ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ปฏิจจสมุปบาทแสดงไว้ ๒ นัย http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=64263 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 11 ต.ค. 2023, 05:57 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | ปฏิจจสมุปบาทแสดงไว้ ๒ นัย | ||
ปฏิจจสมุปบาทนัยมี ๒ อย่าง คือ สุตตันตนัย และ อภิธรรมนัย ลำดับแรก ตามสุตตันตนัย อวิชชามี ๔ อย่าง คือ ๑. อวิชชาที่ปิดบังความเป็นทุกข์ ๒. ปิดบังความเป็นสมุทัย ๓. ปิดบังความเป็นนิโรธ ๔. ปิดบังความเป็นมรรค ส่วนตามอภิธรรมนัย อวิชชามี ๘ อย่าง คือ (อวิชชา ๔ อย่างแรก]พร้อมทั้ง อวิชชา ๔ คือ ๑. อวิชชาที่ปิดบังส่วนแรก (ภพก่อน) . ปิดบังส่วนหลัง (ภพต่อไป) ๓. ปิดบังทั้งส่วนแรกและส่วนหลัง (ภพก่อนและภพต่อไป) ๔. ปิดบังปฏิจจสมุปบาท (การเกิดขึ้นอาศัยเหตุปัจจัยของขันธ์ไนภพปัจจุบัน) (สุตตันตนัย คือ สุตตันตภาชนียนัย (นัยจำแนกตามพระสูตร) ที่ปรากฎในคัมภีร์วิภังค์ อภิธรรมนัย คือ นัยที่แสดงไว้ในพระอภิธรรมบิฎกโดยทั่วไป)
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 11 ต.ค. 2023, 07:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิจจสมุปบาทแสดงไว้สองนัย |
ตามสุตตันตนัย สังขาร คือ เจตนาที่เป็นกุศลและอกุศลชื่งเป็นไปกับด้วยอาสวะ มี ๓ อย่าง คือ ๑. อปุญญาภิสังขาร คือ เจตนาในอกุศลจิต (อกุ. ๑๒) ๒. ปุญญาภิสังขาร คือ เจตนาในกุศสจิตที่เป็นกามาวจรและและรูปาวจร(มหา.กุ. ๘ รูป.กุ. ๕) ๓. อาเนญชาภิสังขาร คือ เจตนาในอรูปาวจรกุศล(อรูป.กุ.๔) ส่วนตามอภิธรรมนัย สังขาร คือ เจตนาในกุศลจิตและอกุศลจิตที่เป็นโลกียะ และโลกุตตระ ส่วนเจตนาในกิริยาจิตทั้งหมดไม่ได้กล่าวถึงในคัมภีร์วิภังค์ ในคัมภีร์อรรถกถา กล่าว(ถึงเหตุ)ว่า กิริยธมฺมานํ ปน ยสฺมา เนว อวิชฺชา น กุสลากุสลมูลานิ อุปนิสฺสยปจฺจยตฺตํ ลภนฺติ, ตสฺมา กิริยวเสน ปจฺจยากาโร น วุตฺโต." "อวิชชาและกุศลมูลพร้อมทั้งอกุศลมูล ย่อมไม่ได้รับความเป็นปัจจัย อันเป็นที่ อาศัยมีกำลังของธรรมอันเป็นกิริยา พระผู้มีพระกาคจึงไม่ตรัสปฏิจจสมุปบาทโดยเนื่องกับ ธรรมอันเป็นกิริยา" ความหมายก็คือ อวิชชาและกุศลมูลพร้อมทั้งอกุศลมูลไม่ใช่ปัจจัยอันเป็นที่อาศัย มีกำลังของธรรมอันเป็นกิริยา ดังนั้น ธรรมอันเป็นกิริยาจึงไม่กล่าวถึงในปฏิจจสมุปบาท. เทศนา แม้ในคัมภีร์สังยุตตนิกาย พระพุทธองค์ตรัสว่า ยโต โข ภิกฺขเว ภิกฺขุโน อวิชฺชา ปหีนา โหติ, วิชฺชา อุปฺปนฺนา, โส อวิชฺชาวิราคา วิชฺชุปฺปาทา เนว ปุญฺญาภิสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, น อปุญฺญาภิสงฺขารํ, น อาเนญฺชาภิสงฺขารํ อภิสงฺขโรติ. "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุกำจัดอวิชชาแล้ว วิชชาเกิดขึ้นแล้ว เธอย่อมไม่ปรุงแต่ง ปุญฺญาภิสังขาร ไม่ปรุงแต่งอปุญญาภิสังขาร ไม่ปรุงแต่งงอาเนญชาภิสังขาร เพราะกำจัด วิชชาแล้ว เกิดวิชชา" |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 12 ต.ค. 2023, 03:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิจจสมุปบาทแสดงไว้สองนัย |
แต่การที่กิริยาจิตเกิดอาศัยปัจจัยโดยเนื่องกันกับปัจจัยที่สมควรแก่ตน มิได้ถูก ห้ามไว้ เพราะไม่มีสังขตธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งที่พ้นจากการเกิดขึ้นโดยอาศัยปัจจัย วิญญาณเป็นต้นก็มีนัยอย่างเดียวกัน ตามสุตตันตนัย วิญญาณ คือ วิปากจิตที่เป็นโลกิยะ ๓๒ ดวง ส่วนตามอภิธรรมนัย คือ จิตที่เป็นโลกิยะและโลกุตตระ ๖๙ ควง ยกเว้นกิริยาจิต ตามสุตตันตนัย นามรูป คือ ขันธ์ ๓ มีเวทนาขันธ์เป็นต้นที่เกิดร่วมกับโลกิยจิต พร้อมทั้งกรรมชรูปในปฏิสนธิกาลและจิตตชรูปไนปวัตติกาล ส่วนตามอภิธรรมนัย คือ ขันธ์ ๓ ที่ประกอบกับวิปากจิตซึ่งเป็นกุศลและอกุศล พร้อมทั้งรูปที่กล่าวมาแล้ว แต่ในคัมภีร์อรรถกถารวมเอารูปที่มีสมุฏฐาน ๔ ซึ่งได้รับ ปัจฉาชาตปัจจัยทั้งหมดไว้ (๒๓๒) ในคัมภีร์วิภาวนีกล่าวว่า ตทุภยมฺปิ อิธ ปฏิสนธิวิญณาณสหคตํ " (ในข้อนี้ นาม- รูปทั้ง ๒ เกิดร่วมกับปฏิสนธิจิต) ข้อความนั้นไม่สมควร คัมภีร์อนุทีปนีอธิบายว่า ข้อความดังกล่าวไม่สอดคล้องกับสุตตันตนัยและอภิธรรมนัย ที่กล่าวมาแล้ว จึงไม่สมควร] |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |