ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=63423 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 26 มี.ค. 2023, 13:09 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | ข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม | ||
ข่มจิตในเวลาที่ควรข่ม [๖๔] ถามว่า : ผู้เพียรปฏิบัติย่อมข่มจิตในเวลาที่ควรข่มอย่างไร ตอบว่า : ในเวลาที่เธอมีจิตซัดส่ายเพราะความเพียรมากเกินไป เป็นต้น จงอย่า เจริญธัมมวิจยสัมโพชฌงค์เป็นตัน ๓ ประการ แต่ควรเจริญปัสสัทธิสัมโพชฌงค์เป็นต้น ในข้อความว่า "เพราะความเพียรมากเกินไป เป็นต้น" คำว่า อาทิ (เป็นต้น) หมายถึง การทำจิตให้สังเวชและทำจิตให้ร่าเริง เป็นต้น' การมีจิตชัดส่ายในเรื่องนี้เป็นความไม่สงบของจิต มิใช่ลักษณะที่จิตฟุ้งซ่านคิดถึง กามคุณเป็นตัน คังนั้น วิสุทธิมรรคมหาฎีกา* จึงอธิบายว่า "คำว่า อุทฺธตํ (ซัดส่าย) หมายความว่า ไม่สงบเพราะสมาธิเป็นต้นอ่อนกำลัง" พระพุทธเจ้าตรัสว่า -ภิกษุทั้งหลาย อุปมาเหมือนบุรุษต้องการจะดับไฟกองใหญ่ จึงใส่หญ้าแห้งๆ และไม่เอาฝุ่นโปรยลงไป เขาอาจดับไฟกองใหญ่ได้หรือ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ไม่ได้ พระพุทธเจ้าช้า พระพุทธองค์ตรัสต่อไปว่า ภิกษุทั้งหลาย อุปมานี้ฉันใด อุปไมยก็ฉันนั้น ในสมัยที่จิดฟุ้งซ่าน ไม่เป็นเวลาเพื่อเจริญขัมมวิยสัมโพชฌงค์ วีริยสัมโพซฌงค์ และ ปิติสัมโพชฌงค์ ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร เพราะจิตฟุ้งซ่าน จิตที่ฟุ้งซ่านนั้นยากที่จะให้สงบ ลงได้ด้วยธรรมเหล่านั้น ในสมัยที่จิตฟุ้งชาน เป็นเวลาสมควรเพื่อเจริญปัสสัทธิสัมโพชฒงค์ สมาธิ- สัมโพชมงค์ และอุเบกขาสัมโพซมงค์ ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร เพราะจิตฟุ้งซ่านจิตที่ฟุ้งซ่าน นั้นง่ายที่จะให้สงบลงได้ด้วยธรรมเหล่านี้ อุปมาเหมือนบุรุษต้องการจะดับไฟกองใหญ่ จึงใส่หญ้าสด ... และโปรยฝุ่นลงในกองไฟใหญ่นั้น เขาอาจดับไฟกองใหญ่ได้หรือ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ได้ พระพุทธเจ้าข้า" อนึ่ง พึงทราบการเจริญปัสสัทธิสัมโพชฌงค์เป็นต้นในเรื่องนี้โดยเนื่องด้วย เหตุเกิดของตน ดังพระพุทธดำรัสว่า ภิกษุทังหลาย ความสงบกายและใจมีอยู่ การมั่นใส่ใจโดยแยบคายในธรรม เหล่านั้น(กายปัสสัทธิและจิตตปัสสัทธิ) ย่อมมีได้ การหมั่นใส่ใจนี้เป็นเหตุที่ทำปัสสัทธิ- สัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น หรือทำปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญเต็มที่ นอกจากนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย สมถนิมิต (นิมิตคือความสงบ, สมาธิที่เกิดขึ้นก่อน) อัพยัคคนิมิต (นิมิตที่มีอารมณ์เดียว) มีอยู่ การหมั่นใส่ใจโดยแยบคายในนิมิตเหล่านั้นย่อมมีได้ การหมั่น ใส่ใจนี้เป็นเหตุที่ทำสมาธิสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น หรือทำสมาธิสัมโพชฌงค์ที่เกิด ขึ้นแล้วให้เจริญเต็มที่" นอกจากนั้น พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย ธรรมอันเป็นเหตุเกิดของอุเบกชาสัมโพชณงค์ มีอยู่ การหมั่นใสใจ โดยแยบคายในธรรมเหล่านั้นย่อมมีได้ การหมั่นใส่ใจนี้เป็นเหตุที่ทำอุเบกขาส้มโพชฌงค์ ที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น หรือทำอุเบกขาสมโพชฌงค์ที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญเต็มที่ ในพระบาลีทั้งสามแห่งนั้น มีคำอธิบายดังต่อไปนี้ : การใส่ใจโดยแยบคาย(ที่กล่าวไว้)ในพากย์ทั้งสาม คือ การใส่ใจที่เป็นไปด้วยการ หนดเอาลักษณะที่ทำให้เกิดปัสทธิเป็นต้นที่เคยเกิดขึ้นแล้วก่อให้เกิดธรรมเหล่านั้น (ปัสสัทธิ สมาธิ และอุเบกขา) คำว่า สมถนิมิต นี้เป็นชื่อของสมาธิที่เกิดขึ้นก่อนนั่นเอง และคำว่า อัพยัคค- นิมิต ก็เป็นชื่อของสมาธินั้นเหมือนกัน โดยมีความหมายว่า ไม่ซัดส่าย
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |