้ นิพพาน ก็ย่อมต้องเป็นธรรมชาติมีกาลอันสั้น เป็นธรรมชาติมีลักษณะเป็นสังขตะ และความเป็น ธรรมชาติที่จะพึงบรรลุได้ไตยไม่เล็งถึงสัมมาวายามะ และเพราะนิพพานมีลักษณะเป็น สังขตะนั่นเอง ก็จะเป็นธรรมชาตินับเนื่องอยู่ในสังขตะ เพราะเป็นธรรมชาตินับเนื่องใน สังขตะ ก็จะร้อนไปด้วยไฟทั้งหลายมีราคะเป็นต้น และเพราะร้อนไปก็ต้องกล่าวว่าเป็นทุกข์ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |