วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 02:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2023, 13:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




1684972135956-removebg-preview (1).png
1684972135956-removebg-preview (1).png [ 220.34 KiB | เปิดดู 1101 ครั้ง ]
ความสิ้นไปของราคะ โทสะ และโมหะ

เมื่อท่านเห็นรูปด้วยจักขุวิญญาณ ก็เป็นเพียงการเห็นโดย
ไม่ประกอบด้วยกิเลสเพราะได้ดับไปหมดแล้ว แม้การใด้ยินเสียง
เป็นต้นก็เช่นเดียวกัน การหมดกิเลสนี้เรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพาน
คือ การดับไปของราคะ โทสะ และโมหะ แต่ยังคงมีขันธ์เหลืออยู่
ในคัมภีร์อิติวุตตกะข้างต้นจึงกล่าวว่า

ตสฺส โย ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโย, อยํ วุจฺจติ ภิกฺขเว
สอุปาทิเสสา นิพฺพานธาตุ."

"ภิกษุทั้งหลาย ความสิ้นไปแห่งราคะ โทสะ และโมหะของ
เธอนี้ได้ชื่อว่า สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ"

หลังจากบรรลุอรหัตตมรรคแล้ว พระอรหันต์จะเสวยสุข
ในสอุปาทิเสสนิพพานจนถึงเวลาปรินิพพาน ท่านเป็นสุขอย่างยิ่ง
เนื่องจากได้กำจัดทุกข์ที่เกิดจากกิเลสวัฏได้ทั้งหมด แต่ขันธ์ยังคง
เหลืออยู่ไม่ได้ดับไป และหากท่านบรรลุในขณะดำรงเพศพรหมใน
พรหมโลก ขันธ์ของท่านก็ยังจะดำรงอยู่ต่อไปอีกกว่าพันหรือสอง
พันกัปเป็นตัน ซึ่งก็เป็นสิ่งดีเพราะในพรหมโลกไม่มีความทุกข์ทาง
กาย และปราศจากอารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา แต่พระอรหันต์ที่บรรลุ
สอุปาทิเสสนิพพานในมนุษย์โลกก็ยังต้องทนอยู่กับความทุกข์ทาง
ทุกข์ที่ยังต้องได้รับอยู่ เช่น บิณฑบาต อาบน้ำ ล้างหน้า ขับถ่าย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2023, 13:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นต้น ดังนั้น แม้ว่าพระอรหันต์ที่ตัดความยืดมั่นในขันธ์ ๕ ได้
หมดสิ้นแล้ว ก็ยังต้องแบกภาระหนักของขันธ์ต่อไปอีก

พระพากุละผู้เป็นเอตทัคคะด้านเป็นผู้มีสุขภาพบริบูรณ์ที่
ในบรรดาพุทธสาวก ท่านมีอายุยืนถึง ๑๖๐ ปี ได้บรรลุพระอหันต์
เมื่ออายุ ๘๐ ปี และปรินิพพานหลังจากนั้นอีก ๘๐ ปี ท่านจึงต้อง
แบกภาระคือชันธ์ ๕ เป็นเวลา ๑๖๐ ปี ก่อนที่จะหลุดพ้นด้วยการ
ดับขันธ์ปรินิพพาน อย่างไรก็ตาม ท่านไม่ได้ปรารถนาการมีชีวิต
ที่ยืนนานหรือการดับขันธ์ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า พระอรหันต์ไม่
ปรารถนาสิ่งทั้ง ๒ ไม่ว่าจะตายหรืออยู่ แม้ว่าท่านจะรอคอยการ
ปรินิพพานอย่างกระตือรือร้นก็ตาม
คำว่า ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโย (ความสิ้นไปแห่ง
ราคะ โทสะ และโมหะ เป็นคำแสดงกิริยาอาการที่ปราศจากราคะ
โทสะ และโมหะ ดังนั้น สอุปาทิเสสนิพพานจึงเป็นภาวะที่ไม่มีราคะ
โทสะ และโมหะ การกล่าวว่านิพพานนั้นเป็นสถานที่ปราศจากกิเลส
(โดยไช้เป็นอธิกรณสาธนะ) หรือเป็นเหตุทำให้กิเลสหมดสิ้นไป [โดย
ใช้เป็นกรณสาธนะ)เป็นเพียงสำนวนทางภาษาที่กล่าวไว้โดยอ้อม
แม้ในคัมภีร์อรรถกถาที่อธิบายประโยคนี้ก็กล่าวว่า

โย ราคกฺขโยติ ราคสฺส ขโย ขีณากาโร อภาโว อจฺจน
มนุปปาโท. เอส นโย เสเสสุปิ. เอตฺตาวตา ราคาทิกฺขโย สอุปาทิเสส
นิพพานธาตูติ ทสสิตํ โหติ."

"คำว่า โย ราคกฺขโย แปลว่า ความสิ้นไป คือ อาการสิ้นไป
ไม่มี ความไม่เกิดขึ้นแน่นอนแห่งราคะ แม้คำที่เหลือก็เช่น
เดียวกัน โดยประการดังนี้ พระอรรถกถาจารย์แสดงว่า ความสิ้นไป
แห่งราคะเป็นต้นชื่อว่า สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ"

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 83 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร