ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
จักขุปสาท http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=64684 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 01 ก.ค. 2024, 07:29 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | จักขุปสาท | ||
การกำหนดรู้จักขุปสาท การที่โยคีรู้ว่าปสาทตาดีพอที่จะทำให้สีปรากฏ ก็ดี การรู้ว่าปสาทตาดี ก็ดี นี้เรียกว่าเป็นการรู้ลักษณะของจักขุปสาทได้ตามความเป็นจริง นี่แหละคือการรู้ สภาวะลักษณะของรูปตาที่มีความใส ซึ่งเรียกว่า จักขุปสาท แม้ในเรื่องของปสาท อื่นๆเช่น โสตปสาท ก็พึงทราบโดยทำนองเดียวกัน การที่โยคีรู้ว่า จักขุปสาทเป็น ตัวนำจิตให้เข้าถึงรูปสีที่เรียกว่า วรรณะก็ดี การที่รู้ว่า จักขุปสาท ก่อให้เกิดการ เห็น ก็ดี เรียกว่าเป็นการรู้รสะของจักขุปสาทนั้น ตามความเป็นจริง ซึงสอดคล้อง กับคำกล่าวที่ว่า "รูเปสุ อาวิญฺชนรโส จักขุปสาทมีหน้าที่ดึงจิตเข้าไปสู่รูปารมณ์ หรือที่เรียกว่า " สี " จักขุปสาทนั้นทำหน้าที่ดึงจิตสู่รูปารมณ์นั่นเอง นั่นก็คือ ก่อให้ เกิดการเห็นรูปารมณ์นั้น เพราะฉะนั้น เพื่อให้โยคีผู้ปฏิบัติได้เกิดความเข้าใจง่าย จึงได้ใช้คำาอธิบายที่หลากหลาย เช่น จักขุปสาทผู้ส่งจิตไปสู่รูปารมณ์ หรือผู้ทำให้ เกิดการเห็นดังนี้เป็นต้นซึ่งเป็นคำแปลที่อาจจะไม่ตรงกับโครงสร้างทางไวยากรณ์นัก แต่ก็ถือว่าเป็นความหมายที่ถือเอาได้โดยอธิบาย เพราะฉะนั้น คำแปลในเรื่อง ต่อไปก็อาจจะแปลโดยทำนองเดียวกันนี้ การที่โยคีรู้ว่า นี่เป็นที่ตั้งแห่งการเห็น ก็ดี รู้ว่าการเห็นเกิดขึ้นจากสิ่งนี้หรือ เริ่มต้นจากสิ่งนี้ ก็ดี เรียกว่าเป็นการรู้ปัจจุปัฎฐานของจักขุปสาทนั้น ตามความ เป็นจริง ก็การรู้ถึงสาเหตุคือรู้ว่าเนื้อปสาทตาซึ่งเรียกว่า "รูปหยาบที่ปรากฎเกิด ด้วยอำนาจของกรรม" หรือที่เรียกว่า กัมมชภูตรูป นั้น ว่า จักขุปสาทนี้เกิดขึ้น เพราะมีรูปตาเนื้อนี้เป็นเหตุ ดังนี้ เรียกว่า เป็นการรู้ปทัฏฐานของจักขุปสาทนั้น ตามความเป็นจริง
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 01 ก.ค. 2024, 10:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จักขุปสาท |
การกำหนดรู้รูปายตนะ การที่โยคีรู้รูปที่เป็นสีสันได้ตามความเป็นจริง เช่น รู้ว่าคือรูปสีสันปรากฏ ในจักขุปสาท เรียกว่าเป็นการรู้ลักษณะ ของรูปายตนะตามความเป็นจริง รู้ว่าานี่คือ สิ่งที่ปรากฎให้เห็นได้ เรียกว่าเป็นการรู้รสะของรูปายตนะนั้นตามความเป็นจริง รู้ว่านี่คือวิสัยหรือที่โคจรของการเห็น ก็ดี รู้ถึงการเกิดขึ้นของการเห็นว่ามาจาก สิ่งนี้ ก็ดี เรียกว่าเป็นการรู้ปัจจุปัฏฐานของรูปายตนะตามความเป็นจริง ว่า จักสุปสามเกิดขึ้นโดยอาสัยรูปทีเป็นฐานกล่าวคือภูตรูป เรียกว่าเป็นการรู้ปทัฏฐาน ของรูปายตนะตามความเป็นจริง ตามที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ พีงทราบว่า เป็นการรู้ สภาวธรรมที่เรียกว่า ลักขณาทิจตุกกะ(สาระที่ควรรู้ ๔ ประการมีสักษณะเป็นต้น) อย่างใดอย่างหนึ่ง ของรูปายตนะ ซึ่งสอดคล้องกับพระไตรปิฎกสติปัฏฐานสูตรที่ว่า จกฺขุญฺจ ปชานาติ รูเป จ ปชานาติ. และสอดคล้องกับคัมภีร์อัฏฐกถาของ สติปัฏฐานสูตรดังกล่าวที่ว่า จกฺปสาทํ รูปญฺจ ยาถาวสลกฺขณวเสน ปชานาติ โยคีย่อมรู้จักขุปสาทและรูปารมณ์ตามความเป็นจริงโดยกิจจะและลักษณะที่เกิดขึ้น ตามที่เป็นจริง บางท่านพิจารณากำหนดรูปทั้งหลาย โดยอาศัยจุณณมนสิการซึ่งได้แสดง ไว้ในเรื่องของธาตุววัตถานสมถะและนำมาใช้ในการพิจารณาในเรื่องของวิปัสสนา ให้มองเห็นรูปารมณ์นั้นเป็นของละเอียดดุจผุยผง ซึ่งการนำมาพิจารณาโดยการ อาศัยจุณณมนสิการจากสมถะดังกล่าวมิใช่เป็นการรู้ลักษณะรสะปัจจุปัฏฐานของรูป ตามความเป็นจริง จึงไม่ควรนำมาใช้พิจารณา |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 01 ก.ค. 2024, 15:47 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: จักขุปสาท | ||
การทำหนดรู้จักขุวิญญาณ โยคีผู้รู้ซึ้งถึงสภาพการเห็นได้ตามความเป็นจริงนั้น ย่อมรู้โดยนัยนี้คือ (๑) ย่อมรู้ลักษณะของจักขุวิญญาณดังนี้ว่า เป็นการรู้ที่มาจากภายในจักษุ เป็นการ รัรูปารมณ์ (๒) ย่อมรู้รสะหรือกิจของจักขุวิญญาณดังนี้ว่า เป็นเพียงการรับเอารูป เท่านั้นเป็นอารมณ์หรือเป็นเพียงแค่สภาพการเห็นเท่านั้น (๓) ย่อมรู้ปัจจุปัฏฐาน ของจักขุวิญญาณดังนี้ว่า จักขุวิญญาณนี้ย่อมมุ่งหน้าไปหาอารมณ์ (๔) ย่อมรู้ ปทัฏฐานของจักขุวิญญาณดังนี้ว่าจักขุวิญญาณนี้ย่อมเห็นรูปารมณ์เพราะมีมนสิการ "การเอาใจใส่ในอารมณ์" เป็นเหตุ หรือ เพราะมีจักษุและรูปารมณ์อยู่ จักขุวิญญาน จึงสามารถเห็นได้ หรือเพราะกรรมดีกรรมชั่วให้ผล จักขุวิญญาณจึงเห็น หลักฐานที่มาในพระบาลี มีดังนี้ (๑) รูปารมุมณาย กิริยมโนธาตุยา อปคมปทฎฺฐานํ. (ขนฺธนิทฺเทส) (๒) สงฺขารปทฎฺฐานํ วตฺถารมฺมณปทฎฺฐานํ วา. (ปฏิจจสมุปฺปาทวณฺณนา)
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 11 ก.ค. 2024, 13:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จักขุปสาท |
การกำหนดรู้จักขุสัมผัส โยคีผู้รู้ซึ้งถึงสภาพการกระทบสัมผัสทางจักขุได้ตามความเป็นจริงนั้นย่อมรู้ โดยนัยดังนี้ (๑) ย่อมรู้ลักษณะของจักขุสัมผัสดังนี้ว่า เป็นการกระทบสัมผัสกับ รูปารมณ์ (๒) ย่อมรู้รสะหรือกิจของจักขุสัมผัสดังนี้ว่า เป็นเพียงการกระทบสัมผัส กับรูปารมณ์เท่านั้น (๓)ย่อมรู้ปัจจุปัฏฐานของจักขุสัมผัสดังนี้ว่าเป็นเพียงการประชุม กันแห่งจักขุปสาท รูปารมณ์ และจักขุวิญญาณ (๔) ย่อมรูปทัฏฐานของจักขุสัมผัส ดังนี้ว่า จักขุสัมผัสนี้ย่อมเกิดขึ้นได้เพราะรูปารมณ์ปรากฎ การกำหนดรู้สุขเวทนา โยคีผู้รู้ซึ้งถึงสภาพความสุขอันเนื่องมาจากการเห็นได้ตามความเป็นจริงนั้น ย่อมรู้โดยนัยดังนี้ (๑) ย่อมรู้ลักษณะของสุขเวทนาดังนี้ว่า เป็นความรู้สึกที่ดีที่ได้ เห็นรูปารมณ์ดังกล่าว (๒) ย่อมรู้รสะหรือกิจของสุขเวทนาดังนี้ว่า เป็นเพียงการ เสวยอารมณ์โดยลักษณะอาการที่ดี (๓) ย่อมรู้ปัจจุปัฏฐานของสุขเวทนาดังนี้ว่า เป็นปรากฏการณ์อันนำยินดีที่มาจากภายในจิตใจ (๔) ย่อมรู้ปทัฏฐานของสุขเวทนา นี้ว่า รู้สึกดีเพราะจิตสงบหรือรู้สึกดีเพราะได้กระทบสัมผัสกับรูปารมณ์ที่ดี รู้สึกดีเพราะได้กระทบสัมผัสกับสิ่งที่ต้องการเห็น |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |