ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

พระอรหันต์จะไม่ละทิ้งการทำกุศล
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=63564
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 15 เม.ย. 2023, 15:23 ]
หัวข้อกระทู้:  พระอรหันต์จะไม่ละทิ้งการทำกุศล

พระอรหันต์ไม่ได้ละทิ้งการทำกุศลกรรม

พระอรหันต์ได้ดับกิลสทั้งปวงแล้ว จึงไม่กระทำกรรมชั่ว
เเน่นอน ท่านสั่งสมกุศลจากการให้ทาน รักษาศีล เจริญสมถะและ
วิปัสสนา เจริญเมตตาภาวนา รวมทั้งสักการะบูชาพระพุทธเจ้า
แต่เพราะหมดกิเลส กุศลนั้นจึงไม่ส่งผลวิบาก ในบทสวดนมัสการ
คาถา (คาถา ๑) กล่าวว่า พระพุทธองค์ทรงสละทั้งบุญและ
(กุสลํ กุสสํ ชหํ) เหตุที่กล่าวดังนี้เนื่องจากพระองค์ทรงตัดกิเลสวัฏ
และกรรมวัฎหมดแล้ว พระอรหันต์ก็เช่นเดียวกัน แต่ต่างกัน
พระอรหันต์ไม่สามารถตัดความเคยชิน (วาสนา) ในอดีตที่เหลือ
ตกค้างอยู่ในกระแสจิต เช่น การพูดคำหยาบเรียกผู้อื่นว่า คนถ่อย
เป็นตัน" การละบุญที่กล่าวถึงในนมักการดาถานั้น หมายความว่า
กรรมที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์กระทำไม่มีผล เพราะท่านได้ละ
กิเลสแล้วด้วยอรหัตตมรรค

สำหรับปุถุชนและพระเสกขะนั้น กรรมดีและกรรมชั่วทั้ง
อดีตและปัจจุบันยังมีอำนาจให้ผลปฏิสนธิ เพราะยังมีกิเลสอยู่ โดย
เฉพาะอย่างยิ่งตัณหาที่พอใจในกพชาติ ในทุกขณะที่เขาเหล่านั้นทำ
พูด หรือคิดทางกาย วาจา และใจ ก็จะเกิดกรรมใหม่อยู่ตลอดเวลา
เมื่อสิ้นชีวิตแล้ว กรรมที่ได้โอกาสส่งผลก็จะให้ผลเป็นปฏิสนธิโดยมี
รูปนามขันธ์ ๕ ในกพต่อไป ตามรูปศัพท์แล้วคำว่า ปฏิสนธิ แปลว่า
เชื่อมต่อภพ คือ เชื่อมภพก่อนไว้กับภพปัจจุบัน เหมือนกับการต่อ
เชือกต่อๆ กันไปไม่รู้จบสิ้น ดังนั้น สัตว์โลกจึงยังต้องเวียนว่าอยู่
ในสังสารวัฏอีกยาวไกล และตราบใดที่ขันธ์ ๕ ยังเกิดขึ้น ตราบนั้น
ความทุกข์ก็ยังเกิดติดตามไปไม่รู้จบ

ไฟล์แนป:
buddha-6622721__340 (1).png
buddha-6622721__340 (1).png [ 84.41 KiB | เปิดดู 1412 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 15 เม.ย. 2023, 16:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระอรหันต์จะไม่ละทิ้งการทำกุศล

(๕) ปฏิสนธิและอัปปฏิสนธิ

คัมภีรัปฏิสัมภิทามรรคกล่าวเรื่องการปฏิสนธิดังนี้
ปฏิสนฺธิ สงฺขารา, อปฺปฏิสนฺธิ นิพพานํ
"การเกิดใหม่เป็นสังขาร การไม่เกิด ใหม่เป็นนิพพาน"

การเกิดใหม่หรือปฏิสนธิ เป็นการเชื่อมต่อช่องว่างระหว่าง
กพเก่าที่สิ้นสุดลงกับภพที่เกิดขึ้นใหม่ อดีตภพถูกเชื่อมโยงไว้กับ
ปัจจุบันภพต่อเนื่องกันไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดตราบเท่าที่กฎแห่งกรรม
ยังทำหน้ที่อยู่ กรรมอาจเชื่อมให้ไปเกิดในภพเบื้องต่ำ เช่น เปรต
เดรัจฉาน เป็นตัน การเกิดใหม่อีกซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุคติภูมิที่เต็มไป
ด้วยความทุกข์นั้นเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวโดยแท้ หากยังไม่บรรลุเป็น
พระอหันต์ คนเราก็ยังต้องเวียนเกิดอยู่ในสังสารวัฏไม่พ้นไปจาก
การเวียนว่ายตายเกิด แม้พระโสดาบันก็ยังต้องเกิดในกามสุคติภูมิ
อีกไม่เกิน ๗ ชาติ พระสกทาคามียังต้องเกิดอีกไม่เกินชาติเดียว
พระอนาคามียังต้องท่องเที่ยวไปในสุทธาวาสพรหมจนกว่าจะบรรลุ
เป็นพระอรหันต์ ส่วนบรรดาปุถุชนยังมีกิเลสที่ทำให้ต้องเวียนว่าย
ตายกิดอยู่อย่างไม่มีจบสิ้น แต่เนื่องจากพระอรหันต์ได้ตัดกิเลสวัฏ
กรรมวัฏ และวิปากวัฏแล้วจึงไม่เกิดอีก การไม่ปฏิสนลิเป็นลักษณะ
ของนิพพาน จึงอาจกล่าวได้ว่านิพพานคือการไม่เกิด

ผู้ที่บรรลุภยญาณ อาที่นวญาณ และนิพพิทาญาณ มักจะมี
ความเบื่อหน่ายรูปนามขยะแขยงกับความทุกข์ในสังสารวัฏเพราะ
ได้รู้แจ้งความจริงของชีวิตด้วยมรรคญาณ และเมื่อท่านปฏิบัติต่อไป
จนกระทั่งบรรลุนิพพานด้วยอรหัตตมรรคญาณแล้ว กิเลสทั้งหเดก็
จะสงบระงับไปไม่เกิดขึ้น เมื่อกิเลสถูกขจัดไปทั้งหมด กรรมที่ทำไว้
ในภพก่อนและภพนี้ก็ไม่ให้ผลเป็นรูปนามในภพต่อไปอีก กล่าวได้
ว่ากิเลส กรรม และวิบาก คือ รูปนาม ทั้ง ๓ อย่างนี้สงบระงับไป
ในขณะบรรลุอรหัตตมรรคญาณ ความสงบอย่างนี้ก็คือนิพพานที่
กล่าวว่ามีลักษณะสงบ คือ สงบจากวนเวียนของกิเลส กรรม และ
วิบากนั่นแหละ

ไฟล์แนป:
buddha-6622721__340.png
buddha-6622721__340.png [ 88.45 KiB | เปิดดู 1408 ครั้ง ]

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/